วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

"มารีอา กาเบรียลลา" ยัญบูชาแห่งเอกภาพคริสตชน



บุญราศีมารีอา กาเบรียลลา ซาเกดดู
Bl.Maria Gabriella Sagheddu
ฉลองวันที่: 22 เมษายน
องค์อุปถัมภ์ : การฟื้นฟูเอกภาพคริสตจักร

ฉันล้างเธอเดชะพระนาม พระบิดา และพระบุตร และพระจิต  พระสงฆ์ประจำวัดกล่าวขึ้นขณะโปรดศีลล้างบาปให้บุตรตรีแรกเกิดของคนเลี้ยงแกะนาม ‘มาร์กันโตนิโอ ซาเกดดู’ กับ ‘กาเตรีนา กุกกา’ ด้วยชื่อ ‘มารีอามารีอาเป็นบุตรคนที่ห้าจากแปดคนของครอบครัว ท่านเกิดเมื่อวันที่ 17 มีนาคม ค..1914 ในเมืองเล็กๆทางชายฝั่งตะวันออกของแคว้นซาร์ดิเนีย นาม ‘โดรกาลี’ ต่อมาในปี ค..1919 ขณะท่านมีอายุได้เพียง 5 ปี บิดาของท่านจากท่านไปหาพระบิดาเจ้า ณ สวรรค์ ดังนั้นแม่หม้ายลูกแปดอย่างมารดาของท่านจึงกลายมาเป็นเสาหลักของครอบครัว ซึ่งก็ด้วยความเสียสละเธอและความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน ก็ทำให้ครอบครัวสามารถผ่านพ้นวิกฤตนี้มาได้ 

ต่อมาท่านได้เข้ารับการศึกษาในโรงเรียน ที่นั่นท่านเป็นคนที่มีชื่อเสียงมากโดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์  ท่านชอบที่จะอ่านหนังสือและกระหายหาความรู้ แต่สุดท้ายแล้ว ท่านก็ต้องออกจากโรงเรียนเพื่อมาช่วยงานบ้านซึ่งท่านค้นพบตัวของท่านเอง  ในฐานะเด็กสาววัย 17 ทั่วไป ท่านเป็นคนใจกว้าง แข็งแร็ง เอาแต่ใจและมีความสนใจเรื่องศาสนาน้อยมาก มันเป็นความจริงที่ว่าบ่อยครั้งท่านมักจะอยู่บ้านในขณะที่มารดาของท่านไปโบสถ์หรือไปร่วมมิสซา  บ่อยครั้งมีคนเชื้อเชิญให้ท่านเข้าร่วมสอนกับกลุ่ม ‘กิจการคาทอลิก’ แต่ทุกครั้งท่านก็ตอบว่า ดิฉันไม่ต้องการค่ะ




จนเมื่ออายุได้ 18 ปี พระเมตตาอันสุดจะหยั่งได้ของพระเจ้าก็ได้ทอแสงลงมายังดวงใจที่แข็งกระด้างนั้นให้กลับกลายมาเป็นดวงใจที่อ่อนโยน การไม่สนใจศาสนาจบลงแล้ว บัดนี้ท่านมายืนต่อหน้าประธานของกลุ่มกิจการคาทอลิกเพื่อขออาสาทำงานนั้น แต่ท่านก็ต้องประหลาดใจเพราะมีผู้มาทำแทนท่านแล้ว แต่กระนั้นก็มีคนมากมายขอให้ท่านเข้ากลุ่ม นับจากวันนั้นท่านก็เปลี่ยนไป ท่านช่วยเหลืองานของกลุ่มทุกงานและกลายมาเป็นครูสอนคำสอนแก่เด็กๆในเขตวัด โดยครั้งแรกท่านจะสอนพวกเขาไปโดยที่มีไม้เรียวอยู่ที่มือ แต่มีวันหนึ่งที่คุณพ่อประจำวัดได้เอาไม่นั้นไปซ่อนและกล่าวกับท่านว่า ใช้ลำแขนของตัวเองด้วยความอดทน ไม่ใช่ด้วยไม้ ฝั่งท่านก็น้อมรับคำติชมและนับจากวันนั้นท่านก็ไม่เคยใช่ไม้ในการสอนอีกเลย นอกจากนั้นท่านยังไปมิสซาบ่อยขึ้น รับศีล เฝ้าศีล สวดสายประคำ รำพึงภาวนาและสารภาพบาปทุกสัปดาห์

