บุญราศีเซเฟริโน
นามูนกูรา
Blessed
Ceferino Namuncurá
ฉลองในวันที่ : 26 สิงหาคม
มาปูเช คือ
ชนพื้นเมืองดั้งเดิมที่อาศัยอยู่ทางตะวันตกของประเทศอาเจนตินา ชนเผ่าธรรมดาทั่วไป
ที่จะให้กำเนิดอนาคตนักบุญธรรมสักขีสายเลือดซาเลเซียนขึ้นมาอีกองค์หนึ่ง นักบุญดอมินิก
ซาวีโอ แห่ง อเมริกาใต้ “เซเฟริโน นามูนกูรา” เกิดเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ค.ศ.1886 ในครอบครัวของหัวหน้าเผ่านาม “มานูเอล
นามูนกูรา” (Manuel Namuncurá)
ผู้นำกองทหารชาวมาปูเชในการสู้รบกับกองทัพอาเจนตินาในวันที่ 5 พฤษภาคม ค.ศ.1883 อันโด่งดังที่สุดท้ายจบลงด้วยสันติภาพ กับ “โรซาริโอ บูร์โกส” (Rosario
Burgos) หญิงสาวเชลยชนผิวขาวชาวชิลี
ท่านเป็นบุตรคนหกของครอบครัวที่อาศัยอยู่ที่ชิมเปย์ เมืองเล็กๆท่ามกลางหุบเขาของจังหวัดรีโอเนโกร ประเทศอาเจนตินา
แต่แล้วท่านก็เกือบจบชีวิตลงในสายน้ำรีโอเนโกรด้วยวัยเพียง
1 ปี ขณะเล่นอยู่ริมแม่น้ำ
กระนั้นในวันที่ 24 ธันวาคมปีเดียวกัน ท่านก็ได้รับศีลล้างบาป
ก่อนวันฉลองพระคริสต์สมภพโดยคุณพ่อโดมินโก มิลาเนซิโอ (Domingo Milanesio) ธรรมทูตของคณะซาเลเซียนในพื้นที่นั้น หลังจากนั้นท่านก็เติบโตขึ้นมาพร้อมกับความคาดหวังของบิดาที่ปรารถนาให้ท่านเป็นหัวหน้าเผ่าราชาแห่งทุ่งหญ้าปัมปัสคนต่อไป
เช่นเด็กชายชาวมาปูเช ท่านได้เรียนรู้ที่ใช้จะโบเลียโดราส(Boleadoras)
อุปกรณ์ที่มีลักษณะเป็นลูกตุ้มหินของชาวดินเดียนแดงบนหลังม้า หอกและธนู
จนกระทั้งท่านมีวัยได้
11 ปี บิดาท่านก็ได้ยศเป็นพันเอก
เขาจึงได้ตัดสินใสพาท่านไปยังกรุงบัวโนสไอเรส เพื่อรับการศึกษาอันคือผลประโยชน์แก่คนของเขา
ที่นั่นพวกท่านได้รับการตอนรับอย่างดีนายพลหลุยส์ มารีอา กัมโปส (Luis María Campos) เพื่อนและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสงครามและกองทัพเรือ
หลังจากนั้นท่านจึงไปเข้ารับการฝึกอบรมกองทัพเรือที่ทิกเร(Tigre) ในงานช่างไม้ อย่างไรก็ตามสามเดือนต่อมาท่านก็ขอบิดาท่านย้ายออกเพราะท่านไม่ชอบสภาพแวดล้อมหรืออาชีพนี้เลย
เมื่อทราบความจากท่านผ่านจดหมายแล้ว
บิดาของท่านก็ได้ไปเข้าพบเพื่อนของเขาอีกคนคืออดีตนายกรัฐมณตรีของอาเจนตินานายหลุยส์
ซาเอนธ์ เปญา (Luis Sáenz
Peña)
เพื่อขอคำแนะนำและก็ได้คำแนะนำว่าควรพาท่านไปศึกษาต่อในโรงเรียนของคณะซาเลเซียน
ดังนั้นวันที่ 20
กันยายน ค.ศ.1897 ท่านจึงได้ลงทะเบียนเป็นนักเรียนประจำในโรงประจำของคณะซาเลเซียนนาม “วิทยาลัยปิอุสที่ 9”
ไม่นานท่านก็เริ่มปรับตัวกับสถานที่นี้ได้
พร้อมกันนี้ท่านยังได้พบกับพระคุณเจ้าฆวน กาฆลิเอโร (Juan Cagliero) หัวหน้างานธรรมทูตในปาตาโกเนียและผู้ร่วมมือในงานธรรมทูตซาเลเซียนในอาเจนตินา
ที่โรงเรียนใหม่ท่านเอาใจใส่กับการเรียนวิชาต่างๆ
ทั้งภาษากาซเทลลาโน
