วันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2557

"มาเดร มารีอา" ด้วยศรัทธากลางหุบเขา


บุญราศีมารีอา เตเรซา ฟาสเช
Bl. Maria Teresa Fasce
ฉลองในวันที่ : 18 มกราคม

หากกล่าวถึงกาสชา เราก็ต้องนึกถึงนักบุญริตา ทำนองเดียวกันหากกล่าวถึงนักบุญริตา ก็ต้องนึกถึงกาสชา  ที่นี่เป็นเมืองแห่งการแสวงบุญมายังมหาวิหารน้อยนักบุญริตา แห่ง กาสชา เพื่อเคารพร่างอันไม่เน่าเปื่อยของท่านนักบุญในโลงแก้วอันสวยงาม แม้จะต้องเผชิญกับทางอันคดเคี้ยวเพื่อมุ่งสู่เมืองกาสชาที่ตั้งอยู่ในหุบเขาของแคว้นอุมเบรีย ก็ไม่ทำให้ความศรัทธาต่อนักบุญองค์นี้ลดน้อยลงไป วันนี้เราจะกล่าวถึงนักบุญองค์นี้หรือ คำตอบคือ ไม่ 

แต่อยากจะกล่าวถึงซิสเตอร์ท่านหนึ่งผู้ได้มีส่วนสำคัญในการสร้างที่นี่ขึ้นมา ผู้ได้พักกายอยู่ในโลงแก้วสีทองบนเสารูปก้อนเมฆ ในห้องใต้ดินของมหาวิหารน้อยนี้ ใกล้ๆร่างของนักบุญที่รัก หากเดินถอยหลังมาหน่อยเราก็จะพบกับอักษรเขียนภาษาอิตาลีอยู่เหนือโลงว่า เบอาตา มารีอา เตเรซา ฟาสเช หรือ บุญราศีมารีอา เตเรซา ฟาสเช


มารีอา จูวันนา ฟาสเช เกิดเมื่อวันที่  27 ธันวาคม ค..1881 ในเมืองเล็กๆชื่อ โตร์รียา ไม่ไกลเท่าใดจากเจนัว ประเทศอิตาลี เป็นธิดาของเอวเยนีโอ ฟาสเช กับภรรยาคนที่สองชื่อ เตเรซา วาเลนเต โดยครอบครัวฝั่งบิดาท่านนั่นเป็นหนึ่งในครอบครัวสูงศักดิ์ในระดับชนชั้นกลางของเจนัว  ท่านได้รับศีลล้างบาปด้วยนามว่า มารีอา แต่ท่านก็มักถูกเรียกว่า มารีเอตตา เสมอ และน่าเศร้าเพียงแปดปีให้หลังจากเกิดท่านมารดาท่านก็สิ้นใจ

ดังนั้นพี่สาวคนโตของท่านชื่อ ลุยเจีย จึงมารับหน้าที่ดูแลท่านและน้องๆ แทนมารดาที่จากไป แต่แม้นจะมีมารดาดูแลเพียงสั้นๆแต่ท่านก็เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพบนสถานที่ที่คุณค่าของความเชื่อได้รับการปลูกฝัง ขณะเดียวกันก็ได้รับการศึกษาของเด็กหญิงตามที่สมัยนั้นจะทำได้ ซึ่งทั้งที่โรงเรียนประถมและมัธยมท่านก็สามารถทำได้อย่างดี เราอาจอยากรู้ว่ามารีเอตตาเป็นคนอย่างไร ท่านเป็นคนร่าเริงสดใส  แต่ก็อ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้หลักใหญ่เช่นกัน



