วันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2557

"มาเดร มารีอา" ด้วยศรัทธากลางหุบเขา


บุญราศีมารีอา เตเรซา ฟาสเช
Bl. Maria Teresa Fasce
ฉลองในวันที่ : 18 มกราคม

หากกล่าวถึงกาสชา เราก็ต้องนึกถึงนักบุญริตา ทำนองเดียวกันหากกล่าวถึงนักบุญริตา ก็ต้องนึกถึงกาสชา  ที่นี่เป็นเมืองแห่งการแสวงบุญมายังมหาวิหารน้อยนักบุญริตา แห่ง กาสชา เพื่อเคารพร่างอันไม่เน่าเปื่อยของท่านนักบุญในโลงแก้วอันสวยงาม แม้จะต้องเผชิญกับทางอันคดเคี้ยวเพื่อมุ่งสู่เมืองกาสชาที่ตั้งอยู่ในหุบเขาของแคว้นอุมเบรีย ก็ไม่ทำให้ความศรัทธาต่อนักบุญองค์นี้ลดน้อยลงไป วันนี้เราจะกล่าวถึงนักบุญองค์นี้หรือ คำตอบคือ ไม่ 

แต่อยากจะกล่าวถึงซิสเตอร์ท่านหนึ่งผู้ได้มีส่วนสำคัญในการสร้างที่นี่ขึ้นมา ผู้ได้พักกายอยู่ในโลงแก้วสีทองบนเสารูปก้อนเมฆ ในห้องใต้ดินของมหาวิหารน้อยนี้ ใกล้ๆร่างของนักบุญที่รัก หากเดินถอยหลังมาหน่อยเราก็จะพบกับอักษรเขียนภาษาอิตาลีอยู่เหนือโลงว่า เบอาตา มารีอา เตเรซา ฟาสเช หรือ บุญราศีมารีอา เตเรซา ฟาสเช


มารีอา จูวันนา ฟาสเช เกิดเมื่อวันที่  27 ธันวาคม ค..1881 ในเมืองเล็กๆชื่อ โตร์รียา ไม่ไกลเท่าใดจากเจนัว ประเทศอิตาลี เป็นธิดาของเอวเยนีโอ ฟาสเช กับภรรยาคนที่สองชื่อ เตเรซา วาเลนเต โดยครอบครัวฝั่งบิดาท่านนั่นเป็นหนึ่งในครอบครัวสูงศักดิ์ในระดับชนชั้นกลางของเจนัว  ท่านได้รับศีลล้างบาปด้วยนามว่า มารีอา แต่ท่านก็มักถูกเรียกว่า มารีเอตตา เสมอ และน่าเศร้าเพียงแปดปีให้หลังจากเกิดท่านมารดาท่านก็สิ้นใจ

ดังนั้นพี่สาวคนโตของท่านชื่อ ลุยเจีย จึงมารับหน้าที่ดูแลท่านและน้องๆ แทนมารดาที่จากไป แต่แม้นจะมีมารดาดูแลเพียงสั้นๆแต่ท่านก็เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพบนสถานที่ที่คุณค่าของความเชื่อได้รับการปลูกฝัง ขณะเดียวกันก็ได้รับการศึกษาของเด็กหญิงตามที่สมัยนั้นจะทำได้ ซึ่งทั้งที่โรงเรียนประถมและมัธยมท่านก็สามารถทำได้อย่างดี เราอาจอยากรู้ว่ามารีเอตตาเป็นคนอย่างไร ท่านเป็นคนร่าเริงสดใส  แต่ก็อ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้หลักใหญ่เช่นกัน



และที่เจนัว ท่านก็มีโอกาสได้รับใช้คณะออกัสติเนี่ยนในเขตวัดแม่พระแห่งการปลอบโยน ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญอย่างยิ่งในการเจริญเติบโตด้านชีวิตฝ่ายจิตของสาวน้อยอย่างท่าน ผู้คอยช่วยงายเขตวัดด้วงแรงกายของตน ทั้งงานสอนคำสอน งานร้องเพลงและงานช่วยเหลือกิจกรรมต่างๆ และเป็นที่นั่นที่ท่านได้พบคุณพ่อวิญญาณของท่าน คุณพ่อมารีโอโน เฟรรีเอลโล ผู้จะมีบทบาทสำคัญต่อกระแสเรียกของท่านอย่างยิ่งในอนาคตอันใกล้ และก็เป็นที่นี่ที่ท่านได้เรียนรู้ที่จะรักจิตตารมณ์ของนักบุญออกัสติน ผู้ศักดิ์สิทธิ์

24 พฤษภาคม ค..1900 ช่างนับเป็นความยินดียิ่งของคณะออกัสติเนี่ยนทั่วโลก ด้วยในวันนี้กุหลาบงามผู้เร้นกายในหุบเขาของอุมเบรียได้รับเกียรติอันสูงส่งจากพระศาสนจักรยกให้เธอประดับไว้บนพระแท่นบูชาในฐานะนักบุญ โดยองค์สันตะบิดรเลโอที่ 13 ทางคณะจึงได้โอกาสเผยแพร่ประวัติของนักบุญใหม่ผู้นี้ผ่านการบรรยาย การฉลองตามพิธีกรรม และกิจกรรมอื่นๆ เพื่อให้นาม ริตา แห่ง กาสชา เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป และเช่นเดียวกันที่เมืองเจนัว ก็ได้มีการเผยแพร่ความศรัทธาต่อนักบุญองค์นี้กัน โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าความศรัทธาต่อนักบุญองค์นี้ภายหน้าจะแพร่ไปทั่วโลกอาศัยเด็กสาววัย 19 ที่ฟังประวัติกุหลาบแห่งกาสชาด้วยความสนใจและหลงใหลต่อชีวิตอันน่าพิศวงของกุหลาบดอกนี้



