วันศุกร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2556

เจ้าหญิงเจดวิกา นักบุญราชินีแห่งโปแลนด์


นักบุญเจดวิกา แห่ง โปแลนด์
St. Jadwiga of Poland
ฉลองในวันที่ : 8 มิถุนายน หรือ 17 กรกฎาคม

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วในเมืองแห่งหนึ่งในประเทศยุโรปสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธแห่งบอสเนียก็ได้ทรงมีพระประสูติกาลพระธิดาองค์น้อย นำพาซึ่งความปรีดีมาสู่พสกนิกรทั้งหลายและสมเด็จพระเจ้าหลุยส์ที่ 1 แห่งโปแลนด์พระราชสวามีของพระนาง พระธิดาองค์สุดท้องผู้เกิดในวันที่ 3 ตุลาคม ค..1373 ได้รับพระนามว่า เจ้าหญิงเจดวิกา

ตั้งแต่ทรงพระเยาว์พระธิดาองค์น้อยถูกนำขึ้นราชสำนักในบูดอและวิเชกราด ฮังการี เพื่อปูทางไปสู่ชะตาเพื่อเป็นราชินีที่ดี ต่อมาท่านที่ยังชันษาน้อยนักก็ได้เข้าพิธีหมั้นกับวิลเลียมแห่งออสเตรียทายาทราชวงศ์ฮับส์บูร์กในปี ค..1378 หลังจากนั้นท่านจึงใช้เวลาอีกเกือบปีที่ราชสำนักกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ก่อนกลับมาเมื่อพระเชษฐภคินีคาทารีนาของท่านถึงแก่ความตายลง ด้วยได้รับการศึกษาที่ดีท่านจึงสามารถพูดได้ห้าภาษาอันได้แก่ ลาติน ฮังกาเรียน เซอร์เบียน โปแลนด์และเยอรมัน ท่านสนใจเรื่องศิลปะ การดนตรี วิทยาศาสตร์และชีวิตราชสำนัก



ต่อมาในปี ค..1382 เมื่อพระราชบิดาท่าน สมเด็จพระเจ้าหลุยส์ที่ 1 แห่งโปแลนด์ สวรรณคตลง ก็ได้มีทูลเชิญเจ้าหญิงแมรี่ขึ้นดำรงตำแหน่งสมเด็จพระราชินีนาถแห่งฮังการีโดยมีพระราชมารดาเป็นผู้สำเร็จราชการแทน ความยินดีไปทั่วฮังการี ยกเว้นในโปแลนด์ เพราะท่านท่านลอร์ดแห่งโปแลนด์ ไม่ปรารถนาอยู่ภายใต้การปกครองของเจ้าหญิงแมรี่คู่หมั้นของอนาคตจักรพรรดิซีกิสมุนด์แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่เขาขับไล่ออกจากประเทศของพวกเขา

ดังนั้นพวกเขาจึงทูลขอท่านมาปกครองโปแลนด์ และแม้เรื่องนี้จะยืดยาวอยู่สองปี แต่ที่สุดท่านก็ในวัย 10 ชันษาก็เดินมาถึงคราคูฟในวันที่ 16 ตุลาคม ค..1384 และได้รับการสมมงกุฎเป็นสมเด็จพระราชินีนาถแห่งโปแลนด์ กษัตริยา โดยพระอัครสังฆราชแห่วเมืองคราคูฟ



ท่ามกลางภูมิประเทศที่แตกต่าง ไม่ช้าท่านในฐานะราชินีน้อยก็ต้องพบกับหลายปัญหาที่ต้องแก้ไข มากมายไปหมดซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นจำพวกเรื่องสงครามทั้งนั้น ในสถานการณ์เช่นนี้บรรดาขุนนางในโปแลนด์จึงเห็นควรว่ามิควรให้ท่านเข้าพิธีเสกสมรสกับวิลเลียมแห่งออสเตรียเพราะประชาชนไม่สามารถรับเรื่องนี้ได้ ออสเตรียบนบันลังค์โปแลนด์ จะบ้าหรอ