และที่เจนัว ท่านก็มีโอกาสได้รับใช้คณะออกัสติเนี่ยนในเขตวัดแม่พระแห่งการปลอบโยน ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญอย่างยิ่งในการเจริญเติบโตด้านชีวิตฝ่ายจิตของสาวน้อยอย่างท่าน ผู้คอยช่วยงายเขตวัดด้วงแรงกายของตน ทั้งงานสอนคำสอน งานร้องเพลงและงานช่วยเหลือกิจกรรมต่างๆ และเป็นที่นั่นที่ท่านได้พบคุณพ่อวิญญาณของท่าน คุณพ่อมารีโอโน เฟรรีเอลโล ผู้จะมีบทบาทสำคัญต่อกระแสเรียกของท่านอย่างยิ่งในอนาคตอันใกล้ และก็เป็นที่นี่ที่ท่านได้เรียนรู้ที่จะรักจิตตารมณ์ของนักบุญออกัสติน ผู้ศักดิ์สิทธิ์

24 พฤษภาคม ค..1900 ช่างนับเป็นความยินดียิ่งของคณะออกัสติเนี่ยนทั่วโลก ด้วยในวันนี้กุหลาบงามผู้เร้นกายในหุบเขาของอุมเบรียได้รับเกียรติอันสูงส่งจากพระศาสนจักรยกให้เธอประดับไว้บนพระแท่นบูชาในฐานะนักบุญ โดยองค์สันตะบิดรเลโอที่ 13 ทางคณะจึงได้โอกาสเผยแพร่ประวัติของนักบุญใหม่ผู้นี้ผ่านการบรรยาย การฉลองตามพิธีกรรม และกิจกรรมอื่นๆ เพื่อให้นาม ริตา แห่ง กาสชา เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป และเช่นเดียวกันที่เมืองเจนัว ก็ได้มีการเผยแพร่ความศรัทธาต่อนักบุญองค์นี้กัน โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าความศรัทธาต่อนักบุญองค์นี้ภายหน้าจะแพร่ไปทั่วโลกอาศัยเด็กสาววัย 19 ที่ฟังประวัติกุหลาบแห่งกาสชาด้วยความสนใจและหลงใหลต่อชีวิตอันน่าพิศวงของกุหลาบดอกนี้



เวลานี้ด้วยประวัติของกุหลาบดอกนี้แห่งกาสชา  ได้สร้างความประทับใจอย่างยิ่งลงในดวงใจของท่าน จนทำให้ตัดสินใจที่จะดำเนินตามความฝันที่ซ่อนเร้นในดวงใจของท่านมาตลอด คือ การเป็นนักบวช เวลานี้กระแสเรียกช่างชัดเจนมาก ใช่แล้ว ท่านต้องการเป็นซิสเตอร์ ซิสเตอร์ออกัสติเนี่ยนในอารามกาสชา ที่เดียวกับกุหลาบแห่งกาสชาได้เคยอาศัยและสิ้นใจ แต่เมื่อท่านเผยถึงความปรารถนานี้ต่อครอบครัว บรรดาพี่น้องฝ่ายชายของท่านก็ต่างแสดงปฏิกิริยา ลบมากๆ แต่ก็ไม่อาจหยุดท่านได้ ส่วนพี่สาวท่านก็ไม่ได้ขัดขวางอะไร แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมท่านต้องการไปอยู่ที่ไกลปืนเที่ยงขนาดนั้นด้วย

ทางครอบครัวท่านต้องการให้ท่านเข้าอารามออกัสติเนี่ยนที่ซาโวนา  เพราะเวลานี้ครอบครัวท่านย้ายไปอยู่ที่ปีอัซซา โกลอมโบ ทำให้อารามนี้ใกล้บ้านมากกว่าอารามที่กาสชา ซึ่งห่างบ้านท่านไปราว 500 กิโลเมตรได้  แต่ระยะทางไม่อาจขัดขวางความปรารถนาท่านได้ ท่านยืนกรานเช่นเดิมต้องอารามที่กาสชาเท่านั้น จนท้ายสุดครอบครัวท่านก็ยอมเปิดไฟเขียวให้ท่านได้ทำตามใจฝันได้