เวลานี้ด้วยประวัติของกุหลาบดอกนี้แห่งกาสชา  ได้สร้างความประทับใจอย่างยิ่งลงในดวงใจของท่าน จนทำให้ตัดสินใจที่จะดำเนินตามความฝันที่ซ่อนเร้นในดวงใจของท่านมาตลอด คือ การเป็นนักบวช เวลานี้กระแสเรียกช่างชัดเจนมาก ใช่แล้ว ท่านต้องการเป็นซิสเตอร์ ซิสเตอร์ออกัสติเนี่ยนในอารามกาสชา ที่เดียวกับกุหลาบแห่งกาสชาได้เคยอาศัยและสิ้นใจ แต่เมื่อท่านเผยถึงความปรารถนานี้ต่อครอบครัว บรรดาพี่น้องฝ่ายชายของท่านก็ต่างแสดงปฏิกิริยา ลบมากๆ แต่ก็ไม่อาจหยุดท่านได้ ส่วนพี่สาวท่านก็ไม่ได้ขัดขวางอะไร แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมท่านต้องการไปอยู่ที่ไกลปืนเที่ยงขนาดนั้นด้วย

ทางครอบครัวท่านต้องการให้ท่านเข้าอารามออกัสติเนี่ยนที่ซาโวนา  เพราะเวลานี้ครอบครัวท่านย้ายไปอยู่ที่ปีอัซซา โกลอมโบ ทำให้อารามนี้ใกล้บ้านมากกว่าอารามที่กาสชา ซึ่งห่างบ้านท่านไปราว 500 กิโลเมตรได้  แต่ระยะทางไม่อาจขัดขวางความปรารถนาท่านได้ ท่านยืนกรานเช่นเดิมต้องอารามที่กาสชาเท่านั้น จนท้ายสุดครอบครัวท่านก็ยอมเปิดไฟเขียวให้ท่านได้ทำตามใจฝันได้



โดยเร็ววันคุณพ่อวิญญาณของท่านเขียนจดหมายไปยังอารามที่กาสชา และเมื่อได้จดหมายตอบกลับมาจากอธิการของอาราม คุณแม่จูเซปปีนา กัตตาเรลลี คำตอบที่ได้กลับเป็นไฟแดง  เพราะคุณแม่อธิการคิดว่าหญิงสาวในเมืองอย่างท่านคงคุ้นเคยกับเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ไม่มีในอารามกลางเขาอย่างนี่และคงจะอยู่ที่นี่ไม่ได้แน่ๆ แต่เช่นเดียวกับนักบุญที่ท่านรัก แค่นี้ทำอะไรสาวมั่นอย่างท่านไม่ได้ ท่านยังคงเฝ้าขอซ้ำแล้วซ้ำอีก  กระทั้งมิถุนายน ค..1906 อารามก็เปิดไฟเขียวอันสุดท้ายให้ท่านในที่สุด

ท่านเป็นผู้สมัครเณรีอยู่หกเดือน ในคืนวันสมโภชพระคริสตสมภพ ปีนั้น ท่านจึงได้เสื้อศักดิ์สิทธิ์ของคณะและในคืนวันคริสตสมภพปีถัดมา  ท่านจึงได้ปฏิญาณตนถือศีลบนสามประการ พรหมจรรย์ ความนบนอบ ความยากจน พร้อมได้รับนามใหม่ว่า เตเรซา เอเลตตา  ยามนี้ท่านคิดว่าท่านได้โผบินออกจากโลกไปพบยังสวรรค์แล้ว แต่ในเวลาไม่ช้าท่านก็ค้นพบความจริงในอารามแห่งนี้  โอ้ อนิจจา กาสชา ไม่ได้เป็นดั่งภาพฝันของท่าน อารามตกอยู่ในวิกฤตตั้งแต่การมาถึงของเจ็ดพี่น้องจากมาเชราตาที่ทำให้เกิดวิกฤตระหว่างพี่น้อง ไม่เพียงเท่านั้นจิตตารมณ์ของคณะก็อยู่ใกล้ปากเหวเต็มที ทั้งมีการออกจากห้องรับแขกด้วยหละหลวม  ไม่พอยังมีแต่เสียงหัวเราะมากกว่าความเงียบ การรำพึง และความร้อนรน



สถานการณ์เช่นนี้สำหรับซิสเตอร์ผู้ไม่เคยประนีประนอมหรือยอมรับวิถีแบบนี้อย่างท่านแล้วทรมานเป็นที่สุด ความผิดหวังและข้อสงสัยเออล้นถาโถมใส่ตัวจนมิดหัวท่าน ท่านลังเลในกระแสเรียกนี้ และต้องการจะทดสอบทางเลือกในชีวิตของท่านเอาเสียใหม่ เหตุฉะนี้ท่านจึงขออธิการออกมาทบทวนเรื่องต่างๆในเดือนมิถุนายน ค..1910 ก่อนจะกลับไปในเดือนพฤษภาคม ปีถัดมา พร้อมการยืนยันถึงความมั่นใจในกระแสเรียกการเป็นซิสเตอร์ออกัสติเนี่ยน ใกล้กับกุหลาบแห่งกาสชาที่ท่านรัก และได้เข้าพิธีปฏิญาณตนตลอดชีพในวันที่ 22 มีนาคม ค..1912 

ทันทีท่านตระหนักถึงการสืบต่อจิตตารมณ์ของอารามเป็นหน้าที่ของท่านและไม่มีวันที่ท่านจะถอย ท่านเขียนจดหมายถึงสองฉบับถึงคุณแม่อธิการให้ยุติสถานการณ์ภายในอารามโดยไม่ต้องลังเลใจ หลังจากนั้นในปี ค..1914 ท่านก็ได้รับตำแหน่งเป็นรองนวกจารย์ของอาราม ก่อนในปี ค..1917 ท่านจะได้รับแต่งตั้งเป็นผู้แทน ณ ที่นี่ และที่สุดด้วยคะแนะเสียงเป็นเอกฉันท์จากซิสเตอร์ในอาราม ในวันที่ 12 สิงหาคม ค..1920 ท่านก็ได้รับเลือกให้เป็นคุณแม่อธิการของอารามและดำรงตำแหน่งนี้จนสิ้นชีวิต ซึ่งในฐานะนี้ ท่านก็ได้แสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดว่าท่านเกิดมาเพื่อเป็นมารดาผู้แสนดีแก่ทุกคนโดยแท้ การปกครองของท่านมีความโดดเด่นผ่านความรอบคอบ ปัญญา ความแน่นอนและความอ่อนหวาน  ท่านมีความเข้าใจจิตใจอย่างหนักแน่นและมีปรีชาญาณซึ่งทำให้ท่านสามารถจะอ่านใจหลายๆคนได้