ต้องเจ้าชายยากีลโล แห่ง ลิทัวเนีย ซิ เพราะถ้าท่านเข้าพิธีเสกสมรสกับเขาแล้ว เขาและประชาราชขอเขาจะกลับใจเข้าเป็นคริสตชน ไม่เพียงเท่านั้นโปแลนด์และลิทัวเนียจะได้เป็นพันธมิตรกัน ขจัดศตรูไปได้อีกหนึ่ง ดังนั้นท่านจึงจำต้องขบคิดเป็นอันมากว่าระหว่างเพื่อนในวัยเด็กหรือชายป่าเถื่อนคนนั้น ในวัย 12 ชันษาท่านจึงได้ขอคิดเรื่องนี้อยู่ในห้องส่วนพระองค์เพียงคนเดียว ว่าใครกันดีที่เหมาะสม ซึ่งช่วงเวลานี้เองที่ท่านได้แสดงออกถึงความเป็นราชินีแห่งศรัทธาออกมาอย่างแท้จริง (ความศรัทธานี้เป็นที่รู้กันไปทั่วแคว้น ท่านชื่นชอบนักบุญมารีย์ นักบุญมาร์ธาและนักบุญบริจิตแห่งสวีเดน)  


ที่ทางเดินด้านทิศเหนือของอาสนวิหารวาเวล จะเป็นที่ประดิษฐานไม้กางเขนสีดำ ซึ่งท่านชอบมาภาวนา ณ ที่นี่บ่อยๆ มีเรื่องเล่าอยู่ครั้งหนึ่งว่าขณะที่ท่านกำลังจะลุก พระเยซูเจ้าบนไม้กางเขนนั้นได้ทรงสนทนากับท่าน ท่านได้มองพระองค์พลางทูลกับพระองค์ ลูกจะไปทำอะไรได้หรือ และพระองค์ก็ได้ทรงตรัสตอบท่านว่า จงทำในสิ่งที่ลูกเห็นเถิด จงพิทักษ์ลิทัวเนีย ดังนั้นชีวิตนับจากนั้นของท่านก็คือการรับแบกกางเขนของพระองค์  ท่านตัดสินใจทำเพื่อพสกนิกรของท่าน ด้วยการปฏิเสธวิลเลียมแห่งออสเตรียที่ได้มายังคราคูฟเพื่อเข้าพิธีเสกสมรสกับท่านตามคำมั่นด้วยความหวังเต็มกระเป๋าเสีย แล้วรับข้อเสนอยากีลโล ในวันที่ 11 มกราคม ค..1386

ดังนั้นในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ค..1386 เจ้าชายยากีลโลวัย 23 ปี จึงได้เข้ารับศีลล้างบาปด้วยพระนามว่า วลาดิสเลาส์ พร้อมเข้าพระราชพิธีเสกสมรสกับท่านผู้มีวัย 12 ปี ในอีกสามวันถัดมาในปราสามวาเวลู หลังจากพิธีราชาภิเษกที่คราคูฟในเดือนมีนาคมจบลง น้องชายของเขาก็ได้เร่งควบม้ากลับไปที่ลิทัวเนียที่ชายแดนเพื่อแจ้งข่าว และเพื่อการกลับใจของชาวลิทัวเนีย ว่าพระราชาได้ทรงตัดต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ด้วยมือของเขาแล้ว


หลังจากนั้นท่านก็ปกครองโปแลนด์ร่วมกับพระสวามีของท่าน พร้อมท่านริเริ่มทำการทูตกับเยอรมัน รัสเซีย และผู้ใหญ่ชาวอิตาลีในพระศาสนจักรด้วยตัวของท่านเองเพื่อวากรากฐานพระศาสนจักรในลิทัวเนีย นอกนี้ท่านยังพระราชทานทุนการศึกษาให้ชาวลิทัวเนียและโปแลนด์จำนวนทั้งสิ้นยี่สิบคนไปร่ำเรียนวิชาที่วิทยาลัยชาร์ล ใน กรุงปราก เพื่อเสริมสร้างรากฐานของความเชื่อให้ยิ่งๆขึ้นไปอีก ซึ่งเพื่อการนี้ท่านได้จัดสร้างหอพักขึ้นสำหรับพวกเขา ตั้งแต่ปี ค..1397 เป็นต้นมา