โดยเร็ววันคุณพ่อวิญญาณของท่านเขียนจดหมายไปยังอารามที่กาสชา และเมื่อได้จดหมายตอบกลับมาจากอธิการของอาราม คุณแม่จูเซปปีนา กัตตาเรลลี คำตอบที่ได้กลับเป็นไฟแดง  เพราะคุณแม่อธิการคิดว่าหญิงสาวในเมืองอย่างท่านคงคุ้นเคยกับเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ไม่มีในอารามกลางเขาอย่างนี่และคงจะอยู่ที่นี่ไม่ได้แน่ๆ แต่เช่นเดียวกับนักบุญที่ท่านรัก แค่นี้ทำอะไรสาวมั่นอย่างท่านไม่ได้ ท่านยังคงเฝ้าขอซ้ำแล้วซ้ำอีก  กระทั้งมิถุนายน ค..1906 อารามก็เปิดไฟเขียวอันสุดท้ายให้ท่านในที่สุด

ท่านเป็นผู้สมัครเณรีอยู่หกเดือน ในคืนวันสมโภชพระคริสตสมภพ ปีนั้น ท่านจึงได้เสื้อศักดิ์สิทธิ์ของคณะและในคืนวันคริสตสมภพปีถัดมา  ท่านจึงได้ปฏิญาณตนถือศีลบนสามประการ พรหมจรรย์ ความนบนอบ ความยากจน พร้อมได้รับนามใหม่ว่า เตเรซา เอเลตตา  ยามนี้ท่านคิดว่าท่านได้โผบินออกจากโลกไปพบยังสวรรค์แล้ว แต่ในเวลาไม่ช้าท่านก็ค้นพบความจริงในอารามแห่งนี้  โอ้ อนิจจา กาสชา ไม่ได้เป็นดั่งภาพฝันของท่าน อารามตกอยู่ในวิกฤตตั้งแต่การมาถึงของเจ็ดพี่น้องจากมาเชราตาที่ทำให้เกิดวิกฤตระหว่างพี่น้อง ไม่เพียงเท่านั้นจิตตารมณ์ของคณะก็อยู่ใกล้ปากเหวเต็มที ทั้งมีการออกจากห้องรับแขกด้วยหละหลวม  ไม่พอยังมีแต่เสียงหัวเราะมากกว่าความเงียบ การรำพึง และความร้อนรน



สถานการณ์เช่นนี้สำหรับซิสเตอร์ผู้ไม่เคยประนีประนอมหรือยอมรับวิถีแบบนี้อย่างท่านแล้วทรมานเป็นที่สุด ความผิดหวังและข้อสงสัยเออล้นถาโถมใส่ตัวจนมิดหัวท่าน ท่านลังเลในกระแสเรียกนี้ และต้องการจะทดสอบทางเลือกในชีวิตของท่านเอาเสียใหม่ เหตุฉะนี้ท่านจึงขออธิการออกมาทบทวนเรื่องต่างๆในเดือนมิถุนายน ค..1910 ก่อนจะกลับไปในเดือนพฤษภาคม ปีถัดมา พร้อมการยืนยันถึงความมั่นใจในกระแสเรียกการเป็นซิสเตอร์ออกัสติเนี่ยน ใกล้กับกุหลาบแห่งกาสชาที่ท่านรัก และได้เข้าพิธีปฏิญาณตนตลอดชีพในวันที่ 22 มีนาคม ค..1912 

ทันทีท่านตระหนักถึงการสืบต่อจิตตารมณ์ของอารามเป็นหน้าที่ของท่านและไม่มีวันที่ท่านจะถอย ท่านเขียนจดหมายถึงสองฉบับถึงคุณแม่อธิการให้ยุติสถานการณ์ภายในอารามโดยไม่ต้องลังเลใจ หลังจากนั้นในปี ค..1914 ท่านก็ได้รับตำแหน่งเป็นรองนวกจารย์ของอาราม ก่อนในปี ค..1917 ท่านจะได้รับแต่งตั้งเป็นผู้แทน ณ ที่นี่ และที่สุดด้วยคะแนะเสียงเป็นเอกฉันท์จากซิสเตอร์ในอาราม ในวันที่ 12 สิงหาคม ค..1920 ท่านก็ได้รับเลือกให้เป็นคุณแม่อธิการของอารามและดำรงตำแหน่งนี้จนสิ้นชีวิต ซึ่งในฐานะนี้ ท่านก็ได้แสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดว่าท่านเกิดมาเพื่อเป็นมารดาผู้แสนดีแก่ทุกคนโดยแท้ การปกครองของท่านมีความโดดเด่นผ่านความรอบคอบ ปัญญา ความแน่นอนและความอ่อนหวาน  ท่านมีความเข้าใจจิตใจอย่างหนักแน่นและมีปรีชาญาณซึ่งทำให้ท่านสามารถจะอ่านใจหลายๆคนได้



