วันพุธที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

"มารีอา เทเรซา" ชีวิตที่พลิกผัน



บุญราศีมารีอา เทเรซา แห่ง นักบุญโยเซฟ
Bl.Maria Therese of Saint Joseph
ฉลองในวันที่ : 20 กันยายน

ใกล้เมืองแฟรงก์เฟิร์ต ในวันที่ 19 มิถุนายน ค..1855 ณ เมืองซานดูว์ ประเทศเยอรมนีปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศโปแลนด์ จะเป็นวันที่โลกจะต้องจารึกว่า อนาคตนักบุญตัวน้อยๆได้ลืมตาดูโลกเป็นครั้งแรกในครอบครัวโปรเตสแตนต์นิกายลูเธอร์แลนของศิษยาภิบาลประจำเมืองนาม เฮอร์มันน์ เทรากอท เทาซ์เชอร์กับ มารีอา เปาลีน วาน เดน บ๊อชหญิงสาวผู้ทะนุถนอมความจงภักดีเป็นพิเศษต่อพระนางมารีย์ ดังนั้นเธอจึงตั้งนามบุตรสาวของเธอว่า อันนา มารีอา

ท่านเติบโตขึ้นมาในความสงบ พร้อมๆกับความก้าวหน้าในวิถีทางของพระเจ้า จนในปี ..1862 ท่านก็ได้ย้ายติดตามบิดามานดาของท่านไปอยู่เมืองอาร์นสวาลเด และกรุงเบอร์ลินในอีกสามปีถัดมา จากนั้นในระหว่างปี ค..1870 – ..1872 ในฐานะนักศึกษาท่านย้ายไปอยู่กับพี่ชายของท่าน โมราวิซเชน’  ในช่วงเวลานั้นเองที่ท่านเริ่มสงสัยในความเชื่อของท่านต่อลูเธอร์แลน


ต่อมาในปี ..1874 ท่านก็สูญเสียมารดาของท่าน ดังนั้นจึงต้องรับภาระงานในครัวเรือนเพิ่ม จนเมื่อบิดาของท่านสมรสใหม่อีกครั้งในปี ..1879  ท่านก็สามารถที่จะเริ่มอุทิศตัวเพื่อทำงานการกุศลและเหนือสิ่งอื่นใดคือการช่วยเหลือเยาวชนที่ถูกทอดทิ้ง กระทั้งในปี ค..1885 ขณะที่ท่านอายุได้ประมาณ 30 ปี ท่านก็ได้เข้าบริหารงานในสถาบันเพื่อผู้ป่วยโรคจิตในโคโลญ  ที่นั่นเองท่านได้เรียนรู้หลายเรื่องเกี่ยวกับคาทอลิกและได้รู้จักพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า


กระทั้งในที่สุดในวันที่ 30 ตุลาคม ค.ศ.1888 บนความไม่พอใจของบิดาท่าน ท่านก็ได้รับศีลล้างบาปเข้าเป็นคริสตังตามความปรารถนาของท่าน  และอีกหนึ่งเดือนต่อมาท่านจึงได้รับศีลมหาสนิทในวันที่ 8 ธันวาคม  ก่อนในปีต่อมาท่านก็ได้รับการเจิมด้วยน้ำมันแห่งศีลกำลัง ซึ่งจากการที่ท่านกลับใจเป็นคาทอลิกในครั้งนี้ส่งผลให้ท่านต้องถูกถอดถอนออกจางานโดยผู้บริหารสถาบันโปรเตสแตนและถูกบิดาของท่านเลิกสนับสนุนท่านจนทำให้ท่านไม่สามารถที่จะกลับบ้านไปหาบิดาของท่าน


ทำให้ในตอนนี้สภาพของท่านคือคนว่างงานและไม่มีที่อยู่อาศัย แต่กระนั้นในสถานการณ์เช่นนี้ท่านก็ได้รับความอนุเคราะห์จากภคินีคณะออกัสติเนี่ยน ที่ให้ที่พักพิงชั่วคราวแก่ท่านในอารามของพวกเขาในโคโลญ โดยในอารามท่านได้รับหน้าที่เป็นคนทำความสะอาดภายในอาราม  พักอยู่ในอารามได้ระยะหนึ่งท่านก็ตัดสินใจเดินทางไปยังกรุงเบอร์ลิน และภายหลังการอธิษฐานในตอนเช้าท่านก็ได้ข้อสรุปว่าท่านจะอุทิศตัวเพื่อเจ้าอย่างที่ท่านต้องการมานาน ยิ่งเมื่อท่านได้อ่านชีวประวัติของนักบุญเทเรซาแห่งอาวีลา ท่านก็ได้โอบกอดจิตวิญญาณการเรียนการสอนของคาเมไลท์ในทันทีเพราะมันเป็นความปรารถนาของท่านที่จะพบคณะใหม่เพื่อจะดำเนินงานเมตตาธรรม


