บุญราศีมารีอา
กาเบรียลลา ซาเกดดู
Bl.Maria Gabriella Sagheddu
ฉลองวันที่: 22 เมษายน
องค์อุปถัมภ์ : การฟื้นฟูเอกภาพคริสตจักร
“ฉันล้างเธอเดชะพระนาม
พระบิดา และพระบุตร และพระจิต” พระสงฆ์ประจำวัดกล่าวขึ้นขณะโปรดศีลล้างบาปให้บุตรตรีแรกเกิดของคนเลี้ยงแกะนาม ‘มาร์กันโตนิโอ ซาเกดดู’ กับ ‘กาเตรีนา กุกกา’ ด้วยชื่อ ‘มารีอา’มารีอาเป็นบุตรคนที่ห้าจากแปดคนของครอบครัว
ท่านเกิดเมื่อวันที่ 17 มีนาคม ค.ศ.1914 ในเมืองเล็กๆทางชายฝั่งตะวันออกของแคว้นซาร์ดิเนีย
นาม ‘โดรกาลี’ ต่อมาในปี ค.ศ.1919 ขณะท่านมีอายุได้เพียง 5 ปี บิดาของท่านจากท่านไปหาพระบิดาเจ้า
ณ สวรรค์ ดังนั้นแม่หม้ายลูกแปดอย่างมารดาของท่านจึงกลายมาเป็นเสาหลักของครอบครัว ซึ่งก็ด้วยความเสียสละเธอและความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน
ก็ทำให้ครอบครัวสามารถผ่านพ้นวิกฤตนี้มาได้
ต่อมาท่านได้เข้ารับการศึกษาในโรงเรียน
ที่นั่นท่านเป็นคนที่มีชื่อเสียงมากโดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์ ท่านชอบที่จะอ่านหนังสือและกระหายหาความรู้
แต่สุดท้ายแล้ว ท่านก็ต้องออกจากโรงเรียนเพื่อมาช่วยงานบ้านซึ่งท่านค้นพบตัวของท่านเอง ในฐานะเด็กสาววัย 17 ทั่วไป ท่านเป็นคนใจกว้าง แข็งแร็ง เอาแต่ใจและมีความสนใจเรื่องศาสนาน้อยมาก
มันเป็นความจริงที่ว่าบ่อยครั้งท่านมักจะอยู่บ้านในขณะที่มารดาของท่านไปโบสถ์หรือไปร่วมมิสซา บ่อยครั้งมีคนเชื้อเชิญให้ท่านเข้าร่วมสอนกับกลุ่ม ‘กิจการคาทอลิก’ แต่ทุกครั้งท่านก็ตอบว่า “ดิฉันไม่ต้องการค่ะ”
จนเมื่ออายุได้ 18 ปี พระเมตตาอันสุดจะหยั่งได้ของพระเจ้าก็ได้ทอแสงลงมายังดวงใจที่แข็งกระด้างนั้นให้กลับกลายมาเป็นดวงใจที่อ่อนโยน
การไม่สนใจศาสนาจบลงแล้ว
บัดนี้ท่านมายืนต่อหน้าประธานของกลุ่มกิจการคาทอลิกเพื่อขออาสาทำงานนั้น
แต่ท่านก็ต้องประหลาดใจเพราะมีผู้มาทำแทนท่านแล้ว
แต่กระนั้นก็มีคนมากมายขอให้ท่านเข้ากลุ่ม นับจากวันนั้นท่านก็เปลี่ยนไป
ท่านช่วยเหลืองานของกลุ่มทุกงานและกลายมาเป็นครูสอนคำสอนแก่เด็กๆในเขตวัด
โดยครั้งแรกท่านจะสอนพวกเขาไปโดยที่มีไม้เรียวอยู่ที่มือ
แต่มีวันหนึ่งที่คุณพ่อประจำวัดได้เอาไม่นั้นไปซ่อนและกล่าวกับท่านว่า “ใช้ลำแขนของตัวเองด้วยความอดทน
ไม่ใช่ด้วยไม้” ฝั่งท่านก็น้อมรับคำติชมและนับจากวันนั้นท่านก็ไม่เคยใช่ไม้ในการสอนอีกเลย
นอกจากนั้นท่านยังไปมิสซาบ่อยขึ้น รับศีล เฝ้าศีล สวดสายประคำ
รำพึงภาวนาและสารภาพบาปทุกสัปดาห์
และด้วยเหตุที่ท่านอยู่ในวัยแรกแย้ม จึงมีหนุ่มมากมายมาขอท่านแต่งงาน
แต่ท่านก็ปฏิเสธไปเสียทุกครั้งเพราะตั้งแต่การกลับใจลึกลับของท่าน
ท่านก็ปรารถนาที่จะถวายทุกสิ่งเพื่อพระเยซูเจ้าเพียงผู้เดียว ท่านจึงตัดสินใจหันเหชีวิตเข้าสู่ทางแห่งนักบวช
ด้วยเหตุนี้ท่านจึงไปปรึกษาคุณพ่อวิญญาณรักษ์และได้รับคำแนะนำให้เข้าคณะทราปปิสท์ หรือ
คณะซิสเตอร์เซียน
ด้วยเหตุผลนี้ในเดือนตุลามปี ค.ศ.1935 ขณะที่ท่านอายุ 21 ปี ท่านจึงได้สมัครเข้าอารามคณะทราปปิสท์ที่กรอทตาเฟรราตา