นอกจากนี้เนื่องจากประสบการณ์ในช่วงแรกในอารามของท่าน ทำให้ท่านปรารถนาให้ซิสเตอร์ทุกคนในอารามมีอาศัยอยู่ในการรำพึงภาวนาหรือการปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ เพื่อในอารามกลับสู่วิถีทางเดิม วิถีทางแห่งความสันโดษอย่างแท้จริง ท่านยืนยันว่าพระเยซูเจ้ามิได้รัก ตุ๊กตา แต่พระองค์ทรงปรารถนาเจ้าสาวผู้ร้อนรนและอุตสาหะ ท่านเป็นคนมีอำนาจเพราะทักษะมารดาของท่าน แต่กระนั้นท่านก็ไม่เคยเผด็จการ ท่านเข้มงวดเพียงการปฏิบัติตามกฎของคณะและการพิถีพิถันในการนำมันมาประยุกต์ใช้ อันเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากในเวลานั้น ด้วยความอ่อนโยนและสุภาพเสมอ

อีกหนึ่งความตั้งใจหลังจากรับตำแหน่งอธิการของท่านอีกสิ่งคือการทำให้กุหลาบแห่งกาสชาเป็นที่รู้จัก และเพื่อการนี้ ท่านก็เข้าใจดีว่าต้องมีสิ่งปลูกสร้างที่เหมาะสมเพื่อรองรับจำนวนผู้แสวงบุญที่จะหลั่งไหลมายังที่นี่  ดังนั้นขั้นแรกจำต้องสร้างสิ่งพิมพ์สำหรับที่นี่ที่จะแจ้งเรื่องราวต่างๆของสักการสถานและนักบุญขึ้นมา ทำให้วันที่ 22 พฤษภาคม ค..1923  นิตรสารเดลเล อาปี อัลเล โรเซ หรือ จากผึ้งสู่กุหลาบ จึงถูกตีพิมพ์ขึ้นเป็นครั้งแรก



เวลาเดียวกันท่านก็ได้สร้างพระแท่นที่ถวายแด่กุหลาบแห่งกาสชาขึ้นในวัดเล็กๆที่ร่างไม่เน่าเปื่อยของนักบุญริตาถูกรักษาไว้แต่เดิมมา เพื่อนำเสนอความศรัทธาต่อนักบุญองค์นี้และผลที่ได้ก็ประสพความสำเร็จตามที่คาด ดังนั้นท่านจึงพยายามจะดำเนินงานขั้นต่อไปอันคือการสร้างวัดใหม่ที่จะถวายเกียรติแด่นักบุญริตา  สถานที่ที่ผู้แสวงบุญมายังที่นี่จะได้รับการต้อนรับให้เข้ามาหากุหลาบแห่งกาสชา เพื่อวิงวอนหรือโมทนาคุณสำหรับพระหรรษทานต่างๆที่ตนได้รับอาศัยนักบุญองค์นี้

ท่านตัดสินใจเปิดแคมเปญนี้ในปี ค..1925 แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำเช่นนี้โดยเร็ววัน แต่กระนั้นมันก็ไม่อาจหยุดท่านที่จะทำตามฝันนี้ได้  ท่านดำเนินงานนี้อย่างรอบคอบและหนักแน่นตลอดสิบสองปีแห่งการรอคอย กระทั้งศิลาฤทธิ์ก้อนแรกก็ได้ถูกวางขึ้น แต่การก่อสร้างก็มิได้เดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ตรงกันข้ามมันกลับดำเนินไปอย่างช้าๆ ไม่พอยังถูกขัดจังหวะด้วยสงคราม แต่ที่สุดแล้วงานก็กลับมาเดินต่ออีกครั้งในฤดูใบไม้ผลิ ปี ค..1946 กระทั้งแล้วเสร็จและได้รับการเสกในวันที่ 18 พฤษภาคม ปีถัดมา หลังสี่เดือนของมรณกรรมของท่าน



นอกจากงานสร้างสักการสถานใหม่แล้ว ในปี ค..1938 จากที่มีมารดาที่ไม่สามารถเลี้ยงลูกสาวได้นำมาลูกของเธอมาฝากอารามแล้ว ท่านก็ตัดสินใจสร้างบ้านสำหรับเด็กหญิงกำพร้าขึ้นโดยใช้ชื่อว่า รังผึ้งของนักบุญริตา และได้อ้าแขนของมันรับเด็กสาวจำนวนมากที่มารดาไม่สามารถเลี้ยงดูแล้วนำมาฝากไว้กับซิสเตอร์ โดยมีท่านคอยติดตามพวกเขาด้วยความรัก ขณะเดียวก็คอยดูแลการพัฒนาทางทั้งทางร่างกายและจิตใจของพวกเขา ท่านยังมักไปเล่นกับพวกเขาและกลายเป็นเหมือนเด็กเล็กๆในท่ามกลางพวกเขาอีกด้วย และในปัจจุบันที่นี่ยังเปิดรับเด็กสาวที่ครอบครัวยากไร้เพิ่มอีก

ไม่เพียงเท่านั้นท่านยังเปลี่ยนรูปแบบของเมืองกาสชาไปสู่ความเจริญ ท่านได้เปิดลา กาซา เดล เปลเลกรีโน(ปัจจุบันคือโฮเตล เดลเล โรเซ)ขึ้น แล้วยังได้ก่อตั้งเซมีนารีโอ ดี ซานตา อาโกสตีโน(ปัจจุบันคือบ้านเข้าเงียบสำหรับกลุ่มต่างๆ) รวมไปถึงบ้านสำหรับพระสงฆ์ฟังแก้บาป โรงพยาบาล และการขยายถนนไปยังสักการสถานใหม่