และด้วยเหตุที่ท่านอยู่ในวัยแรกแย้ม จึงมีหนุ่มมากมายมาขอท่านแต่งงาน แต่ท่านก็ปฏิเสธไปเสียทุกครั้งเพราะตั้งแต่การกลับใจลึกลับของท่าน ท่านก็ปรารถนาที่จะถวายทุกสิ่งเพื่อพระเยซูเจ้าเพียงผู้เดียว ท่านจึงตัดสินใจหันเหชีวิตเข้าสู่ทางแห่งนักบวช ด้วยเหตุนี้ท่านจึงไปปรึกษาคุณพ่อวิญญาณรักษ์และได้รับคำแนะนำให้เข้าคณะทราปปิสท์ หรือ คณะซิสเตอร์เซียน



ด้วยเหตุผลนี้ในเดือนตุลามปี ค..1935 ขณะที่ท่านอายุ 21 ปี ท่านจึงได้สมัครเข้าอารามคณะทราปปิสท์ที่กรอทตาเฟรราตา ทางตอนใต้ของโรม และได้รับชื่อใหม่ว่า ‘ภคินีมารีอา กาเบรียลลา’  ซึ่งเพียงระยะเวลาสั้นๆในอาราม ท่านผู้เข้ามาใหม่ก็โดดเด่นขึ้นมาด้วยการแสวงหาความรู้และความรักขององค์พระคริสต์เจ้า ผู้ซึ่งท่านรักในฐานะพระสวามีเจ้าของท่าน ท่านยังเด่นด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีใครติเตือนท่าน ท่านก็พร้อมเสมอที่จะยอมรับข้อผิดพลาดนั้นอย่างเต็มใจ

ต่อมาท่านก็ได้เข้าพิธีปฏิญาณตนเป็นภคินีมารีอา กาเบรียลลา ในวันที่ 31 ตุลาคม ค..1937 ซึ่งเป็นวันฉลองพระคริสต์กษัตริย์ หลังจากพิธีปฏิญาณจบลงท่านได้ภาวนาต่อพระเจ้าใจความตอนหนึ่งว่าโอ้พระเยซูเจ้าข้า ลูกขอถวายตัวเองแด่พระองค์ทั้งครบเดชะการเสียสละของพระองค์และถึงแม้มันจะไม่คู่ควร และไม่มีค่าอันใด ลูกก็หวังและเชื่อมั่นว่าพระบิดาเจ้าจะทอดพระเนตรลงสายตาของความตั้งใจถวายของลูก เพราะลูกเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์....... ” ก่อนหันไปทางพระเยซูเจ้าพร้อมกล่าวว่า ตอนนี้พระองค์ต้องการสิ่งใด”  ก่อนหยุดและกล่าวต่อไปว่า ลูกขอถวายอย่างสิ้นเชิง  แต่นั้นมาท่านก็ประสบกับความทุกข์ยากมาโดยตลอด


ท่านกล่าวไว้ในบันทึกของท่านอีกว่า ในความเรียบง่ายของดวงใจ ลูกยินดีมอบถวายทุกสิ้ง โอ้ องค์พระผู้เป็นเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงวางลูกบนมรรคานี้ พระองค์จะทรงระลึกเสมอว่าจะทรงประคับประคองลูกในสนามรบ ณ แทบพระเมตตาของพระองค์ ลูกมอบความอ่อนแอของดิฉันไว้ด้วยความวางใจ ลูกเห็นเบื้องหน้าของลกคือกางเขนอันใหญ่ยิ่ง …… ลูกระลึกดีว่าการเสียสละของลูกไม่มีค่าอันใดเลยเมื่อเทียบกับพระองค์ ลูกขอถวายตัวโดยสิ้นเชิงและลูกไม่ก็ขอถอนคำพูดนั้น ขอพระองค์ทรงกระทำตามน้ำพระทัยเถิด นี่แหละคือความยินดี ความสุข สันติสุขของลูก ลูกไม่อาจโมทนาพระคุณพระองค์ได้มากพอ ลูกไม่อาจจะกล่าวคำเหล่านี้ พระเจ้าของลูก พระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์