(Castellano) ภาษาอันมีต้นกำเนิดมาจาดชนชาวคาสตีล ที่ใช้ต่อๆมาโดยชาวสเปน และ คำสอน
ก่อนที่ในปีต่อมาในวันที่ 8 กันยายน
ท่านจะได้รับพระวรกายพระคริสตเจ้าเป็นครั้งแรกพร้อมๆกับปฏิญาณตนจะภักดีต่อสหายของท่านองค์พระเยซูเจ้าตามแบบอย่างของนักบุญดอมินิก
ซาวีโอ ที่ท่านเลือกเป็นแบบในด้านความกระตือรือร้น หลังจากนั้นอีกหนึ่งปีถัดมาพระคุณแห่งพระจิตเจ้าก็มายังท่านผ่านการปรกมือของพระคุณเจ้าเกรโกริโอ
โรเมโร (Gregorio Romero) ในวัดซาน กาโลซ
เมื่อวันที่ 5 พฤษจิกายน ค.ศ.1899
นอกจากเป็นนักเรียนที่ดีแล้ว
ท่านยังเป็นนักร้องเพลงที่ยอดเยี่ยม คว้ารางวัลมามากมาย ท่านและการ์โลส การ์เดล (Carlos Gardel) อนาคตตำนานนักแทงโก
ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังทั้งการร้องเพลงและการแสดงภาพยนตร์ เป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนและห้องนอนเดียวกัน
เขาย้ายมาเรียนโรงเรียนเดียวกันกับท่านระหว่างปี ค.ศ.1901-1902 ซึ่งช่วงสองปีนั่นเองเขาก็ได้เป็นเข้ากลุ่มนักขับที่คุมโดยคุณพ่อโฮเซ
เอสปาดาเวกเกีย (José
Spadavecchia)
กลุ่มเดียวกันกับที่ท่านถูกดึงตัวมาเพราะพรสวรรค์ด้านนี้ ทั้งในวัดและงานต่างๆ
ด้วยวัย 12 ปี ที่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ท่านก็ได้รับรางวัลชนะเลิศคำสอนประจำปี
ซึ่งเสมือนเป็นการก้าวขึ้นบันไดอีกขั้นสำหรับตำแหน่ง “เจ้าชายแห่งความเชื่อคริสตชน” ฐานันดรที่เหมาะกับท่านนัก
เด็กชายผู้เรียบง่าย
อ่อนโยน ปฏิบัติตามระเบียบ เชื่อฟัง เปิดเผย ซื่อสัตย์ ทำทุกหน้าที่ในฐานะนักเรียน อีกดูแลเพื่อนๆ
ช่วยทุกสิ่งที่สามารถทำได้ เคียงคู่กับความร้อนรนในความเชื่อ ความรักในศีลมหาสนิทเฉกทูตสวรรค์ตัวน้อยๆและมีชีวิตทุกๆวันสนิทกับพระองค์
จึงไม่แปลดอะไรเลยที่ท่านจะเป็นที่รักขอเพื่อนๆและครู
ที่พากันเรียกท่านว่า “ดอมินิก ซาวีโอใหม่” หรือ “นักบุญหลุยส์
กอนซากา”
อีกความฝันของท่านอีกประการหนึ่งก็คือการได้เป็นพระสงฆ์คณะซาเลเซียนผู้ประกาศข่าวดีแก่พี่น้องอินเดียนแดงของท่าน
เมื่อการศึกษาขั้นพื้นฐานที่โรงเรียนสิ้นสุดลงด้วยคะแนนอันดีในปี ค.ศ.1902 พร้อมท่านที่บัดนี้เป็นหนุ่มชาวมาปูเชวัย 16 ปี บิดาของท่านก็ต้องการให้ท่านกลับมายังบ้านเพื่อเป็นล่ามและเลขานุการ
เขาจึงปฏิเสธความฝันของท่าน แต่แล้วหลังจากการคิดและคำแนะนำจากเพื่อที่ดีเขาก็ยอมให้ท่านเดินตามฝันของท่านได้
แต่ก็ต้องพบปัญหาด้านสุขภาพของท่านที่เริ่มต้นปี
ค.ศ.1902
มันจึงไร้ประโยชน์ที่จะส่งท่านไปเรียนต่อที่โรงเรียนซาเลเซียนภาควิชาเกษตรกรรมในอูริเบลาร์เรีย
(Uribelarrea) สถานอันเป็นที่พักผ่อนของท่านในยามปิดภาคเรียนทุกครั้ง
ประการฉะนี้ในปี ค.ศ.1903 พระคุณเจ้าฆวน กาฆลิเอโร ก็ได้ตัดสินใจส่งท่านไปเมืองเวียดมา เพื่อให้ท่านไล่ตามกระแสเรียก