นอกเหนือจากนั้นท่านยังได้ฟื้นฟูสถาบันศึกษาแห่งคราคูฟ ซึ่งปัจจุบันเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรปตะวันออกขึ้น ท่านได้ทำให้มันเป็นดวงประทีปแห่งการเรียนรู้ในเรื่องกฎหมายและเทววิทยาซึ่งได้รับอนุมัติจากสมเด็จพระสันตะปาปาในปีเดียวกันกับที่มีการก่อตั้งหอพัก ซึ่งด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณนี้ ภายหลังจึงได้มีการเปลี่ยนนามใหม่เพื่อเป็นเกียรติแด่ท่านและพระราชสวามีเป็น มหาวิทยาลัยเจกีลโลเนี่ยน  


ในฐานะราชินีสันติภาพ ท่านได้ทำให้ญาติของพระราชสวามีท่านที่ขัดแย้งกันมาคืนดีกันโดยอาศัยการเจรจา ซึ่งมูลเหตุมาจากการอ้างสิทธิ์ในราชบัลลังแห่งลิทัวเนียของอนาคตวิเทาทาสมหาราชผู้ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดี โดยท่านได้ตกลงให้เขาได้อิสริยายศเป็นดยุกแห่งลิทัวเนีย ผู้ทำหน้าที่สำเร็จราชการในแผ่นดินลิทัวเนีย และขอให้สัญญาว่าสันติภาพจะบังเกิดไปตลอดชีวิตของท่าน แต่คำสัญญานี้ก็อยู่ได้ไม่นานเท่าไรหรอก

ราชินีของผู้ป่วยยาก แม้ท่านจะมีศักดิ์เป็นถึงพระราชินี ในบางครั้งท่านก็มักดำเนินไปดูแลผู้ป่วยที่โรงพยาบาลเป็นการส่วนพระองค์เองและคอยสนับสนุนเงินทุนให้โรงพยาบาลอยู่เสมอมิได้ขนาดตลอด เช่นเรื่องท่านกับยาจกป่วย โดยบันทึกกันว่าวันหนึ่งท่านและข้าราชบริพาลได้มาที่โรงพยาบาล อยู่ๆท่านก็ตรัสสั่งว่า ไปนำน้ำและขี้ผึ้งรักษามาซิ ทุกคนรักทราบและรีบจัดแจงขอตามที่ท่านสั่ง เมื่อท่านได้รับสิ่งที่ท่านต้องการแล้ว ท่านก็ได้เข้าไปใช้น้ำล้างแผลยาจกป่วยที่นอนรักษาอยู่ และชโลมขี้ผึ้งทั่วบาดแผลของเขา ก่อนพันด้วยผ้าสะอาด ท่านรวดล้างฝีของเขา แต่ขณะที่ท่านกำลังทำมันด้วยความระมัดระวังอยู่นั้น จู่ๆฝีก็เกิดแตก จนทำให้ยาจกผู้นั้นสะดุ้งโหยง รีบลุกออกจากเตียงไปด้วยเลือดที่ไหล อภัยให้เราด้วยเถิด ท่านกล่าวลงพร้อมคุกเข่าด้วยท่าทีสำนึกความผิดที่ท่านได้กระทำไปเมื่อกี้ ฉัพพลันร่างของยาจกผู้เจ็บปวดนั้นก็พลันสว่างขึ้น จนลดสายตาของท่านลงและพิงกับผนัง และพอท่านลืมตาขึ้นอีกครั้ง ท่านก็ไม่พบชายผู้นั้นแล้ว


ราชินีของคนยากคนจน ท่านคอยดูแลความเป็นอยู่ของพวกเขา แจกจ่ายอาหาร ท่านคัดค้านการนำทรัพย์สินจากพวกเขามาเป็นของตัวเอง ดังนั้นเมื่อพระราชสวามีของท่านมีคำสั่งแนวนั้นออกมา ท่านก็โกธรพระราชสวามีเป็นอันมาก จากเหตุการณ์นี้ก็ทำให้เรากล่าวได้เลยว่าท่านเป็นความปลอบประโลมสำหรับคนยากจนโดยแท้