นอกจากนี้เนื่องจากประสบการณ์ในช่วงแรกในอารามของท่าน ทำให้ท่านปรารถนาให้ซิสเตอร์ทุกคนในอารามมีอาศัยอยู่ในการรำพึงภาวนาหรือการปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ เพื่อในอารามกลับสู่วิถีทางเดิม วิถีทางแห่งความสันโดษอย่างแท้จริง ท่านยืนยันว่าพระเยซูเจ้ามิได้รัก ตุ๊กตา แต่พระองค์ทรงปรารถนาเจ้าสาวผู้ร้อนรนและอุตสาหะ ท่านเป็นคนมีอำนาจเพราะทักษะมารดาของท่าน แต่กระนั้นท่านก็ไม่เคยเผด็จการ ท่านเข้มงวดเพียงการปฏิบัติตามกฎของคณะและการพิถีพิถันในการนำมันมาประยุกต์ใช้ อันเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากในเวลานั้น ด้วยความอ่อนโยนและสุภาพเสมอ

อีกหนึ่งความตั้งใจหลังจากรับตำแหน่งอธิการของท่านอีกสิ่งคือการทำให้กุหลาบแห่งกาสชาเป็นที่รู้จัก และเพื่อการนี้ ท่านก็เข้าใจดีว่าต้องมีสิ่งปลูกสร้างที่เหมาะสมเพื่อรองรับจำนวนผู้แสวงบุญที่จะหลั่งไหลมายังที่นี่  ดังนั้นขั้นแรกจำต้องสร้างสิ่งพิมพ์สำหรับที่นี่ที่จะแจ้งเรื่องราวต่างๆของสักการสถานและนักบุญขึ้นมา ทำให้วันที่ 22 พฤษภาคม ค..1923  นิตรสารเดลเล อาปี อัลเล โรเซ หรือ จากผึ้งสู่กุหลาบ จึงถูกตีพิมพ์ขึ้นเป็นครั้งแรก



เวลาเดียวกันท่านก็ได้สร้างพระแท่นที่ถวายแด่กุหลาบแห่งกาสชาขึ้นในวัดเล็กๆที่ร่างไม่เน่าเปื่อยของนักบุญริตาถูกรักษาไว้แต่เดิมมา เพื่อนำเสนอความศรัทธาต่อนักบุญองค์นี้และผลที่ได้ก็ประสพความสำเร็จตามที่คาด ดังนั้นท่านจึงพยายามจะดำเนินงานขั้นต่อไปอันคือการสร้างวัดใหม่ที่จะถวายเกียรติแด่นักบุญริตา  สถานที่ที่ผู้แสวงบุญมายังที่นี่จะได้รับการต้อนรับให้เข้ามาหากุหลาบแห่งกาสชา เพื่อวิงวอนหรือโมทนาคุณสำหรับพระหรรษทานต่างๆที่ตนได้รับอาศัยนักบุญองค์นี้

ท่านตัดสินใจเปิดแคมเปญนี้ในปี ค..1925 แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำเช่นนี้โดยเร็ววัน แต่กระนั้นมันก็ไม่อาจหยุดท่านที่จะทำตามฝันนี้ได้  ท่านดำเนินงานนี้อย่างรอบคอบและหนักแน่นตลอดสิบสองปีแห่งการรอคอย กระทั้งศิลาฤทธิ์ก้อนแรกก็ได้ถูกวางขึ้น แต่การก่อสร้างก็มิได้เดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ตรงกันข้ามมันกลับดำเนินไปอย่างช้าๆ ไม่พอยังถูกขัดจังหวะด้วยสงคราม แต่ที่สุดแล้วงานก็กลับมาเดินต่ออีกครั้งในฤดูใบไม้ผลิ ปี ค..1946 กระทั้งแล้วเสร็จและได้รับการเสกในวันที่ 18 พฤษภาคม ปีถัดมา หลังสี่เดือนของมรณกรรมของท่าน