เราอาจคิดว่าท่านเป็นคนที่มีสุขภาพดี แต่เปล่าเลยตลอดสามสิบปีในชีวิตออกัสติเนี่ยน ท่านต้องรับทุกขเวทนาอย่างยิ่งจากมะเร็งที่เต้านมขวาที่สร้างความเจ็บปวดอย่างมหาศาล จนทำให้ท่านต้องเข้ารับการผ่าตัดถึงสองครั้ง แต่ท่านไม่ได้เรียกมันว่าความทุกข์ ท่านกลับเรียกมันว่า สมบัติของท่าน เพราะมันคือของขวัญอันยิ่งใหญ่ที่เจ้าบ่าวในสวรรค์มอบให้ท่าน และดูเหมือนว่าพระองค์จะไม่ได้มอบเพียงเท่านี้เพราะนอกจากอาการนี้แล้ว ท่านยังมีปัญหาหัวใจ หอบหืด เบาหวาน และปัญหาการไหลเวียนโลหิตที่ทำให้เกิดอาการแดงที่เท้าของท่าน

ซึ่งด้วยโรคเหล่านี้ทำให้ท่านมีน้ำหนักมาก แม้ท่านจะเป็นคนสูง แต่ท่านก็ป่วยเป็นโรคอ้วน ทำให้เดินไม่สะดวก ดังนั้นซิสเตอร์จึงช่วยกันทำเก้าอี้ไว้แบกท่านแทน แต่อย่างนั้นก็เถอะ ท่านก็ไม่เคยปล่อยความเจ็บป่วยก่อความวุ่นวายให้คนอื่น ท่านไม่เคยบ่นและไม่เคยต้องการคุยเรื่องมันกับคนอื่นด้วย สภาพร่างกายเปราะบางของท่านในไม่ช้าก็ทำให้ท่านล้มป่วยลง กัลวาลีโอของท่านช่างยาวนาน แต่ที่สุดในวันที่ 18 มกราคม ค..1947 ในวัย 64 ปี ท่านก็ถึงแก่มรณกรรมอย่างสงบ



ร่างของท่านถูกฝังยังห้องใต้ดินของมหาวิหารใหม่ที่ท่านไม่มีโอกาสได้เห็นมันแล้วเสร็จ ใกล้ๆนักบุญที่ท่านรัก และถูกพบว่าไม่เน่าเปื่อย เมื่อมีการเปิดกระบวนการขอแต่งตั้งท่านเป็นบุญราศี และที่สุดในวันที่ 12 ตุลาคม ค..1997 ห้าสิบปีหลังจากมรณกรรม สมเด็จพระสันตะปาปาก็บันทึกนามท่านในสารบบบุญราศี ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน และในวันนี้หากมีโอกาสแสวงบุญไปยังประเทศอิตาลี ก็ขอแนะนำให้แวะไปยังเมืองกาสชา เพื่อเยี่ยมชมสักถานของนักบุญริตาแลละท่าน โดยอาจพักที่นั่นก็ได้

ผู้ใดจับคันไถแล้วเหลียวดูข้างหลัง ผู้นั้นก็ไม่เหมาะสมกับอาณาจักรของพระเจ้า (ลูกา 9:62) คันไถสำหรับคริสตชนคืออะไร? ซึ่งคำตอบสำหรับถามนี้ของผม ก็คือคันไถสำหรับเราคือ กระแสเรียก ที่พระเจ้าทรงประทานมาให้เราแตกต่างกันไป บ้างก็มีกระแสเรียกรับใช้ บ้างก็มีกระแสเรียกสวดภาวนา บ้างก็มีกระแสเรียกกรแพร่ธรรม แต่ก็เหมือนกันตรงเวลาทำก็ต้องทำแบบสุดๆ โดยไม่พะวงหน้าพะวงหลัง และเหมือนตรงที่จุดหมาย เพราะ จุดหมายของเราก็คือสวรรค์ ให้เราดูแบบฉบับคุณแม่มารีอา ที่เมื่อทราบกระแสเรียกของท่าน ท่านก็เร่งทำมันอย่างชนิดที่เรียกว่าทุ่มสุดตัว โดยไม่กลัวอะไร เพราะท่านตระหนักดีว่างานนี้มาจากพระ ดังนั้นพระจะทรงดูแลงานนี้เอง ท่านมีเพียงทำต่อไปอย่าท้อ ซึ่งเช่นกันเมื่อเรารู้กระแสเรียกของเราแล้ว เราก็ต้องรีบทำมัน อย่ามัวแต่รอเวลา หากมีโอกาสเราก็ควรทำ ไม่ใช่ทำได้แต่ไม่ทำ พลางบอกเดี๋ยวพระจะทรงจัดการเอง ซึ้งการวางใจเป็นสิ่งที่ถูกก็จริง แต่ถ้าไม่ลงมือทำอะไรเลยแล้วมามัวแต่รอพระมาทำให้ มันจะเกิดผลอะไรไหม? ดังนั้นขอให้พวกเราก้าวไปตามกระแสเรียกด้วยความใจเสมอเถิด



ข้าแต่ท่านบุญราศีมารีอา เตเรซา ฟาสเช ช่วยวิงวอนเทอญ

ข้อมูลอ้างอิง
http://www.santaritadacascia.org/approfondimenti/approfondimenti-beatamadre.php
http://it.wikipedia.org/wiki/Maria_Teresa_Fasce

วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2557

"งา ชิคา" ชีวิตธรรมดาที่ไม่ธรรมดา


บุญราศีงา ชิคา
Bl. Nha Chica
ฉลองในวันที่ : 14 มิถุนายน

ฟรานซิสคา เดอ เปาลา เดอ เจซูส เกิดที่หมู่บ้านซานโต อันตอนิโอ ดู ริว เมืองเซา เจา เดล รี รัฐมีนัสเชไรส์ ประเทศบราซิล ในช่วงประมาณปี ค..1810 แต่ไม่ทราบวันที่แน่นอน แต่แน่ๆคือท่านได้รับศีลล้างบาปในวันที่  26 เมษายน ค..1810 หลังจากนั้นไม่นานท่านก็ตามมารดาอดีตทาสกับพี่ชายย้ายไปอยู่เมืองเบยปินดิ ด้วยข้าวของไม่กี่อย่างกับภาพของแม่พระ