ราชินีผู้ปลดเปลื้องความเศร้า ท่านเป็นที่รักของประชาชนด้วยพระสิริโฉมอันงดงามและพระจริยวัตรอันใจกว้างต่อผู้ยากไร้ทั้งหลาย มีครั้งหนึ่งมีเรื่องเล่าว่าขณะที่ท่านผ่านไปยังสถานที่ก่อสร้างวัดที่ท่านมีรับสั่งให้จัดสร้างขึ้น ช่างทุกคนกับง่วนอยู่กับหิน แต่พวกเขาก็ต่างมีความสุขเพราะมันคือการทำงานเพื่อพระเจ้า ท่านมองทุกคนและยกย่องการทำงานของพวกเขา แต่ทันใดนั้นสายตาท่านก็สะดุดกับหนุ่มผู้หนึ่งที่กำลังสกัดหินให้ได้รูป ท่านจึงเดินมาใกล้เขาและถามเขาว่า พ่อหนุ่มทำไมเธอถึงเศร้าละ ไม่สบายหรือเปล่า เขาจึงทูลตอบไปว่า ไม่ใช่ผมหรอกครับ แต่เป็นภรรยาของผมต่างหาก พวกเราเป็นคนจน ดังนั้นผมจึงไม่มีเงินพอสำหรับค่ายาและคุณหมอ เพราะผมต้องซื้อข้าวให้ลูกๆของผม ผมวิงวอนต่อพระเจ้าให้พระองค์ช่วยเหลือ  


เมื่อกล่าวจบเขาก็เริ่มร้องไห้ เมื่อท่านทราบดงนั้นแล้วท่านจึงวางเท้าของท่านบนหินของเขา และปลดหัวเข็มขัดทองบนฉลองพระบาทของท่านและมอบใหแก่เขา พลางกล่าวว่า นำมันไปและจงซื้อทุกอย่างที่ภรรยาของเธอต้องการเถิดนะ เมื่อได้ยินดังนั้นแล้วเขาก้มลงจูบท่านและรีบวิ่งนำมันกลับบ้าน ก่อนกลับมาทำงานของเขาต่อและต้องตลึงเมื่อพบว่าบนแผ่นหินนั้นได้ปรากฏรอยเท้าของท่านเป็นที่น่าอัศจรรย์ใจนัก และเมื่อหารือกันเรียบร้อยแล้ว พวกเขาจึงตัดสินใจยกหินนั้นไว้ที่กำแพงของวัดนั้นพร้อมสลักว่า ค..1390 เพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงเหตุการณ์นี้ ปัจจุบันมันยังคงอยู่ที่นั่นตราบเท่าทุกวันนี้ ณ วัดแม่พระเสด็จเยี่ยม คราคูฟ ประเทศโปแลนด์

ราชินีผู้อัศจรรย์ คราหนึ่งขณะที่ท่านร่วมขบวนแห่ศีลประจำปี ปรากฏเกิดมีเหตุคนตกลงไปในแม่น้ำวิสลา ความเสียใจของหญิงม่ายผู้เป็นมารดาดังไปถึงท่าน ท่านจึงดำเนินมายังร่างไร้วิญญาณนั้น และชะโงกหน้ามองร่างนั้นดูราวภาวนาซักครู่ ก่อนท่านจะค่อยปลดผ้าคลุมบ่าสีน้ำเงินของท่านคลุมร่างของเขา และทันทีพระเจ้าทรงตอบรับคำภาวนาท่าน ฉับพลันร่างไร้วิญญาณนั้นก็กลับมาชีวิตอีกครั้งเป็นที่น่าอัศจรรย์



ราชินีนักปกครอง ท่านตระหนักดีจากภัยสงครามรอบด้านโดยเฉพาะบรรดาอัศวินครูเสด และตระหนักดีว่าควรรอที่จะเสริมสร้างกองกำลังทหารเสียก่อน ท่านจึงพยายามเจรจาด้วยวิธีสันติแต่ไม่เป็นผลพวกเขาไม่ยอม ช่วงนั้นเองที่มีการคุยกันท่านได้ตกอยู่ในความเงียบกับพระเจ้า ท่ามกลางมรสุมสมคราม การใส่ร้ายป้ายสีต่างๆนาๆ ท่านได้ลั่นวาจาออกมาว่า ความวิบัติจงบังเกิดแกเจ้าอันตรายทั้งในอดีตและปัจจุบันของโปแลนด์ วิบัติจงบังเกิดแก่เจ้าสำหรับแผนการและการทรยศกับคนเหล่านี้ พระหรรษทานและของทานที่อยู่ในอำนาจ ตราบเท่าที่เรายังมีชีวิตอยู่ เราจะไม่ยอมให้เกิดสงครามขึ้น …..”