ทางตอนใต้ของโรม และได้รับชื่อใหม่ว่า ‘ภคินีมารีอา
กาเบรียลลา’ ซึ่งเพียงระยะเวลาสั้นๆในอาราม
ท่านผู้เข้ามาใหม่ก็โดดเด่นขึ้นมาด้วยการแสวงหาความรู้และความรักขององค์พระคริสต์เจ้า
ผู้ซึ่งท่านรักในฐานะพระสวามีเจ้าของท่าน ท่านยังเด่นด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีใครติเตือนท่าน ท่านก็พร้อมเสมอที่จะยอมรับข้อผิดพลาดนั้นอย่างเต็มใจ
ต่อมาท่านก็ได้เข้าพิธีปฏิญาณตนเป็นภคินีมารีอา กาเบรียลลา
ในวันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ.1937 ซึ่งเป็นวันฉลองพระคริสต์กษัตริย์
หลังจากพิธีปฏิญาณจบลงท่านได้ภาวนาต่อพระเจ้าใจความตอนหนึ่งว่า“โอ้พระเยซูเจ้าข้า
ลูกขอถวายตัวเองแด่พระองค์ทั้งครบเดชะการเสียสละของพระองค์และถึงแม้มันจะไม่คู่ควร
และไม่มีค่าอันใด ลูกก็หวังและเชื่อมั่นว่าพระบิดาเจ้าจะทอดพระเนตรลงสายตาของความตั้งใจถวายของลูก
เพราะลูกเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์....... ” ก่อนหันไปทางพระเยซูเจ้าพร้อมกล่าวว่า “ตอนนี้พระองค์ต้องการสิ่งใด” ก่อนหยุดและกล่าวต่อไปว่า “ลูกขอถวายอย่างสิ้นเชิง” แต่นั้นมาท่านก็ประสบกับความทุกข์ยากมาโดยตลอด
ท่านกล่าวไว้ในบันทึกของท่านอีกว่า “ในความเรียบง่ายของดวงใจ ลูกยินดีมอบถวายทุกสิ้ง โอ้
องค์พระผู้เป็นเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงวางลูกบนมรรคานี้ พระองค์จะทรงระลึกเสมอว่าจะทรงประคับประคองลูกในสนามรบ
ณ แทบพระเมตตาของพระองค์ ลูกมอบความอ่อนแอของดิฉันไว้ด้วยความวางใจ ลูกเห็นเบื้องหน้าของลกคือกางเขนอันใหญ่ยิ่ง
…… ลูกระลึกดีว่าการเสียสละของลูกไม่มีค่าอันใดเลยเมื่อเทียบกับพระองค์
ลูกขอถวายตัวโดยสิ้นเชิงและลูกไม่ก็ขอถอนคำพูดนั้น ขอพระองค์ทรงกระทำตามน้ำพระทัยเถิด
นี่แหละคือความยินดี ความสุข สันติสุขของลูก ลูกไม่อาจโมทนาพระคุณพระองค์ได้มากพอ ลูกไม่อาจจะกล่าวคำเหล่านี้
พระเจ้าของลูก พระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์”
ตั้งแต่ช่วงกลางปี ค.ศ.1930 ได้มีการรณรงค์ให้มีการภาวนาเพื่อเอกภาพ
แผ่นพับจำนวนมากถูกทำและแจกจ่ายไปทั่วยุโรป และเมื่อแผ่นพับมาถึงอารามท่าน
จึงได้มีการจัดการภาวนาเพื่อเอกภาพขึ้นในปี ค.ศ.1938 ซึ่งเมื่อท่านอ่านประโยคที่ว่า “ร่วมภาวนาพร้อมกับคริสตชนทั้งหลายเพื่อเอกภาพของคริสตชน” วลีประโยคที่ทำให้ท่านรู้สึกประทับใจและรู้สึกถึงเสียงเรียกที่ชัดเจนว่าท่านจะต้องเป็นเป็นอาสาสมัครสำหรับงานอันทรงเกียรตินี้
หลังจากไม่กี่วันตัดสินใจเดินไปหาคุณแม่อธิการเพื่อขอถวายชีวิตของท่านเพื่อความเป็นเอกภาพของคริสตชน
ท่านกล่าวต่อคุณแม่ว่าท่านรู้สึกถูกกระตุ้นให้พลีชีวิตเพื่อการณ์นี้ และผลที่ได้
ก็คือคุณแม่อธิการอนุญาตท่าน พร้อมทั้งแนะให้ท่านไปปรึกษาพระสงฆ์ด้วย
กระทั้งตะวันละขอบฟ้าลงในวันเดียวกันที่ได้รับอนุญาต ท่านก็เริ่มมีอาการเจ็ยที่ไหล่อย่างรุนแรง
สุขภาพที่เคยแข็งของท่านเริ่มร่อนหรอลงเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่งแพทย์ก็ตรวจพบว่าท่านติดเชื้อวัณโรค