แต่ไม่นานเมื่อท่านอายุได้ 10 ปี มารดาของท่านก็ได้จากท่านไป หลังจากนั้นท่านและพี่ชายก็เติบโตขึ้นมาภายใต้การพิทักษ์รักษาของแม่พระ ซึ่งค่อยๆเอาชนะดวงใจน้อยๆของท่าน ท่านมักเรียกพระนางว่า คุณนายของฉัน และไม่เคยทำอะไรไปโดยที่มิได้ปรึกษากับพระนางเป็นคนแรกเลยซักครั้ง



เมื่อเจริญวัยขึ้นมาท่านก็ตัดสินใจดำรงชีวิตเป็นพรหมจรรย์เพื่อถวายตัวทั้งครบแด่พระเจ้า และทำทุกสิ่งที่ทุกคนขอโดยมิได้ลังเลใจใดๆ ไม่ว่าเขาจะยากดีมีจนขนาดไหน ท่านมีทั้งคำแนะนำและคำสวดภาวนาสำหรับทุกคนที่มาหา ตั้งแต่ยังเด็กท่านก็พยายามให้คำแนะนำและสวดภาวนาให้ที่ทุกคนที่ท่านรู้จัก จนมีหลายคนที่จะยังไม่ตัดสินใจจนกว่าจะได้ปรึกษาท่านก่อน ทำให้มีคนมากมายต่างนับถือท่านเป็น นักบุญท่านมักกล่าวไขคำถามของผู้อยากรู้หลายๆคนในเรื่องของท่านว่า มันเป็นเพราะฉันสวดภาวนาด้วยความเชื่อ

ชื่อเสียงความศักดิ์สิทธิ์ไม่นานก็เริ่มแพร่ไป ทำให้มีผู้คนมามายต่างแห่แหนมาที่เมืองที่ท่านอาศัย เพื่อขอคำแนะนำในเรื่องต่างๆที่ผ่านมาในชีวิต และโดยเฉพาะอย่างยิ่งขอคำภาวนา ซึ่งท่านก็รับทุกคนด้วยความยินดีเสมอในทุกๆวัน ยกเว้นวันศุกร์เพราะมันเป็นวันที่ท่านซักผ้ากับทุ่มเทให้กับการสวดภาวนาและการเป็นทุกข์ถึงบาปของท่าน เพราะเป็นวันแห่งความรักและการสิ้นพระชนม์ของพระคริสตเจ้าเพื่อไถ่บาปเรา ดังนั้นในเวลาบ่ายสามโมงท่านจึงสวดภาวนาอย่างร้อนรน



ท่านไม่รู้หนังสือเลยซักกะตัว แต่ท่านก็มีความสุขเมื่อมีคนอ่านให้ท่านฟัง นอกจากนั้นท่านยังมีความศรัทธาในพระแม่ผู้ปฏิสนธินิรมล ซึ่งเปรียบดั่งสหายของท่าน ท่านได้แต่งนพวารต่อพระนางและเพื่อถวายเกียรติแด่พระนาง ท่านก็ได้สร้างวัดหลังเล็กๆขึ้นที่ใกล้ๆบ้านของท่านด้วยเงินบริจาค ที่นั่นมีเพียงภาพของแม่พระผู้ปฏิสนธินิรมลภาพเล็กๆ ที่ท่านใช่สวดสำหรับผู้ที่มาขอคำแนะนำจากท่าน

ขณะเดียวกันท่านก็ได้เจริญชีวิตแห่งกิจเมตตารักกับเพื่อนมนุษย์สุดกำลังใจกำกายจนเป็นรู้จักในนาม มารดาของผู้ยากไร้ ท่านใช่ชีวิตอย่างศักดิ์สิทธิ์มาเรื่อยๆกระทั้งอายุได้ 87 ปี ท่านก็ถึงแก่มรณกรรมอย่างสงบในวันที่ 14 มิถุนายน ค..1895 หลังจากนั้นก็มีกลิ่นหอมออกจากร่างท่านจนวันฝัง แม้วันที่การย้ายร่างท่านในอีกราวร้อยปีต่อมาก็มีบางคนได้กลิ่นหอมอยู่ บางทีทุกคนอาจสงสัยว่าทำไมท่านถึงชื่อ งาจริงๆมันเป็นการกล่อนเสียง sinhá ซึ่งคือชื่อแทนแม่พระของท่านนั่นเอง



และหลังจากนั้นหลายสิบปีต่อมาที่ต่อฝ่าฟันกับสิ่งต่างกับการดำเนินเรื่องของท่าน อัศจรรย์การรักษาผ่านคำเสนอวิงวอนของท่านก็ได้รับการอนุมัติการทางสันตะสำนัก จนนำไปสู่การบันทึกนามท่านในสารบบบุญราศีในวันที่  4 พฤษภาคม ค..2013 ณ สักการสถานแม่พระผู้ปฏิสนธินิรมล ประเทศบราซิล อันนับเป็นบุญราศีชาวบราซิลผิวดำคนแรกที่ได้เป็นบุญราศี

จงเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือพี่น้องในยามขัดสน จงต้อนรับด้วยอัธยาศัยไมตรี”(รม 12:13) ผมไม่แน่ใจว่าได้แบ่งปันข้อนี้ไปหรือยัง แต่ถ้าแบ่งปันไปแล้วก็ขออภัยพี่น้องด้วยนะครับ ก่อนอื่นอยากตั้งคำถามว่า เราสามารถช่วยคนที่ขัดสนทางฝ่ายกายหรือฝ่ายจิตด้วยวัตถุเพียงอย่างเดียวหรือ? ไม่เลยตรงข้ามเราสามารถช่วยพวกเขาด้วยวิธีฝ่ายจิตได้อีกด้วย ไม่ว่าจะด้วยการหนุนใจ หรือ คำภาวนา เพราะบางทีเจ้าความขัดสนที่ว่านี้ก็ไม่ได้มาในรูปวัตถุ แต่มาในรูปความรู้สึกที่จับต้องไม่ได้ ซึ่งหากเราจะช่วยได้ก็ต้องช่วยด้วยวิธีที่จับต้องไม่ได้เช่นกัน คิดดูซิจะเอาดาบไปสู้กับปืนมันยากนะที่จะชนะ แต่ถ้าปืนกับปืนนี่ก็มีสิทธิ์ ขอให้เราเลียนแบบท่านงา ชิคา ที่ต้อนรับ ให้คำแนะนำ และสวดให้ทุกๆคนที่มาหาท่านพร้อมความทุกข์ด้วยความยินดีเสมอเถิด ขอให้เราเป็นพระคริสต์ที่มีชีวิตเพื่อเพื่อนที่ทุกข์ใจจะได้รับความบรรเทาใจจากคำพูดของเราที่มาจากพระจิตเจ้าเถิด