และจากการทำงานที่อารามท่านจึงได้รับเงินมา 700 มาร์ค ดังนั้นในวันที่ 2 สิงหาคม ..1891 หลังจากได้รับความเห็นชอบของพระสังฆราช ‘บ้านนักบุญโยเซฟ’ จึงถูกตั้งขึ้นโดยท่าน ณ พาพเพลอาลลี 91 กรุงเบอร์ลิน เพื่อเป็นที่พักพิงของเด็กผู้ยากไร้ โดยในครั้งแรกท่านทำงานร่วมกับลูกจ้าง จนกระทั้งมีลูกจ้างหญิงหลายๆคนของท่านขอเข้าร่วมด้วยในปี ค..1893


ไม่นานหลังจากนั้นท่านก็เปิดบ้านหลังที่สองและเริ่มต้นการทำงานใหม่เพื่อประโยชน์ของพระสงฆ์ ครอบครัวและชาวอิตาลีที่อาศัยอยู่ในกรุงเบอร์ลิน และถึงแม้จะมีปัญหามากมายเพียงใดท่านก็ยังคงก้าวไปพร้อมกับความวางใจในพระเจ้าและเชื่อว่ามันคือการทดลองของพระองค์และจะไม่ยอมแพ้มัน ซึ่งการที่มีผู้หญิงอุทิศตัวมาช่วยงานมากขึ้น ท่านก็คิดที่จะตั้งคณะที่ดำเนินชีวิตตามกฎของคาร์เมไลท์และอุทิศตัวพลีกรรมเพื่อพระหฤทัย จนผ่านไปหลายปีแห่งการเรียนรู้และการติดต่อกับคณะคาร์เมไลท์  ในที่สุดท่านก็มาถึงเป้าหมาย “คณะคาร์เมไลท์แห่งพระหฤทัยแห่งพระเยซูเจ้า” ถูกตั้งในขึ้นในวันที่ 2 กรกฎาคม ค..1891


และเพื่อการให้ได้รวมกับคณะคาร์เมไลท์แล้ว ในปี ค..1897 ท่านจึงยื่นเรื่องนี้ผ่านพระสังฆราชประจำสังฆมณฑลแต่พระคุณเจ้าก็ไม่อนุญาตคณะใหม่ของท่าน ทำให้ในปี ค..1899 ต้องมีการย้ายคณะชั่วคราวไปอยู่ที่เมืองซิททาร์ด ประเทศเนเธอร์แลนด์ จากนั้นไปยังเมืองมัลดอนในประเทศอังกฤษ ที่สุดแล้วในวันที่ 3มกราคม ค..1905  พระคาร์ดินัลฟรานซ์ ซาโตลลี ประมุขสังฆมณฑฟราสกาตีก็ได้ลงนามอนุมัติชคณะใหม่นี้อย่างเป็นทางการ พร้อมกันนี้ได้อนุญาตให้ทางคณะตั้งบ้านแม่และนวกะสถาน ที่ รอกกา ดิ ปาปา


หนึ่งปีถัดมาในวันที่ 3 มกราคม ด้วยวัย 50 ปี ท่านจึงได้เข้าพิธีปฏิญาณตนครั้งแรกพร้อมรับนามใหม่ว่าว่า ‘ภคินีมารีอา เทเรซา แห่ง นักบุญโยเซฟ’ และได้เข้าพิธีปฏิญาณตนตลอดชีพในวันที่ 3 มกราคม ค..1909 และอีกสิบห้าปีต่อมาจึงมีการย้ายบ้านแม่ของคณะกลับไปที่เมืองซิททาร์ด ประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่นั่นท่านส่งเสริมให้มีการบำเพ็ญพรตและการขยายของคณะไปทั่วยุโรปและอเมริกาในปี ค..1912


ท่านได้เป็นตัวอย่างของความศักดิ์สิทธิ์ในความอ่อนน้อมถ่อมตนของคนในคณะ ท่านสมบูรณ์ด้วยคุณธรรมคริสตชนที่สมบูรณ์แบบ ในฐานะสาวกของพระเยซูเจ้าท่านเป็นผู้มอบความเชื่อที่เต็มไปด้วยพระกิตติคุณของพระเจ้าและมอบการศึกษาของวัด ส่วนความเชื่อของท่านนั้นหล่อเลี้ยงโดยการภาวนาและพระคัมภีร์ ท่านเชื่อฟังในพระประสงค์ของพระเจ้าและโบสถ์ ท่านอาบน้ำให้คนยากจนคนยากจน ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ภคินีของท่าน ท่านคอยให้คำปรึกษา ความช่วยเหลือ คำปลอบใจแก่ผู้ที่มีปัญหา  ท่านกระตุ้นจิตวิญญาณของบรรดาธิดาของท่านให้ปฏิบัติตามกฎ ให้มีความกระตือรือร้นในการแพร่ธรรมและมีความสามัคคีมีในหมู่คณะ