ภายใต้การดูแลของคุณพ่อคุณหมอเอวาซิโอ เกรโรเน (Evasio Garrone) ด้วยความหวังที่ว่าอากาศทางใต้และการดูแลจะช่วยบรรเทาอาการป่วยของท่าน
ระหว่างนั้นท่านก็ได้เริ่มชีวิตการเป็นซาเลเซียนพร้อมนักเรียนคนอื่นๆที่มีความฝันเดียวกันคือการเป็นซาเลเซียนที่วิทยาลัยนักบุญฟรานซิส
เดอ ซาลส์ “เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ในการปฏิบัติกิจคุณธรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกุศล
ความนบนอบ ความเชื่อฟังและพรหมจรรย์ที่สมบูรณ์แบบ ” คือบางส่วนของคำให้การง่ายๆเรื่องชีวิตในโรงเรียนแห่งนี้
โรงเรียนที่ทุกคนต่างรักท่านด้วยใจจริง พวกเขาเศร้าที่ท่านต้องจากไปแม้ท่านจะปลอบเขาแล้ว
ท่านใช้เวลาท่านราวๆหนึ่งปีในโรงพยาบาล โดยมีบุญราศีอาร์เตมีเด ซัตตีเป็นพยาบาลคอยดูแลท่าน
มีเรื่องเล่าที่เมืองนี้ว่าครั้งหนึ่งขณะที่ท่านกำลังขี่ม้าอยู่
ฟรานซิสโก เด ซาโว ได้ตะโกนถามท่านว่า “เซเฟริโนสิ่งที่เธอชอบที่สุดคืออะไร”
ขณะเดียวครูชาวอเมริกันผู้นั้นก็คิดว่าท่านคงจะตอบวาศิลปะ การขี่ม้า อะไรพวกนี้
แต่ผิดคลาดท่านหยุดว่าแล้วกล่าวว่า “การได้เป็นนักบวชครับ”
และควบม้าต่อไป
หนึ่งปีที่เวียดมาผ่านไป
พระคุณเจ้าฆวน
กาฆลิเอโร
ก็ตัดสินใจพาท่านไปยังอิตาลีพร้อมเขา ในวันที่ 6กรกฏาคม ค.ศ.1904 ด้วยความหวังอีกครั้งว่าอากาศที่ดีและการแพทย์อันเป็นเลิศจะรักษาท่าน
พร้อมจุดหมายการเดินตามกระแสเรียก เมื่อท่านทราบใจหนึ่งท่านก็แสนจะสุขใจที่จะได้ไปเยือนถิ่นของดอน
บอสโก แต่ก็แอบเศร้านิดหนึ่งที่ต้องหางจากครอบครัวและเผ่าในอีกใจหนึ่ง ที่บาเอีย
บลันกา (Bahía Blanca) ท่านได้แวะพักที่วิทยาลัยซาน เปโดร
เพื่อรอขึ้นรถไฟไปยังกรุงบัวโนสไอเรส ในวัดที่นี่ท่านไดหลั่งน้ำตาออกมามากมายในระหว่างภาวนาด้วยความตื่นเต้นต่อภาพของแม่พระ
ที่บัวโนสไอเรสทุกคนสังเกตได้ว่าท่านมีสุขภาพที่แย่ลงมาก
ท่านมีอาการอาเจียนเป็นเลือดบ่อยครั้ง แต่เมื่อคุณพ่อเวสปิกนานิ ถามท่าน
ท่านตอบเพียงว่า “สบายดีครับ” หลังจากนั้นพวกท่านจึงขึ้นเรือกลไฟไปยังซิซิลีและเจนัวในวันที่ 10 สิงหาคม ค.ศ.1904 ก่อนมาถึงกรุงตูริน
และได้เข้าพบบุญราศีคุณพ่อไมเกิล รัว ผู้สืบตำแหน่งคนที่สองของนักบุญดอน บอสโก นับจากวันนั้นมาเขาก็ได้พูดคุยเล็กน้อยๆกับท่านหลายๆครั้งต่อสัปดาห์
เมื่อท่านกล่าวจบพระองค์ก็ทรงตอบท่านด้วยอารมณ์ที่ดีว่า
“ดีมาก บุตรชายของพ่อ พ่อขอบคุณโดยวิธีที่ดีในการพูดถึงผู้แทนแห่งองค์พระคริสตเจ้า
พระเจ้าจะทรงช่วยลูกในการดำเนินงานทุกอย่างที่ลูกได้กล่าวไว้
การกลับใจของพี่น้องของลูกในปาตาโกเนีย … พ่อขอให้ลูก ทั้งหมดหัวใจของพ่อ ขอพระพรจากอัครสาวกของพ่อ ให้มีการเติบโตเป็นพระสงฆ์ของลูก
ทั้งในครอบครัวลูกและทุกคนของลูกเถิด ” ทันทีทุกคนที่อยู่ที่นั่นจึงถามขึ้นว่า “สิ่งที่จะเด็กหนุ่มคนนี้คือจะได้คืออะไรกันหรือครับ” หลังจากได้ยินดังนั้น พระองค์ก็ทรงเรียกท่านให้ไปที่โต๊ะทรงงานของพระองค์ก่อนให้นั่งข้างๆ
