บุญราศีมารีอา
เทเรซา แห่ง นักบุญโยเซฟ
Bl.Maria Therese of Saint Joseph
ฉลองในวันที่ : 20 กันยายน
ใกล้เมืองแฟรงก์เฟิร์ต
ในวันที่ 19
มิถุนายน ค.ศ.1855
ณ เมืองซานดูว์ ประเทศเยอรมนีปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศโปแลนด์
จะเป็นวันที่โลกจะต้องจารึกว่า
อนาคตนักบุญตัวน้อยๆได้ลืมตาดูโลกเป็นครั้งแรกในครอบครัวโปรเตสแตนต์นิกายลูเธอร์แลนของศิษยาภิบาลประจำเมืองนาม
‘เฮอร์มันน์ เทรากอท เทาซ์เชอร์’ กับ ‘มารีอา เปาลีน วาน เดน บ๊อช’ หญิงสาวผู้ทะนุถนอมความจงภักดีเป็นพิเศษต่อพระนางมารีย์
ดังนั้นเธอจึงตั้งนามบุตรสาวของเธอว่า ‘อันนา มารีอา’
ท่านเติบโตขึ้นมาในความสงบ
พร้อมๆกับความก้าวหน้าในวิถีทางของพระเจ้า จนในปี ค.ศ.1862 ท่านก็ได้ย้ายติดตามบิดามานดาของท่านไปอยู่เมืองอาร์นสวาลเด
และกรุงเบอร์ลินในอีกสามปีถัดมา จากนั้นในระหว่างปี ค.ศ.1870 – ค.ศ.1872 ในฐานะนักศึกษาท่านย้ายไปอยู่กับพี่ชายของท่าน
‘โมราวิซเชน’ ในช่วงเวลานั้นเองที่ท่านเริ่มสงสัยในความเชื่อของท่านต่อลูเธอร์แลน
ต่อมาในปี
ค.ศ.1874 ท่านก็สูญเสียมารดาของท่าน
ดังนั้นจึงต้องรับภาระงานในครัวเรือนเพิ่ม จนเมื่อบิดาของท่านสมรสใหม่อีกครั้งในปี
ค.ศ.1879 ท่านก็สามารถที่จะเริ่มอุทิศตัวเพื่อทำงานการกุศลและเหนือสิ่งอื่นใดคือการช่วยเหลือเยาวชนที่ถูกทอดทิ้ง
กระทั้งในปี ค.ศ.1885
ขณะที่ท่านอายุได้ประมาณ 30 ปี
ท่านก็ได้เข้าบริหารงานในสถาบันเพื่อผู้ป่วยโรคจิตในโคโลญ ณ ที่นั่นเองท่านได้เรียนรู้หลายเรื่องเกี่ยวกับคาทอลิกและได้รู้จักพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า
กระทั้งในที่สุดในวันที่ 30 ตุลาคม ค.ศ.1888 บนความไม่พอใจของบิดาท่าน ท่านก็ได้รับศีลล้างบาปเข้าเป็นคริสตังตามความปรารถนาของท่าน
และอีกหนึ่งเดือนต่อมาท่านจึงได้รับศีลมหาสนิทในวันที่
8
ธันวาคม ก่อนในปีต่อมาท่านก็ได้รับการเจิมด้วยน้ำมันแห่งศีลกำลัง
ซึ่งจากการที่ท่านกลับใจเป็นคาทอลิกในครั้งนี้ส่งผลให้ท่านต้องถูกถอดถอนออกจางานโดยผู้บริหารสถาบันโปรเตสแตนและถูกบิดาของท่านเลิกสนับสนุนท่านจนทำให้ท่านไม่สามารถที่จะกลับบ้านไปหาบิดาของท่าน
ทำให้ในตอนนี้สภาพของท่านคือคนว่างงานและไม่มีที่อยู่อาศัย
แต่กระนั้นในสถานการณ์เช่นนี้ท่านก็ได้รับความอนุเคราะห์จากภคินีคณะออกัสติเนี่ยน
ที่ให้ที่พักพิงชั่วคราวแก่ท่านในอารามของพวกเขาในโคโลญ โดยในอารามท่านได้รับหน้าที่เป็นคนทำความสะอาดภายในอาราม
พักอยู่ในอารามได้ระยะหนึ่งท่านก็ตัดสินใจเดินทางไปยังกรุงเบอร์ลิน และภายหลังการอธิษฐานในตอนเช้าท่านก็ได้ข้อสรุปว่าท่านจะอุทิศตัวเพื่อเจ้าอย่างที่ท่านต้องการมานาน