นอกจากงานสร้างสักการสถานใหม่แล้ว ในปี ค..1938 จากที่มีมารดาที่ไม่สามารถเลี้ยงลูกสาวได้นำมาลูกของเธอมาฝากอารามแล้ว ท่านก็ตัดสินใจสร้างบ้านสำหรับเด็กหญิงกำพร้าขึ้นโดยใช้ชื่อว่า รังผึ้งของนักบุญริตา และได้อ้าแขนของมันรับเด็กสาวจำนวนมากที่มารดาไม่สามารถเลี้ยงดูแล้วนำมาฝากไว้กับซิสเตอร์ โดยมีท่านคอยติดตามพวกเขาด้วยความรัก ขณะเดียวก็คอยดูแลการพัฒนาทางทั้งทางร่างกายและจิตใจของพวกเขา ท่านยังมักไปเล่นกับพวกเขาและกลายเป็นเหมือนเด็กเล็กๆในท่ามกลางพวกเขาอีกด้วย และในปัจจุบันที่นี่ยังเปิดรับเด็กสาวที่ครอบครัวยากไร้เพิ่มอีก

ไม่เพียงเท่านั้นท่านยังเปลี่ยนรูปแบบของเมืองกาสชาไปสู่ความเจริญ ท่านได้เปิดลา กาซา เดล เปลเลกรีโน(ปัจจุบันคือโฮเตล เดลเล โรเซ)ขึ้น แล้วยังได้ก่อตั้งเซมีนารีโอ ดี ซานตา อาโกสตีโน(ปัจจุบันคือบ้านเข้าเงียบสำหรับกลุ่มต่างๆ) รวมไปถึงบ้านสำหรับพระสงฆ์ฟังแก้บาป โรงพยาบาล และการขยายถนนไปยังสักการสถานใหม่



เราอาจคิดว่าท่านเป็นคนที่มีสุขภาพดี แต่เปล่าเลยตลอดสามสิบปีในชีวิตออกัสติเนี่ยน ท่านต้องรับทุกขเวทนาอย่างยิ่งจากมะเร็งที่เต้านมขวาที่สร้างความเจ็บปวดอย่างมหาศาล จนทำให้ท่านต้องเข้ารับการผ่าตัดถึงสองครั้ง แต่ท่านไม่ได้เรียกมันว่าความทุกข์ ท่านกลับเรียกมันว่า สมบัติของท่าน เพราะมันคือของขวัญอันยิ่งใหญ่ที่เจ้าบ่าวในสวรรค์มอบให้ท่าน และดูเหมือนว่าพระองค์จะไม่ได้มอบเพียงเท่านี้เพราะนอกจากอาการนี้แล้ว ท่านยังมีปัญหาหัวใจ หอบหืด เบาหวาน และปัญหาการไหลเวียนโลหิตที่ทำให้เกิดอาการแดงที่เท้าของท่าน

ซึ่งด้วยโรคเหล่านี้ทำให้ท่านมีน้ำหนักมาก แม้ท่านจะเป็นคนสูง แต่ท่านก็ป่วยเป็นโรคอ้วน ทำให้เดินไม่สะดวก ดังนั้นซิสเตอร์จึงช่วยกันทำเก้าอี้ไว้แบกท่านแทน แต่อย่างนั้นก็เถอะ ท่านก็ไม่เคยปล่อยความเจ็บป่วยก่อความวุ่นวายให้คนอื่น ท่านไม่เคยบ่นและไม่เคยต้องการคุยเรื่องมันกับคนอื่นด้วย สภาพร่างกายเปราะบางของท่านในไม่ช้าก็ทำให้ท่านล้มป่วยลง กัลวาลีโอของท่านช่างยาวนาน แต่ที่สุดในวันที่ 18 มกราคม ค..1947 ในวัย 64 ปี ท่านก็ถึงแก่มรณกรรมอย่างสงบ