และมอบเหรียญที่สงวนไว้สำหรับเจ้าชายแด่ท่าน “เจ้าชายแห่งความเชื่อคริสตชน”
จากที่มาถึงโรมแล้ว
ท่านก็ได้ไล่ตามกระแสเรียกของท่านต่อที่วิทยาลัยของคณะซาเลเซียนนาม “วิลลา โซรา” (Villa Sora) นอกกรุงโรมเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน
มันเป็นวิทยาลัยที่ตั้งอยู่บนเขาอันงดงามของฟราซกาติ ที่มีสถานที่กว้างขวางและสะดวกสบาย
โอบล้อมด้วยทิวไม้นานากับภูมิทัศน์ที่สวยงามและท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง
เช่นเดียวกันกับที่อื่นๆท่านเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เพื่อนๆทุกคนโดยเฉพาะความร้อนรนต่อศีลมหาสนิท
การมีระเบียบวินัยและการอดทนต่อวัณโรคร้ายที่คุกคามท่าน
แต่แล้วอาการของท่านก็ทรุดลงอย่างหนักในช่วงเดือนมีนาคม
ค.ศ.1905 จนท่านไม่สามารถเข้าเรียนได้ ที่สุดจึงมีการส่งท่านไปรักษายังโรงพยาบาลฟาเตเบเนฟราเตลลี
(Fatebenefratelli) บนเกาะติเบรินา (Tiberina) ภายใต้ความดูแลของแพทย์ส่วนพระองค์สมเด็กจพระสันตะปาปาลีโอที่ 13 และ นักบุญสมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 10 ดร.โฮเซ
ลาปโปนี (José Lapponi)
ร่างของท่านได้รับการประกอบพิธีอย่างเรียบง่ายและถูกฝังไว้ที่กัมโป เวราโน (Campo Verano) สุสานของกรุงโรม
การตายของท่านสร้างความเศร้าใจเป็นอย่างมากแก่ทั้งบิดาของท่าน วิทยาลัยปิอุสที่ 9 และนักบุญสมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 10 ร่างท่านได้คืนสู่มาตุภูมิอาเจนตินาในปี ค.ศ.1924
หลังจากนั้นอีกหลายสิบปี
นับจากวันที่สถานพักผ่อนสุดท้ายในมาตุภูมิของท่านกลายเป็นที่แสวงบุญ เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ค.ศ.2007 คารวียะเซเฟริโน นามูนกูรา เจ้าชายก็ได้รับเกียรติยกขึ้นไว้ในสารบบบุญราศี
เคียงคู่กับนักบุญดอมินิก ซาวีโอ และ บุญราศีเลารา วีกุญญา จากนั้นในวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ.2009
ครอบครัวของท่านก็ได้ขอย้ายกระดูกของท่านไปไว้ยังจังหวัดเนวเกน ภายใต้พิธีกรรมของชาวมาปูเช
“จงพยายามเข้าทางประตูแคบ
เพราะเราบอกท่านทั้งหลายว่าหลายคนพยายามจะเข้าไป แต่จะเข้าไม่ได้” (ลูกา 13:24) บุญราศีเซเฟริโน
ยอมรับน้ำพระทัยของพระเจ้าด้วยใจรัก ท่านตระหนักถึงข้อนี้ดี
ท่านจึงโค้งตัวรับน้ำพระทัยของพระองค์จนสามารถรอดผ่านประตูอันแสนแคบไปได้
แม้ว่าอาจจะต้องหล้าหรือเหนื่อยก็ตามที ท่านก็ยังคงก้มและเชื่อฟังพระแล้วค่อยๆแบกกางเขนอันหนักของท่านเดินต่อไปได้
เช่นกันวิธีที่เราจะผ่านประตูแคบของพระเจ้าได้อีกวิธีหนึ่งคือการยอมรับน้ำพระทัยของพระองค์ด้วยใจที่นบนอบ
เชื่อฟังและวางใจในพระองค์
“ข้าแต่ท่านบุญราศีเซเฟริโน นามูนกูรา
ช่วยวิงวอนเทอญ”
ข้อมูลอ้างอิง