บุญราศีงา
ชิคา
Bl. Nha Chica
ฉลองในวันที่ : 14 มิถุนายน
ฟรานซิสคา เดอ
เปาลา เดอ เจซูส เกิดที่หมู่บ้านซานโต อันตอนิโอ ดู ริว เมืองเซา เจา เดล รี รัฐมีนัสเชไรส์ ประเทศบราซิล ในช่วงประมาณปี ค.ศ.1810
แต่ไม่ทราบวันที่แน่นอน แต่แน่ๆคือท่านได้รับศีลล้างบาปในวันที่ 26 เมษายน ค.ศ.1810
หลังจากนั้นไม่นานท่านก็ตามมารดาอดีตทาสกับพี่ชายย้ายไปอยู่เมืองเบยปินดิ
ด้วยข้าวของไม่กี่อย่างกับภาพของแม่พระ
แต่ไม่นานเมื่อท่านอายุได้
10 ปี มารดาของท่านก็ได้จากท่านไป หลังจากนั้นท่านและพี่ชายก็เติบโตขึ้นมาภายใต้การพิทักษ์รักษาของแม่พระ
ซึ่งค่อยๆเอาชนะดวงใจน้อยๆของท่าน ท่านมักเรียกพระนางว่า “คุณนายของฉัน”
และไม่เคยทำอะไรไปโดยที่มิได้ปรึกษากับพระนางเป็นคนแรกเลยซักครั้ง
เมื่อเจริญวัยขึ้นมาท่านก็ตัดสินใจดำรงชีวิตเป็นพรหมจรรย์เพื่อถวายตัวทั้งครบแด่พระเจ้า
และทำทุกสิ่งที่ทุกคนขอโดยมิได้ลังเลใจใดๆ ไม่ว่าเขาจะยากดีมีจนขนาดไหน
ท่านมีทั้งคำแนะนำและคำสวดภาวนาสำหรับทุกคนที่มาหา
ตั้งแต่ยังเด็กท่านก็พยายามให้คำแนะนำและสวดภาวนาให้ที่ทุกคนที่ท่านรู้จัก
จนมีหลายคนที่จะยังไม่ตัดสินใจจนกว่าจะได้ปรึกษาท่านก่อน
ทำให้มีคนมากมายต่างนับถือท่านเป็น “นักบุญ” ท่านมักกล่าวไขคำถามของผู้อยากรู้หลายๆคนในเรื่องของท่านว่า
“มันเป็นเพราะฉันสวดภาวนาด้วยความเชื่อ”
ชื่อเสียงความศักดิ์สิทธิ์ไม่นานก็เริ่มแพร่ไป
ทำให้มีผู้คนมามายต่างแห่แหนมาที่เมืองที่ท่านอาศัย
เพื่อขอคำแนะนำในเรื่องต่างๆที่ผ่านมาในชีวิต และโดยเฉพาะอย่างยิ่งขอคำภาวนา
ซึ่งท่านก็รับทุกคนด้วยความยินดีเสมอในทุกๆวัน
ยกเว้นวันศุกร์เพราะมันเป็นวันที่ท่านซักผ้ากับทุ่มเทให้กับการสวดภาวนาและการเป็นทุกข์ถึงบาปของท่าน
เพราะเป็นวันแห่งความรักและการสิ้นพระชนม์ของพระคริสตเจ้าเพื่อไถ่บาปเรา
ดังนั้นในเวลาบ่ายสามโมงท่านจึงสวดภาวนาอย่างร้อนรน
ท่านไม่รู้หนังสือเลยซักกะตัว
แต่ท่านก็มีความสุขเมื่อมีคนอ่านให้ท่านฟัง นอกจากนั้นท่านยังมีความศรัทธาในพระแม่ผู้ปฏิสนธินิรมล
ซึ่งเปรียบดั่งสหายของท่าน ท่านได้แต่งนพวารต่อพระนางและเพื่อถวายเกียรติแด่พระนาง
ท่านก็ได้สร้างวัดหลังเล็กๆขึ้นที่ใกล้ๆบ้านของท่านด้วยเงินบริจาค