เช่นกับพระเยซูเจ้าที่ทรงอยู่ในทะเลทราย 40 วันเพื่อเตรียมตัว ท่านใช้เวลา 40 วันในโรงพยาบาลเพื่อเตรียมตัวไปงานวิวาห์นิรันดร์ของท่านกับพระองค์ ที่นั่นท่านต้องอดทนต่อความเจ็บปวดทางกายภาพจากการรักษาที่มีแต่จะส่งให้สุขภาพของท่านแย่ลงเรื่อยๆ
และฝ่ายภายในของ ท่านก็ต้องทนทุกข์จากเสียงในโรงพยาบาล
สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ถ้อยคำอันไม่นับถือศาสนาและการกระทำกับผู้ที่อยู่รอบตัวท่าน
ท่านเคยกล่าวถึงการเจ็บป่วยกับพยาบาลนางหนึ่งว่า “การเจ็บป่วยคือสมบัติของซิสเตอร์
ซิสเตอร์มิสามารถให้กับใครได้หรอก”
ท่านพักรักษาตัวอยู่ได้หนึ่งเดือน ท่านจึงถูกส่งตัวกลับมายังอาราม แต่ไม่ว่าจะที่ไหนอาการของท่านก็มีแต่ทรุดลงทรุดลง
กระนั้นท่านก็ไม่เคยปริปากบ่นเลย แต่กลับกันท่านกับยังคงภาวนาเพื่อเอกภาพคริสตชนต่อไปอย่างยิ่งยวด
ท่านเขียนบรรเทาใจมารดาของท่าน ใจความในจดหมายบางตอนหนึ่งมีว่า “ลูกมีความสุขที่จะได้รับบางสิ่งเพื่อพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้า …”
ต่อมาในปี ค.ศ.1957 เมื่อมีการเปิดหลุมศพของท่าน
ก็มีการค้นพบว่าร่างของท่านยังคงสภาพสมบูรณ์
ดังนั้นจึงมีย้ายร่างของไปไว้ในโบสถ์ของอารามซึ่งปัจจุบันคือวัดแห่งเอกภาพ
และหลังจากผลความเสียสละอันยิ่งใหญ่ของภคินีตัวน้อย
ในวันฉลองนักบุญเปาโลกลับใจและวัดสุดท้ายของวันภาวนาเพื่อเอกภาพ ที่ 25 มกราคม ค.ศ.1983 สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น
ปอล ที่ 2
ก็ได้สถาปนาให้ท่านเป็นบุญราศี ณ มหาวิหารนักบุญเปาโลนอกกำแพงกรุงโรม
ทางสายนี้จะยาวไกลสักเเค่ไหน
จะทุกข์ยากลำบากสังเพียงใดขอให้เราดำเนินชีวิตทางสายนี้เปรียบดังพระวาจาที่ว่า
การเสียสละของบุตรพระเจ้า และเป็นหนทางที่ทำให้พระเป็นเจ้ายิ่งเป็นทุกอย่างสำหรับทุกคน
(1 คร. 15:28) การเสียสละเเละภาวนาคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่
ในชีวิตของบุญราศีมารีอา
เเม้ว่าในวัยรุ่นท่านไม่สนใจศาสนาเลยเเต่พระเป็นเจ้าได้ทรงจัดทางสำหรับบุญราศีมารีอาเเล้ว
เมื่อพออายุ 18 ปี
ท่านบุญราศีได้เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาเพราะเป็นน้ำพระทัยพระองค์ที่ทรงเรียกท่านเเละอาศัยพระจิตเจ้าในการดำเนินชีวิต
ท่านอยากจะมีชีวิตอยู่เพื่อ การภาวนาเเละรับใช้ผู้อื่น
แม้ทางสายนี้ที่ใครเลือกเเล้วจะเป็นทางเเห่งกางเขนก็ตามท่านก็ไม่บากบั่น
เมื่อชีวิตนักบวชเริ่มต้นขึ้น ท่านมีจิตใจที่ร้อนรนในเรื่องการภาวนาเพื่อเอกภาพของคริสตชน เพื่อให้เกิดความสามัคคี
ความรักเเละให้อภัยเปรียบดังพระวาจาที่ว่า “จงรักศัตรู
จงอธิษฐานภาวนาให้ผู้ที่เบียดเบียนท่าน”(มัทธิว 5:44) เเม้ทางสายที่ท่านบุญราศีเลือกเป็นทางสายที่หนัก
เเต่ท่านก็มีรอยยิ้มเสมอ แม้ทางกางเขนนี้จะยาวไกลสักเพียงใดก็ตาม
กางเขนเเม้เป็นสิ่งที่ประหัตถ์ประหารองค์พระผู้ไถ่
หากใครได้กอดกางเขนเเล้วก็เท่าเป็นศิษย์ติดตามพระองค์
ข้าแต่ท่านบุญราศีมารีอา กาเบรียลลา ซาเกดดู
ช่วยวิงวอนเทอญ
ข้อมูลอ้างอิง