ตั้งแต่ช่วงกลางปี ค..1930 ได้มีการรณรงค์ให้มีการภาวนาเพื่อเอกภาพ แผ่นพับจำนวนมากถูกทำและแจกจ่ายไปทั่วยุโรป และเมื่อแผ่นพับมาถึงอารามท่าน จึงได้มีการจัดการภาวนาเพื่อเอกภาพขึ้นในปี ค..1938 ซึ่งเมื่อท่านอ่านประโยคที่ว่า ร่วมภาวนาพร้อมกับคริสตชนทั้งหลายเพื่อเอกภาพของคริสตชน” วลีประโยคที่ทำให้ท่านรู้สึกประทับใจและรู้สึกถึงเสียงเรียกที่ชัดเจนว่าท่านจะต้องเป็นเป็นอาสาสมัครสำหรับงานอันทรงเกียรตินี้


หลังจากไม่กี่วันตัดสินใจเดินไปหาคุณแม่อธิการเพื่อขอถวายชีวิตของท่านเพื่อความเป็นเอกภาพของคริสตชน ท่านกล่าวต่อคุณแม่ว่าท่านรู้สึกถูกกระตุ้นให้พลีชีวิตเพื่อการณ์นี้ และผลที่ได้ ก็คือคุณแม่อธิการอนุญาตท่าน พร้อมทั้งแนะให้ท่านไปปรึกษาพระสงฆ์ด้วย กระทั้งตะวันละขอบฟ้าลงในวันเดียวกันที่ได้รับอนุญาต ท่านก็เริ่มมีอาการเจ็ยที่ไหล่อย่างรุนแรง สุขภาพที่เคยแข็งของท่านเริ่มร่อนหรอลงเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่งแพทย์ก็ตรวจพบว่าท่านติดเชื้อวัณโรค

เช่นกับพระเยซูเจ้าที่ทรงอยู่ในทะเลทราย 40 วันเพื่อเตรียมตัว ท่านใช้เวลา 40 วันในโรงพยาบาลเพื่อเตรียมตัวไปงานวิวาห์นิรันดร์ของท่านกับพระองค์   ที่นั่นท่านต้องอดทนต่อความเจ็บปวดทางกายภาพจากการรักษาที่มีแต่จะส่งให้สุขภาพของท่านแย่ลงเรื่อยๆ และฝ่ายภายในของ ท่านก็ต้องทนทุกข์จากเสียงในโรงพยาบาล สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ถ้อยคำอันไม่นับถือศาสนาและการกระทำกับผู้ที่อยู่รอบตัวท่าน ท่านเคยกล่าวถึงการเจ็บป่วยกับพยาบาลนางหนึ่งว่า การเจ็บป่วยคือสมบัติของซิสเตอร์ ซิสเตอร์มิสามารถให้กับใครได้หรอก


ท่านพักรักษาตัวอยู่ได้หนึ่งเดือน ท่านจึงถูกส่งตัวกลับมายังอาราม แต่ไม่ว่าจะที่ไหนอาการของท่านก็มีแต่ทรุดลงทรุดลง กระนั้นท่านก็ไม่เคยปริปากบ่นเลย แต่กลับกันท่านกับยังคงภาวนาเพื่อเอกภาพคริสตชนต่อไปอย่างยิ่งยวด ท่านเขียนบรรเทาใจมารดาของท่าน ใจความในจดหมายบางตอนหนึ่งมีว่า ลูกมีความสุขที่จะได้รับบางสิ่งเพื่อพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้า …”