ยิ่งเมื่อท่านได้อ่านชีวประวัติของนักบุญเทเรซาแห่งอาวีลา ท่านก็ได้โอบกอดจิตวิญญาณการเรียนการสอนของคาเมไลท์ในทันทีเพราะมันเป็นความปรารถนาของท่านที่จะพบคณะใหม่เพื่อจะดำเนินงานเมตตาธรรม
และจากการทำงานที่อารามท่านจึงได้รับเงินมา 700
มาร์ค ดังนั้นในวันที่ 2 สิงหาคม ค.ศ.1891 หลังจากได้รับความเห็นชอบของพระสังฆราช ‘บ้านนักบุญโยเซฟ’ จึงถูกตั้งขึ้นโดยท่าน ณ พาพเพลอาลลี 91 กรุงเบอร์ลิน เพื่อเป็นที่พักพิงของเด็กผู้ยากไร้
โดยในครั้งแรกท่านทำงานร่วมกับลูกจ้าง จนกระทั้งมีลูกจ้างหญิงหลายๆคนของท่านขอเข้าร่วมด้วยในปี
ค.ศ.1893
ไม่นานหลังจากนั้นท่านก็เปิดบ้านหลังที่สองและเริ่มต้นการทำงานใหม่เพื่อประโยชน์ของพระสงฆ์
ครอบครัวและชาวอิตาลีที่อาศัยอยู่ในกรุงเบอร์ลิน และถึงแม้จะมีปัญหามากมายเพียงใดท่านก็ยังคงก้าวไปพร้อมกับความวางใจในพระเจ้าและเชื่อว่ามันคือการทดลองของพระองค์และจะไม่ยอมแพ้มัน
ซึ่งการที่มีผู้หญิงอุทิศตัวมาช่วยงานมากขึ้น
ท่านก็คิดที่จะตั้งคณะที่ดำเนินชีวิตตามกฎของคาร์เมไลท์และอุทิศตัวพลีกรรมเพื่อพระหฤทัย
จนผ่านไปหลายปีแห่งการเรียนรู้และการติดต่อกับคณะคาร์เมไลท์
ในที่สุดท่านก็มาถึงเป้าหมาย “คณะคาร์เมไลท์แห่งพระหฤทัยแห่งพระเยซูเจ้า” ถูกตั้งในขึ้นในวันที่ 2 กรกฎาคม ค.ศ.1891
และเพื่อการให้ได้รวมกับคณะคาร์เมไลท์แล้ว
ในปี ค.ศ.1897
ท่านจึงยื่นเรื่องนี้ผ่านพระสังฆราชประจำสังฆมณฑลแต่พระคุณเจ้าก็ไม่อนุญาตคณะใหม่ของท่าน
ทำให้ในปี ค.ศ.1899 ต้องมีการย้ายคณะชั่วคราวไปอยู่ที่เมืองซิททาร์ด ประเทศเนเธอร์แลนด์
จากนั้นไปยังเมืองมัลดอนในประเทศอังกฤษ ที่สุดแล้วในวันที่
3มกราคม
ค.ศ.1905
พระคาร์ดินัลฟรานซ์ ซาโตลลี ประมุขสังฆมณฑฟราสกาตีก็ได้ลงนามอนุมัติชคณะใหม่นี้อย่างเป็นทางการ
พร้อมกันนี้ได้อนุญาตให้ทางคณะตั้งบ้านแม่และนวกะสถาน ที่ รอกกา ดิ ปาปา
หนึ่งปีถัดมาในวันที่
3
มกราคม ด้วยวัย 50 ปี ท่านจึงได้เข้าพิธีปฏิญาณตนครั้งแรกพร้อมรับนามใหม่ว่าว่า ‘ภคินีมารีอา เทเรซา แห่ง นักบุญโยเซฟ’ และได้เข้าพิธีปฏิญาณตนตลอดชีพในวันที่
3 มกราคม
ค.ศ.1909
และอีกสิบห้าปีต่อมาจึงมีการย้ายบ้านแม่ของคณะกลับไปที่เมืองซิททาร์ด
ประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่นั่นท่านส่งเสริมให้มีการบำเพ็ญพรตและการขยายของคณะไปทั่วยุโรปและอเมริกาในปี
ค.ศ.1912
ท่านได้เป็นตัวอย่างของความศักดิ์สิทธิ์ในความอ่อนน้อมถ่อมตนของคนในคณะ
ท่านสมบูรณ์ด้วยคุณธรรมคริสตชนที่สมบูรณ์แบบ