ที่นั่นมีเพียงภาพของแม่พระผู้ปฏิสนธินิรมลภาพเล็กๆ
ที่ท่านใช่สวดสำหรับผู้ที่มาขอคำแนะนำจากท่าน
ขณะเดียวกันท่านก็ได้เจริญชีวิตแห่งกิจเมตตารักกับเพื่อนมนุษย์สุดกำลังใจกำกายจนเป็นรู้จักในนาม
“มารดาของผู้ยากไร้” ท่านใช่ชีวิตอย่างศักดิ์สิทธิ์มาเรื่อยๆกระทั้งอายุได้ 87 ปี ท่านก็ถึงแก่มรณกรรมอย่างสงบในวันที่ 14 มิถุนายน ค.ศ.1895 หลังจากนั้นก็มีกลิ่นหอมออกจากร่างท่านจนวันฝัง
แม้วันที่การย้ายร่างท่านในอีกราวร้อยปีต่อมาก็มีบางคนได้กลิ่นหอมอยู่ บางทีทุกคนอาจสงสัยว่าทำไมท่านถึงชื่อ
“งา” จริงๆมันเป็นการกล่อนเสียง sinhá ซึ่งคือชื่อแทนแม่พระของท่านนั่นเอง
และหลังจากนั้นหลายสิบปีต่อมาที่ต่อฝ่าฟันกับสิ่งต่างกับการดำเนินเรื่องของท่าน
อัศจรรย์การรักษาผ่านคำเสนอวิงวอนของท่านก็ได้รับการอนุมัติการทางสันตะสำนัก
จนนำไปสู่การบันทึกนามท่านในสารบบบุญราศีในวันที่ 4 พฤษภาคม ค.ศ.2013 ณ สักการสถานแม่พระผู้ปฏิสนธินิรมล ประเทศบราซิล
อันนับเป็นบุญราศีชาวบราซิลผิวดำคนแรกที่ได้เป็นบุญราศี
“จงเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือพี่น้องในยามขัดสน
จงต้อนรับด้วยอัธยาศัยไมตรี”(รม 12:13) ผมไม่แน่ใจว่าได้แบ่งปันข้อนี้ไปหรือยัง
แต่ถ้าแบ่งปันไปแล้วก็ขออภัยพี่น้องด้วยนะครับ ก่อนอื่นอยากตั้งคำถามว่า
เราสามารถช่วยคนที่ขัดสนทางฝ่ายกายหรือฝ่ายจิตด้วยวัตถุเพียงอย่างเดียวหรือ? ไม่เลยตรงข้ามเราสามารถช่วยพวกเขาด้วยวิธีฝ่ายจิตได้อีกด้วย
ไม่ว่าจะด้วยการหนุนใจ หรือ คำภาวนา
เพราะบางทีเจ้าความขัดสนที่ว่านี้ก็ไม่ได้มาในรูปวัตถุ
แต่มาในรูปความรู้สึกที่จับต้องไม่ได้
ซึ่งหากเราจะช่วยได้ก็ต้องช่วยด้วยวิธีที่จับต้องไม่ได้เช่นกัน คิดดูซิจะเอาดาบไปสู้กับปืนมันยากนะที่จะชนะ
แต่ถ้าปืนกับปืนนี่ก็มีสิทธิ์ ขอให้เราเลียนแบบท่านงา ชิคา ที่ต้อนรับ ให้คำแนะนำ
และสวดให้ทุกๆคนที่มาหาท่านพร้อมความทุกข์ด้วยความยินดีเสมอเถิด
ขอให้เราเป็นพระคริสต์ที่มีชีวิตเพื่อเพื่อนที่ทุกข์ใจจะได้รับความบรรเทาใจจากคำพูดของเราที่มาจากพระจิตเจ้าเถิด
“ข้าแต่ท่านบุญราศีงา ชิคา ช่วยวิงวอนเทอญ”
ข้อมูลอ้างอิง