ที่สุดแล้วหลังโรคร้ายที่ท่านเรียกมันว่า ‘ที่รักของดิฉัน’ คุกคามท่านมานานนับสิบห้าเดือน ท่านผู้ไม่เคยปริปากบ่นอะไรเลย นอกเหนือจากเพียงกล่าวว่า ลูกไม่ขอถอนคำพูด โอ้พระเจ้าเป็นสิ่งดียิ่งนัก .... ลูกต้องการรักพระองค์สำหรับผู้ผู้ที่ไม่ได้รักพระเยซูเจ้า ..... ลูกขอถวายตัวลูกแก่พระองค์ และเพียงสี่ปีในอาราม ท่านก็ได้จากไปเข้าพิธีวิวาห์กับสุดที่รักของท่านในสวรรค์อย่างสงบ ในวันที่  23 เมษายน ค..1939 ด้วยอายุ 25 ปี


ต่อมาในปี ค..1957 เมื่อมีการเปิดหลุมศพของท่าน ก็มีการค้นพบว่าร่างของท่านยังคงสภาพสมบูรณ์ ดังนั้นจึงมีย้ายร่างของไปไว้ในโบสถ์ของอารามซึ่งปัจจุบันคือวัดแห่งเอกภาพ และหลังจากผลความเสียสละอันยิ่งใหญ่ของภคินีตัวน้อย ในวันฉลองนักบุญเปาโลกลับใจและวัดสุดท้ายของวันภาวนาเพื่อเอกภาพ ที่ 25 มกราคม ค..1983 สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ก็ได้สถาปนาให้ท่านเป็นบุญราศี ณ มหาวิหารนักบุญเปาโลนอกกำแพงกรุงโรม 


ทางสายนี้จะยาวไกลสักเเค่ไหน จะทุกข์ยากลำบากสังเพียงใดขอให้เราดำเนินชีวิตทางสายนี้เปรียบดังพระวาจาที่ว่า การเสียสละของบุตรพระเจ้า และเป็นหนทางที่ทำให้พระเป็นเจ้ายิ่งเป็นทุกอย่างสำหรับทุกคน (1 คร. 15:28)  การเสียสละเเละภาวนาคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ในชีวิตของบุญราศีมารีอา เเม้ว่าในวัยรุ่นท่านไม่สนใจศาสนาเลยเเต่พระเป็นเจ้าได้ทรงจัดทางสำหรับบุญราศีมารีอาเเล้ว เมื่อพออายุ 18 ปี ท่านบุญราศีได้เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาเพราะเป็นน้ำพระทัยพระองค์ที่ทรงเรียกท่านเเละอาศัยพระจิตเจ้าในการดำเนินชีวิต ท่านอยากจะมีชีวิตอยู่เพื่อ การภาวนาเเละรับใช้ผู้อื่น แม้ทางสายนี้ที่ใครเลือกเเล้วจะเป็นทางเเห่งกางเขนก็ตามท่านก็ไม่บากบั่น เมื่อชีวิตนักบวชเริ่มต้นขึ้น ท่านมีจิตใจที่ร้อนรนในเรื่องการภาวนาเพื่อเอกภาพของคริสตชน  เพื่อให้เกิดความสามัคคี ความรักเเละให้อภัยเปรียบดังพระวาจาที่ว่า “จงรักศัตรู จงอธิษฐานภาวนาให้ผู้ที่เบียดเบียนท่าน(มัทธิว 5:44) เเม้ทางสายที่ท่านบุญราศีเลือกเป็นทางสายที่หนัก เเต่ท่านก็มีรอยยิ้มเสมอ แม้ทางกางเขนนี้จะยาวไกลสักเพียงใดก็ตาม กางเขนเเม้เป็นสิ่งที่ประหัตถ์ประหารองค์พระผู้ไถ่ หากใครได้กอดกางเขนเเล้วก็เท่าเป็นศิษย์ติดตามพระองค์


ข้าแต่ท่านบุญราศีมารีอา กาเบรียลลา ซาเกดดู ช่วยวิงวอนเทอญ

ข้อมูลอ้างอิง

'เบร์นาร์โด ฟรานซิสโก' ให้ชีวิตนี้เป็นสะพานนำรักพระองค์ไป ตอนจบ

บุญราศีเบร์นาร์โด ฟรานซิสโก เด โอโยส เด เซญา Bl. Bernardo Francisco de Hoyos de Seña วันฉลอง: 29 พฤษจิกายน [ย้อนกลับไปอ่าน  “‘เบร์นาร์โด ฟรา...