ข้าแต่ท่านบุญราศีงา ชิคา ช่วยวิงวอนเทอญ


ข้อมูลอ้างอิง

"อิสิดอร์ บาก็องฌา" พยานองค์ความจริง


บุญราศีอิสิดอร์ บาก็องฌา
Bl. Isidore Bakanja
ฉลองในวันที่ : 12 สิงหาคม 

อิสิดอร์ บาก็องฌา ได้รับการบันทึกนามในสารบบบุญราศีโดยนักบุญสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ในเดือนเมษายน ค..1994 เรื่องการดำเนินการสถาปนาเป็นบุญราศีของท่านนั้นได้รับการสนับสนุนจากทางคณะคาร์เมไลท์ เพราะทุกคนที่สวมใส่สายจำพวกสีน้ำตาลล้วนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวคาร์แมลทั้งสิ้น อิสิดอร์ บาก็องฌา เป็นหนึ่งในชาวแอฟริกันหลายคนที่ได้รับความทุกข์ยากในยุคอาณานิคมช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ในขณะที่ชาวแอฟริกันส่วนมากยังเชื่อภูตผี เด็กหนุ่มผู้นี้ได้ใช้ชีวิตเป็นพยานแห่งความจริง

บาก็องฌา เกิดในเบลเยี่ยมคองโกหรือในปัจจุบันคือประเทศคองโก ประมาณปี ค..1889 ในชุมชนชาวประมงริมฝั่งแม่น้ำโบตาโต บิดามารดาคือ อิย็องซวา กับ อินยูกา  ในวัยเยาว์เราสันนิษฐานได้ว่าท่านคงได้ช่วยงานเกษตรกรรมของมารดา เพราะส่วนมากในแอฟริกาผู้หญิงมักมีหน้าที่ทำงานด้านเกษตรกรรม และอาจได้ช่วยบิดากับชาวบ้านจับปลา และแน่นอนท่านไม่เคยได้เรียนเขียนอ่านแต่ได้รับการปลูกฝังด้านความเชื่อและวัฒนธรรมอย่างเต็มเปี่ยมจนยากที่คิดได้ว่าอนาคตท่านจะหันไปจากสิ่งนี้



กระทั้งในราวปี ค..1904 ในวัย 16 ปี ท่านก็ตัดสินใจออกจากหมู่บ้านเพื่อมาแสวงโชคในเมือง และได้เข้าทำงานเป็นคนงานก่อสร้างให้บริษัทของรัฐ ขณะเดียวกันก็ทำงานเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านชื่อ แล็งก็องกา ซึ่งเป็นคริสตชนและมีอิทธิพลอย่างมากในชีวิตของท่าน ในการพบกันครั้งแรกแล็งก็องกาพึ่งจะได้รับศีลล้างบาปได้ไม่นาน เราไม่รู้ว่าท่านคิดอย่างไร เพราะเพียงไม่นานหลังจากมาถึงท่านก็เริ่มเรียนคำสอนกับคุณพ่อคณะทรัปปิสท์และได้รับศีลล้างบาปในวันที่ 6 พฤษภาคม ค..1906

สองเครื่องหมายที่จะย้ำเตือนตัวตนของท่านที่ท่านรับคือชื่อล้างบาปคือ อิสิดอร์ และสายจำพวกสีน้ำตาของคาร์เมไลท์ ซึ่งเป็นที่รู้จักดีว่า บ็องโกโต มาลีอา หรือเสื้อศักดิ์สิทธิ์ของแม่พระ  อันนับเป็นเรื่องที่น่าสนมากที่ในสมัยนั้นธรรมทูตทรัปปิสท์สนับสนุนให้คริสตชนใหม่สวมใส่สายจำพวกและใช้อย่างจริงจัง พร้อมสอนว่าการสวดสายประคำคือวิธีการยืนยันความเชื่อคริสตชนแก่ผู้อื่น ซึ่งดูเหมือนว่าคำสอนที่จะตราตรึงในหัวใจของท่านมากๆ เพราะนับจากเป็นคริสตชนแล้วท่านก็หมั่นสวดสายประคำทุกวันและอุทิศตนต่อพระแม่แห่งภูเขาคาร์แมลผ่านการสวดสายจำพวกของพระนางด้วยความภาคภูมิ



ท่านได้รับศีลกำลังในวันที่ 25 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน ก่อนจะได้รับศีลมหาสนิทครั้งแรกในวันที่ 8 สิงหาคม ปีถัดมา เราอาจสงสัยว่าท่านเป็นคนอย่างไรตามบันทึกแล้ว ท่านเป็นคนจริงจัง นิสัยดี ซื่อตรง มีมารยาท  อ่อนโยน เอาการเอางาน ศรัทธา ท่านมักมีสายประคำในมือ และมักมองหาโอกาสที่จะแบ่งปันความเชื่อที่ท่านค้นพบนี้แก่ผู้อื่นโดยมิได้หวงแหน จนมีหลายคนคิดว่าท่านเป็นครูคำสอน และอาศัยคำพูดและตัวอย่างของท่านี้เองที่ได้ดึงดูดทั้งเพื่อนและคนรู้จักท่านมายังพระคริสตเจ้า

