วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ทางกางเขนของ "ราฟา"


นักบุญราฟา
St.Rafqa
ฉลองในวันที่ : 23 มีนาคม

หมู่บ้านฮิมรายา ประเทศเลบานอน วันสมโภชนักบุญเปโตรและเปาโล อัครสาวก ที่  29 มิถุนายน ค..1832  ครอบครัวนายโมราด เอล ราเยส กับนางราฟคา เจมาเยล ธิดาตัวน้อยได้ถือกำเนิดขึ้น พร้อมกับได้รับศีลล้างบาปในวันที่ 7 กรกฎาคม ด้วยนาม บูโทร์สซีช อันมีความหมายหากอ่านด้วยภาษาอาหรับว่า ธิดาแห่งเปโตร



ตั้งแต่ครั้งเยาว์วัยบิดามารดาก็คอยพร่ำสอนให้ท่านรักพระเจ้าและสวดภาวนาทุกๆวัน แต่ไม่นานความสุขก็พลันจบลงเมื่อมารดาท่านมาด่วนจากท่านไป ในขณะที่ท่านมีอายุได้เพียงแค่ 7 ปี มันเป็นความเศร้าที่ยิ่งใหญ่สำหรับท่านนัก หลังจากนั้นท่านก็เติบโตขึ้นมาโดยขาดมารดา กระทั้งอายุได้ 11 ปี บิดาท่านก็ประสพปัญหาด้านการเงินอย่างหนัก เขาจึงส่งท่านไปทำงานเป็นคนใช้ที่ดามัสกัสเป็นระยะเวลาถึงสี่ปี ในบ้านของอาซซาอาด อัล บาดาวี ชาวเลบานอน ที่นั่นท่านเติบโตมาเป็นสาวที่จัดได้ว่าสวย น่าพึงพอใจ มีอารมณ์ขัน เกลี้ยงเกลา อ่อนโยนกับวาจาที่ดูสงบ

ท่านกลับมาบ้านและพบว่าบิดาท่านได้สมรสใหม่แล้ว และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของปัญหาเมื่อแม่เลี้ยงต้องการให้ท่านสมรสกับพี่ชายของเธอ ส่วนคุณป้าฝ่ายมารดาของท่านก็ต้องการให้ท่านสมรสกับบุตรชายของเจ้าหล่อนเช่นเดียวกัน ในฝั่งท่านนั้นท่านมิมีความปรารถนาจะสมรสกับมนุษย์คนใดเลย ท่านค้นพบปัญหาการวิวาทนี้ ในวันหนึ่งหลังจากกลับจากตักน้ำที่น้ำพุ ท่านก็ได้ยินพวกเขาเถียงกันอย่างยกใหญ่ ท่านจึงทูลขอให้พระเจ้าทรงโปรดแก้ปัญหานี้ที



ที่สุดท่านก็ตัดสินใจจะอุทิศชีวิตของท่านต่อพระสวามีเจ้าองค์เดียวพระคริสตเจ้าด้วยการเป็นซิสเตอร์อันเป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ของท่าน ท่านทูลขอให้ความปรารถนาของท่านสำเร็จลงต่อพระเจ้าและเดินทางไปยังอารามพระมารดาแห่งอิสรภาพในบิคฟายา ของคณะมาเรียเมตเตส (ภาษาฝรั่งเศสแปลว่า ธิดาพระมารดาผู้ปฏิสนธินิรมล)
เมื่อฉันเข้าไปในวัด ฉันรู้สึกเปี่ยมล้นไปด้วยความสุขอันยิ่งใหญ่ ได้รับความบรรเทาใจที่ภายในและขณะมองภาพของแม่พระ ฉันรู้สึกราวกับว่ามีเสียงมาจากภาพและ….บอกกับฉันว่า ลูกจะเป็นซิสเตอร์
คุณแม่อธิการอนุญาตให้ท่านเข้าอารามได้เลย โดยปราศจากข้อสงสัยใดๆ ท่านสมัครเข้าอารามและปฏิเสธที่จะกลับบ้านไพร้อมกับบิดาและแม่เลี้ยงเมื่อพวกเขามากีดกันท่านจากการเป็นซิสเตอร์

ท่านเริ่มชีวิตในอารามในฐานะนวกะในวันฉลองนักบุญมาอ๊องที่ 9 กุมภาพันธ์ ค..1855 ในอารามที่กาซีร์ ด้วยนาม อนิซซา” (อักแนส) ถัดจากนั้นท่านจึงถูกส่งไปแดร์ เอล แกมาร์ ในปี ค.. 1860  เพื่อช่วยสอนคำสอนในพันธกิจของคณะเยซูอิต ที่นั่นท่านได้แลเห็นการนองเลือดที่เกิดขึ้นในเลบานอนขณะนั้น และได้ทำสิ่งที่เสี่ยงที่สุดครั้งหนึ่งด้วยการช่วยเด็กชายคนหนึ่งไว้ใต้เสื้อคลุม ซึ้งช่วยให้เขาพ้นจากความตายมาได้อย่างฉิวเฉียด