ในฐานะสาวกของพระเยซูเจ้าท่านเป็นผู้มอบความเชื่อที่เต็มไปด้วยพระกิตติคุณของพระเจ้าและมอบการศึกษาของวัด
ส่วนความเชื่อของท่านนั้นหล่อเลี้ยงโดยการภาวนาและพระคัมภีร์ ท่านเชื่อฟังในพระประสงค์ของพระเจ้าและโบสถ์
ท่านอาบน้ำให้คนยากจนคนยากจน ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ภคินีของท่าน ท่านคอยให้คำปรึกษา
ความช่วยเหลือ คำปลอบใจแก่ผู้ที่มีปัญหา
ท่านกระตุ้นจิตวิญญาณของบรรดาธิดาของท่านให้ปฏิบัติตามกฎ
ให้มีความกระตือรือร้นในการแพร่ธรรมและมีความสามัคคีมีในหมู่คณะ
และตั้งแต่ที่ท่านชิดสนิทกับพระเยซูเจ้าเจ้าบ่าวของท่าน
ท่านก็ได้เก็บดวงใจน้อยๆของท่านไว้จากสิ่งยั่วยวนภายนอกและจากความรักต่อสิ่งทางโลก
เพราะท่านหวังที่จะมอบดวงใจนี้ให้แด่สุดที่รักของท่าน
ท่านวางใจในพระองค์อย่างสิ้นสุดใจ แม้คราวที่คณะท่านตกอยู่ในสภาวะวิกฤตทางการเงินอย่างรุนแรง
ท่านก็มิได้ละทิ้งความใจต่อพระองค์
ท่านกล่าวว่าหลังจากท่านจากไปแล้วทางคณะจะได้รับเงิน
มันเป็นจริงเพราะหลังจาการรับใช้ผู้อื่นมาตลอดในที่สุดท่านก็ได้จากไปสงบด้วยวัย 83 ปี ในวันที่ 20 กันยายน ค.ศ.1938 ณ บ้านแม่ของคณะ
ร่างของท่านถูกฝังไว้
ณ บ้านแม่ของคณะ เมืองซิททาร์ด ประเทศเนเธอร์แลนด์ หลังการจากไปของท่านก็ได้มีการเปิดกระบวนการขอแต่งตั้งท่านเป็นบุญราศีและที่สุดหลังจากอัศจรรย์การรักษาโรคเชื้อราที่เท้าที่รุกรามมาหกสิบกว่าปี
สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ก็ได้ทรงลงพระนางในเอกสารอนุมัติการประกาศแต่งตั้งคารวียะมารีอา
เทเรซา แห่ง นักบุญโยเซฟ เป็นบุญราศี
ดังนั้นจึงมีการจัดงานสถาปนาท่านเป็นบุญราศีขึ้นที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในวันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ.2006 ซึ่งการสถาปนานี้นับเป็นครั้งแรกที่จัดขึ้นในเนเธอร์แลนด์
“ท่านที่รักทั้งหลาย
ถ้าพระเจ้าทรงรักเราทั้งหลายเช่นนี้ เราก็ควรจะรักซึ่งกันและกันด้วย”(ยอห์น 4:11) ชีวิตของท่านคือชีวิตคริสตชนที่แท้จริง
เพราะขณะเดียวกับที่ท่านมอบความรักแด่พระเจ้าอย่างสิ้นสุดใจ ท่านก็ไม่ลืมที่จะมอบความรักแด่เด็กที่ยากจนและถูกทอดทิ้งผู้สูงอายุที่ถูกทอดทิ้ง ผู้อพยพ โดยที่ท่านไม่แบ่งชนชั้น
เชื้อชาติ ท่านมอบความรักให้เขาอย่างไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทนเลยซักนิด
พี่น้องที่รักบุคคลใดรักพี่น้อง รักคนอื่นอย่างไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน บุคคลนั้น แหละย่อมมีนามว่าประชากรของพระเจ้า
“ข้าแต่ท่านบุญราศีมารีอา เทเรซา แห่ง นักบุญโยเซฟ
ช่วยวิงวอนเทอญ ”
ข้อมูลอ้างอิง