ไม่นานหลังจากได้รับศีลล้างบาป ท่านก็กลับไปบ้านเป็นเวลาสั้นๆ ก่อนกลับมาด้วยสาเหตุที่ไม่แน่ชัด บ้างก็ว่าเพราะท่านไม่มีเพื่อนคริสตชนที่นั่น อย่างไรเวลานี้ท่านได้มาทำงานเป็นเด็กรับใช้ในบ้านของนายหน้าบริษัทคนขาวผลิตยางยักษ์ใหญ่ชื่อ the Société Anonyme Belge (SAB) ที่นั่นท่านพบว่าคนขาวทำให้ท่านสับสนแต่ท่านก็ไม่ได้ทำงานน้อยลงไปกว่าตอนท่านทำงานเป็นช่างตัดหินก่อสร้าง เจ้านายใหม่คนนี้ของท่านเป็นชาวเบลเยี่ยม เรียกกันง่ายๆว่า เรนเดอร์



ท่านอยู่กับเขากระทั้งในปี ค..1908 เมื่อเขาได้รับหน้าที่ใหม่ที่อีกีลี ท่านจึงย้ายไปที่นั่น แต่ก่อนจะไปท่านก็ได้รับคำเตือนจากเพื่อนร่วมงานว่าคนผิวขาวที่นั่นไม่เหมือนที่นี่ แต่ท่านเชื่อนายจ้างและขจัดความกังวลนี้ก่อนเดินทางมายังที่นี่และเข้ารับงานเป็นเด็กรับใช้ให้นายอ็องเดร วาน กูเตอร์ ผู้โหดเหี้ยม ระดับที่ว่าเคยสั่งเผาทั้งหมู่บ้านมาแล้วด้วยเหตุชาวบ้านที่นั่นกรีดยางได้ไม่ถึงเป้า เขาเป็นนายหน้าหน้าเลือดขนานแท้เลยทีเดียว

และสำคัญกว่าอื่นใดนอกจากนายอ็องเดรจะมีชื่อเสียงในด้านความโหดเหี้ยมแล้ว เขายังเป็นปฏิปักษ์กับศาสนาอย่างรุนแรง เพราะ เสียผลประโยชน์จากการที่บรรดาธรรมทูตได้ต่อสู้เพื่อสิทธิของชาวพื้นเมือง เขาจะเรียกทุกคนที่เกี่ยวกับศาสนาเชิงเยาเย้ยว่า ม็อง แปร์ แต่ในเวลานนั้นชนพื้นเมืองที่อีกีลีไม่มีใครทราบความหมายสักคน เพราะในเวลาที่ท่านไปถึงนั้นพวกเขาไม่เคยแม้แต่จะยินเรื่องราวของคริสต์ศาสนาเลยด้วยซ้ำ นี้แหละคือสภาพที่ท่านจะต้องพบในสถานที่ที่กฎหมายเอาผิดคนผิวขาวไม่ได้อย่างที่นี่



แต่ด้วยนิสัยรักการภาวนา ไม่นานเพื่อนรวมงานของท่านก็ต่างรู้สึกทึ่งและเริ่มขอให้ท่านสอนเรื่องราวของพระคริสตเจ้า การสวดภาวนา และขอร่วมสวดพร้อมกับท่าน  จนเมื่อเรื่องนี้ทราบไปถึงนายวาน กูเตอร์ เขาก็สั่งห้ามท่านสวดภาวนาคนเดียวหรือสวดแบบหมู่คณะ แกจะมีหมู่บ้านนักภาวนาและจะไม่มีอ้ายหน้าไหนต้องการทำงาน

วันหนึ่งขณะท่านกำลังทำหน้าที่เสิร์ฟอาหารให้นายจ้างของท่านอยู่นั้น นายจ้างของท่านก็ได้เห็นว่าท่านสวมสายจำพวกอยู่ในเสื้อ เขาจึงสั่งให้ท่านเอามันออก แต่เมื่อท่านปฏิเสธที่จะทำเช่นนั้น เขาก็กระฉากเสื้อท่านออก ก่อนเฆี่ยนท่าน 25 ครั้ง พร้อมบอกกับท่านว่าเขาจะไม่ยอมให้มีพวก คุณพ่อ ในที่ดินของเขาเป็นอันขาด และดูเหมือนว่าจะยังไม่สาแก่ใจพอสำหรับนายจ้างท่าน มีอะไรบางสิ่งในคำปฏิเสธอย่างภาคภูมิที่จะละทิ้งความเชื่อของท่านที่ได้จุดไฟโทสะในใจของเขาจนประทุ



เพียงไม่นานเท่าไรจากเหตุการณ์วันนั้น เขาก็สั่งให้คนตามท่านและพามาหาเขาอีก เช่นกันกับคราวทีแล้วเขาสั่งให้ท่านถอดสายจำพวกออก แต่ท่านก็ปฏิเสธเช่นเดิม ด้วยโทสะครั้งนี้นายอ็องเดร วาน กูเตอร์ นายจ้างท่านจึงลงมือกระชาก เสื้อศักดิ์สิทธิ์ของแม่พระ ออกจากคอของท่านแล้วโยนให้ฝูงสุนัขของของด้วยตัวเอง ก่อนจะลงมือสั่งให้คนของเขาจับท่านนอนคล้ำหน้าลงกับพื้น เพื่อจะเฆี่ยนท่านอย่างไร้ความปรานีโดยใช้แส้แบบพิเศษที่มีตะปูอยู่ที่ปลายแส้

แต่แม้จะไม่เต็มใจนักที่จะทำตามคำสั่งของนายวาน กูเตอร์ พวกเขาก็ต้องทำเพราะหากแม้นขัดคำสั่งแล้วชะตากรรมของพวกเขาก็คงไปต่างไปจากท่าน ดังนั้นแทนที่จะยึดในหลักความยุติธรรม พวกเขาก็ต่างเฆี่ยนตีท่าน ฉีกกระชากเนื้อจากกระดูก แทนที่จะมีเมตตานายวาน กูเตอร์กลับเพียงเตะท่าน ตีท่าน และทำร้ายท่านต่างๆนานาอยู่ตลอดเวลา เพียงเพราะท่านยึดมั่นในพระคริสตเจ้า