ร่างของท่านถูกฝังยังห้องใต้ดินของมหาวิหารใหม่ที่ท่านไม่มีโอกาสได้เห็นมันแล้วเสร็จ ใกล้ๆนักบุญที่ท่านรัก และถูกพบว่าไม่เน่าเปื่อย เมื่อมีการเปิดกระบวนการขอแต่งตั้งท่านเป็นบุญราศี และที่สุดในวันที่ 12 ตุลาคม ค..1997 ห้าสิบปีหลังจากมรณกรรม สมเด็จพระสันตะปาปาก็บันทึกนามท่านในสารบบบุญราศี ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน และในวันนี้หากมีโอกาสแสวงบุญไปยังประเทศอิตาลี ก็ขอแนะนำให้แวะไปยังเมืองกาสชา เพื่อเยี่ยมชมสักถานของนักบุญริตาแลละท่าน โดยอาจพักที่นั่นก็ได้

ผู้ใดจับคันไถแล้วเหลียวดูข้างหลัง ผู้นั้นก็ไม่เหมาะสมกับอาณาจักรของพระเจ้า (ลูกา 9:62) คันไถสำหรับคริสตชนคืออะไร? ซึ่งคำตอบสำหรับถามนี้ของผม ก็คือคันไถสำหรับเราคือ กระแสเรียก ที่พระเจ้าทรงประทานมาให้เราแตกต่างกันไป บ้างก็มีกระแสเรียกรับใช้ บ้างก็มีกระแสเรียกสวดภาวนา บ้างก็มีกระแสเรียกกรแพร่ธรรม แต่ก็เหมือนกันตรงเวลาทำก็ต้องทำแบบสุดๆ โดยไม่พะวงหน้าพะวงหลัง และเหมือนตรงที่จุดหมาย เพราะ จุดหมายของเราก็คือสวรรค์ ให้เราดูแบบฉบับคุณแม่มารีอา ที่เมื่อทราบกระแสเรียกของท่าน ท่านก็เร่งทำมันอย่างชนิดที่เรียกว่าทุ่มสุดตัว โดยไม่กลัวอะไร เพราะท่านตระหนักดีว่างานนี้มาจากพระ ดังนั้นพระจะทรงดูแลงานนี้เอง ท่านมีเพียงทำต่อไปอย่าท้อ ซึ่งเช่นกันเมื่อเรารู้กระแสเรียกของเราแล้ว เราก็ต้องรีบทำมัน อย่ามัวแต่รอเวลา หากมีโอกาสเราก็ควรทำ ไม่ใช่ทำได้แต่ไม่ทำ พลางบอกเดี๋ยวพระจะทรงจัดการเอง ซึ้งการวางใจเป็นสิ่งที่ถูกก็จริง แต่ถ้าไม่ลงมือทำอะไรเลยแล้วมามัวแต่รอพระมาทำให้ มันจะเกิดผลอะไรไหม? ดังนั้นขอให้พวกเราก้าวไปตามกระแสเรียกด้วยความใจเสมอเถิด



ข้าแต่ท่านบุญราศีมารีอา เตเรซา ฟาสเช ช่วยวิงวอนเทอญ

ข้อมูลอ้างอิง
http://www.santaritadacascia.org/approfondimenti/approfondimenti-beatamadre.php
http://it.wikipedia.org/wiki/Maria_Teresa_Fasce

'เบร์นาร์โด ฟรานซิสโก' ให้ชีวิตนี้เป็นสะพานนำรักพระองค์ไป ตอนจบ

บุญราศีเบร์นาร์โด ฟรานซิสโก เด โอโยส เด เซญา Bl. Bernardo Francisco de Hoyos de Seña วันฉลอง: 29 พฤษจิกายน ผู้ใหญ่ในคณะคนแรก ๆ ที่ท่านแสวงหา...