ราชินีในสวรรค์ ในที่สุดความยินดีก็มาเยือนโปแลนด์ เมื่อท่านได้ให้ประสูติกาลพระธิดาองค์น้อย ในวันที่ 22 มิถุนายน  ค..1399 แต่อนิจจาไม่นานความเศร้าก็มาเยือนเมื่อพระธิดาองค์น้องถึงแก่ความตายด้วยอายุไม่ถึงปีหลังคลอดได้เพียงสามสัปดาห์ และนับจากนั้นอีกเพียงสี่วันความวิโยคครั้งใหญ่ก็มาเยือนชาวโปแลนด์อีกครั้งประดุจเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เพราะท่านได้ถึงแก่สวรรคตลงด้วยชันษาเพียง 25 ปี ในวันที่ 17 กรกฎาคม ค..1399 ทิ้งพินัยกรรมยกทรัพย์สินของท่านแด่สถาบันการศึกษาแห่งคราคูฟ



ราชินีบนพระแท่น ปราสาทยามราตรีไร้เสียงบทเพลงสดุดีของท่านต่อพระเจ้าแล้ว ร่างท่านได้รับการฝังอย่างสมพระเกียรติในปราสาทวาเวลและก่อนถูกย้ายไปรักษาไว้ใต้กางเขนดำที่พระเยซูเจ้าประจักษ์มาหาท่าน ในอาสนวิหารวาเวล จนกาลเวลาผันเวียนมาเรื่อยๆหลายร้อยปีต่อมาโดยสมเด็จพระสันตปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ก็ได้ทรงยกท่านขึ้นสู่สารบบนักบุญในวันที่ 8 มิถุนายน ค..1997 ณ คราคูฟ ประเทศโปแลนด์ เป็นนักบุญจักรพรรดินีแห่งโปแลนด์



พี่น้อง ถ้าท่านทั้งหลายกลับคืนชีพพร้อมกับพระคริสตเจ้าเเล้ว ก็จงใฝ่หาเเต่สิ่งที่อยู่เบื้องบนเถิด ณ ทีี่นั้นพระคริสตเจ้าประทับเบื้องขวาของพระเจ้ (โคโลสี 3:1) นักบุญเจดวิกาเป็นอีกแบบอย่างหนึ่งของพระวาจาข้อนี้ เพราะนับจากวันที่ท่านได้รับศีลล้างบาป ท่านก็ได้กลับออกกจากบาปเดิม ดังนั้นท่านจึงเดินตามวิถีของพระคริสต์เจ้า ด้วยการเลียนแบบพระองค์ เช่นกันนับจากวันที่เราได้รับศีลล้างบาปพี่น้องคริสตชนก็ต่างรู้ดีว่าเราได้กลับคืนจากบาปเก่าแล้ว ดังนั้นพันธกิจของเราในโลกใบเล็กๆนี้ก็คือการใฝ่หาสวรรค์ ตามแบบฉบับของพระเยซูเจ้าเพื่อนที่ดีของพวกเรา



ข้าแต่ท่านนักบุญเจดวิกา แห่ง โปแลนด์ ช่วยวิงวอนเทอญ



ข้อมูลอ้างอิง

'เบร์นาร์โด ฟรานซิสโก' ให้ชีวิตนี้เป็นสะพานนำรักพระองค์ไป ตอนจบ

บุญราศีเบร์นาร์โด ฟรานซิสโก เด โอโยส เด เซญา Bl. Bernardo Francisco de Hoyos de Seña วันฉลอง: 29 พฤษจิกายน [ย้อนกลับไปอ่าน  “‘เบร์นาร์โด ฟรา...