จนกระทั้งบรรดาลูกจ้างเหล่านั้นสิ้นแรงจะเฆี่ยนท่านต่อ  พวกเขาก็ลากท่านไปขังไว้ในเรือนจำชั่วคราวซึ่งคือกระท่อมที่ใช้รมควันยางพาราพร้อมล่ามท่านไว้ด้วยโซ่ และทิ้งให้ท่านรับทุกขเวทนาอย่างแสนสาหัสเป็นเวลาประมาณหนึ่งวันเต็ม กระทั้งมีผู้ตรวจการจากทางบริษัทเข้ามายังที่นี่ เหตุด้วยความกลัวว่าความชั่วช้าจะถูกเปิดเผยวาน กูเตอร์ จึงเร่งไปยังกระท่อมและลากท่านออกมา ขณะเดียวกันก็สั่งให้ท่านเดินไปตามพุ่มไม้ไปยังเมืองใกล้เคียง แต่เนื่องด้วยบาดแผลอันน่ากลัวของท่าน ท่านไม่สามรถจะยืน และแทบจะไม่สามารถลากตัวท่านเองได้

นายวาน กูเตอร์มองท่านลากตัวกระทั้งท่านลับตาไป โดยที่ไม่รู้เลยว่าท่านได้ไปซ่อนอยู่ในพุ่มไม้แถวๆนั้น และถูกพบโดยผู้ตรวจการณ์ชื่อ ดคพินฮาอุส ผู้เที่ยงตรงผู้นั้น ผมเห็นชายคนหนึ่งมาจากป่าพร้อมหลังที่ฉีกขาดเป็นรอยลึก หนอง เน่าเฟะ สกปรก มีแมลงวันตอม เขายันบนไม้สองแท่งเพื่อจะได้อยู่ใกล้ผม เขาไม่ได้เดิน เขาลากตัวเองมา เขาบันทึก และเมื่อได้ทราบเรื่องของท่าน เขาก็ให้ลูกทีมของเขานำตัวท่านขึ้นไปบนเรือและพาท่านไปยังสถานที่ปลอดภัยในอีซงโก



แม้จะมีบาดแผลหนักดคพินฮาอุสก็ดูแลท่านอย่างดีที่สุด แต่ก็ไม่อาจหยุดการติดเชื้อได้ ประตูแห่งความตายเข้ามาใกล้ท่านเต็มที ท่านมีอาการโลหิตเป็นพิษและถูกส่งไปยังบูซีรา ที่ซึ่งท่านได้รับการดูแลจากครูคำสอนท้องถิ่น และได้รับการเยี่ยมจากพระสงฆ์ธรรมทูตคณะทรัปปิสท์สององค์ในระหว่างวันที่ 24-25 กรกฎาคม ปี ค..1909  ทั้งสองขอให้ท่านอภัยผู้ทำร้ายท่าน เมื่อฟังดังนั้นท่านจึงไม่รีรอที่จะประกาศว่า แน่นอนผมจะสวดให้เขา เมื่อผมอยู่ในสวรรค์แล้ว ผมก็จะสวดให้เขามากๆครับ

หลังจากนั้นท่านจึงได้รับศีลเสบียงจากพระสงฆ์ทั้งสอง และถึงแก่มรณกรรมในวันที่ 15 สิงหาคม ปีเดียวกัน พร้อมสายจำพวกที่คอและสายประคำในมือ ร่างของท่านถูกฝังอย่างเรียบง่าย และที่สุดในวันที่ 25 เมษายน ค..1994 ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ก็ทรงบันทึกนามท่านลงในสารบบบุญราศีอย่าสง่าพร้อมบุญราศีคุณแม่อีกสองคน ท้ายสุดในโอกาสงานชุมนุมเยาวชนโลก 2013 สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ ก็แต่งตั้งท่านเป็นหนึ่งในองค์อุปถัมภ์ของงานนี้



ท่านทั้งหลายจงประพฤติตนให้คู่ควรกับข่าวดีของพระคริสตเจ้า(ฟิลิปปี 1:27) เราจะประพฤติตนอย่างไรให้เหมาะกับข่าวดี ง่ายๆก็คือการติดตามพระคริสตเจ้าด้วยการเป็นพระคริสต์ที่มีชีวิตคือ รักพระรักเพื่อน ดั่งเช่นท่านที่ได้สละชีวิตดีกว่าละทิ้งพระคริสตเจ้าซึ่งแสดงออกอย่างชัดเจนว่าท่านรักพระมากแค่ไหน และในเวลาเดียวกันท่านก็ได้ให้อภัยผู้ที่ทำร้ายท่านสุดหัวใจอันแสดงอย่างชัดเจนถึงการรักเพื่อนมนุษย์ของท่าน ซึ่งไม่ได้แบ่งผิวว่าจะสีไหน หรือทำอะไรไว้กับท่านบ้าง พี่น้องที่รัก ขอให้เราพยายามจะเลียนแบบชีวิตของท่านบุญราศีที่จะปฏิบัติตัวให้คู่ควรกับข่าวดีของพระคริสต์ด้วยการรักพระอย่างสุดใจ วางใจในพระองค์และรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง เพราะผู้ใดไม่รักเพื่อนที่มองเห็นได้แล้ว เขาจะรักพระที่เห็นไม่ได้ได้อย่างไรกัน พร้อมกันนั้นขอเรามองเห็นพระองค์ในเขาเสมอ

ถ้าคุณพบคุณแม่ของผม  หรือไปหาผู้พิพากษา หรือพบพระสงฆ์ โปรดบอกพวกเขาด้วยว่าผมกำลังจะตายเพราะผมเป็นคริสตชน  
คำสั่งเสียของท่านถึงดคพินฮาอุส


 ข้าแต่ท่านบุญราศีอิสิดอร์ บาก็องฌา ช่วยวิงวอนเทอญ

ข้อมูลอ้างอิง

คือปัสกาของ 'การ์โลส มานูเอล' ตอนจบ

บุญราศีการ์โลส มานูเอล เซซิลิโอ โรดริเกซ ซันติอาโก Bl. Carlos Manuel Cecilio Rodríguez Santiago วันฉลอง: 13 กรกฎาคม และ 4 พฤษภาคม (ในปวยร์โต...