ขณะที่สถานการณ์เรียกร้องให้ท่านเป็นตัวอย่างท่านก็เป็นตัวอย่างของความอ่อนโยน ความเด็ดเดี่ยว ความสุภาพ ความเที่ยงตรง ความเมตตา ความมีไหวพริบและความกระตือรือร้น ทั้งหมดนำโดยความรักแท้จริง ทั้งพยายามที่จะสลักเสลาพระพักตร์ของพระเยซูเจ้าในตัวท่านและในตัวของบรรดาธิดาน้อยๆของท่าน ท่านพยายามชิดสนิทสนิทกับพระเจ้าด้วยการตกแต่งภายในจิตวิญญาณของท่านเช่นเดียวกับการที่ท่านทุมเทให้กับศีลมหาสนิท พระหฤทัยของพระเยซูเจ้า พระมารดาของพระผู้มาไถ่ นักบุญโยเซฟและนักบุญเทเรซาแห่งอาวิลลา

และตั้งแต่ที่ท่านชิดสนิทกับพระเยซูเจ้าเจ้าบ่าวของท่าน ท่านก็ได้เก็บดวงใจน้อยๆของท่านไว้จากสิ่งยั่วยวนภายนอกและจากความรักต่อสิ่งทางโลก เพราะท่านหวังที่จะมอบดวงใจนี้ให้แด่สุดที่รักของท่าน ท่านวางใจในพระองค์อย่างสิ้นสุดใจ แม้คราวที่คณะท่านตกอยู่ในสภาวะวิกฤตทางการเงินอย่างรุนแรง ท่านก็มิได้ละทิ้งความใจต่อพระองค์ ท่านกล่าวว่าหลังจากท่านจากไปแล้วทางคณะจะได้รับเงิน มันเป็นจริงเพราะหลังจาการรับใช้ผู้อื่นมาตลอดในที่สุดท่านก็ได้จากไปสงบด้วยวัย 83 ปี ในวันที่ 20 กันยายน ค..1938 ณ บ้านแม่ของคณะ

ร่างของท่านถูกฝังไว้ ณ บ้านแม่ของคณะ เมืองซิททาร์ด ประเทศเนเธอร์แลนด์ หลังการจากไปของท่านก็ได้มีการเปิดกระบวนการขอแต่งตั้งท่านเป็นบุญราศีและที่สุดหลังจากอัศจรรย์การรักษาโรคเชื้อราที่เท้าที่รุกรามมาหกสิบกว่าปี สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ก็ได้ทรงลงพระนางในเอกสารอนุมัติการประกาศแต่งตั้งคารวียะมารีอา เทเรซา แห่ง นักบุญโยเซฟ เป็นบุญราศี ดังนั้นจึงมีการจัดงานสถาปนาท่านเป็นบุญราศีขึ้นที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในวันที่ 13 พฤษภาคม ค..2006  ซึ่งการสถาปนานี้นับเป็นครั้งแรกที่จัดขึ้นในเนเธอร์แลนด์


ท่านที่รักทั้งหลาย ถ้าพระเจ้าทรงรักเราทั้งหลายเช่นนี้ เราก็ควรจะรักซึ่งกันและกันด้วย(ยอห์น 4:11)  ชีวิตของท่านคือชีวิตคริสตชนที่แท้จริง เพราะขณะเดียวกับที่ท่านมอบความรักแด่พระเจ้าอย่างสิ้นสุดใจ ท่านก็ไม่ลืมที่จะมอบความรักแด่เด็กที่ยากจนและถูกทอดทิ้งผู้สูงอายุที่ถูกทอดทิ้ง ผู้อพยพ โดยที่ท่านไม่แบ่งชนชั้น เชื้อชาติ ท่านมอบความรักให้เขาอย่างไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทนเลยซักนิด พี่น้องที่รักบุคคลใดรักพี่น้อง รักคนอื่นอย่างไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน บุคคลนั้น แหละย่อมมีนามว่าประชากรของพระเจ้า


ข้าแต่ท่านบุญราศีมารีอา เทเรซา แห่ง นักบุญโยเซฟ ช่วยวิงวอนเทอญ

ข้อมูลอ้างอิง

'เบร์นาร์โด ฟรานซิสโก' ให้ชีวิตนี้เป็นสะพานนำรักพระองค์ไป ตอนจบ

บุญราศีเบร์นาร์โด ฟรานซิสโก เด โอโยส เด เซญา Bl. Bernardo Francisco de Hoyos de Seña วันฉลอง: 29 พฤษจิกายน [ย้อนกลับไปอ่าน  “‘เบร์นาร์โด ฟรา...