ก่อนกลับมาและได้รับเสื้อคณะในวันสมโภชนักบุญยอแซฟที่ 19 มีนาคม ค..1861 แลปฏิญาณตนชั่วคราวในวันเดียวกันในอีกปีต่อมา ก่อนถูกส่งไปประจำในห้องครัวที่สามเณราลัยกาซีร์ ของคณะเยซูอิต ท่านใช้เวลาว่างในช่วงนั้นในการศึกษา ฝึกเขียนอักษรอาหลับ เรียนคณิตศาสตร์และช่วยเหลือบรรดาเด็กหญิงทั้งหลาย 

จากนั้นในปี ค.. 1863 ท่านก็ถูกส่งตัวไปสอนที่โรงเรียนของคณะในบีโบล์ส หนึ่งปีหลังจากนั้นท่านย้ายไปประจำที่หมู่บ้านมาอาด เพื่อสร้างโรงเรียนสำหรับเด็กหญิงด้วยความช่วยเหลือของนายอ็องตูน อิซซา  เป็นระยะเวลาราว 7 ปี



หลังจากนั้นในปี ค..1871 คณะของท่านก็ได้รวมกับคณะพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าและพระแม่มารีย์ ดังนั้นซิสเตอร์ในคณะจึงมีทางเลือกสองอันคือเข้าคณะใหม่หรืออย่างใดก็ได้ ท่านรู้สึกสับสน ท่านจึงทูลต่อพระเจ้าเพื่อขอความสว่าง ท่านได้เข้าไปในวัดนักบุญจอร์จเพื่อการนี้ และพระเจ้าก็ได้ทรงตรัสกับท่านว่า ลูกจะยังคงเป็นซิสเตอร์  และในคืนวันเดียวกันนั้นเองท่านก็ฝันเห็นชายสามคน คนหนึ่งมีเคราสีขาว อีกคนหนึ่งแต่งตัวคล้ายทหารและอีกคนเป็นชายชรา มาหาท่านชายผู้หนึ่งกล่าวกับท่านว่า จงไปเป็นซิสเตอร์ในคณะบาลาดิตา หลังจากนั้นท่านก็ตื่นขึ้นด้วยดวงใจที่เออล้นไปด้วยความสุข ท่านรับไปหาอ็องตูนเพื่อเล่าความฝันให้ฟังและทราบว่าทั้งผู้ที่กล่าวกับท่านนั้นคือนักบุญอันตน อธิการ ส่วนอีกสองคนคือนักบุญจอร์จและนักบุญซีมอน สตีลิเตส

ดังนั้นด้วยการสนับสนุนด้านการเงินจากนายอ็องตูน ท่านจึงออกเดินทางไปยังอารามนักบุญซีมอนในอัล คาร์น ของคณะบาลาดิตา คณะนักพรตของเลบานอนและได้เข้าเป็นนวกะด้วยวัย 39 ปี ในวันที่ 12 กรกฎาคม ค..1871 ก่อนเข้าพิธีปฏิญาณตนตลอดชีพด้วยนาม ซิสเตอร์ราฟคา



ท่านเจริญชีวิตเป็นแบบอย่างของเพื่อนซิสเตอร์ทั้งหลายในอาราม ท่านยึดมันตามกฎของคณะ ชีวิตของท่านเต็มไปด้วยการเสียสละและความเข้มงวดเสมอมา กระทั้งในวันอาทิตย์แรกของเดือนตุลาคม ค..1885 ท่านก็ไม่ได้ตามบรรดาซิสเตอร์ไปเดินรอบๆอาราม แต่ตัดสินใจที่จะสวดสายประคำเนื่องจากเป็นวันแรกของเดือนสายประคำ ดังนั้นบรรดาซิสเตอร์จึงบอกท่านก่อนออกไปทุกๆคนว่า สวดให้ฉันด้วยนะ ซิสเตอร์ หลังจากนั้นท่านจึงได้เข้าไปสวดภาวนาในวัดและได้สวดขอให้ตัวท่านได้สัมผัสกับพระมหาทรมานของพระองค์ เหตุไฉนกันพระองค์จึงทรงออกห่างลูกและทิ้งลูกเล่า พระองค์มิเคยเสด็จไปเยี่ยมลูกกับอาการเจ็บป่วยเลย ลูกมิควรที่จะได้รับมันดอกหรือ

และภายในคืนนั้นพระเยซูเจ้าก็ทรงรับคำทูลขอท่าน ความเจ็บปวดพลันเกิดที่ศีรษะของท่านในยามราตรีของคืนหลังวันนั้น ก่อนที่มันจะค่อยๆไล่มาที่ตาทั้งสองของท่าน เมื่อคุณแม่อธิการทราบเรื่องของท่าน คุณแม่ก็จึงนำตัวท่านไปรักษา เป็นระยะเวลาเกือบสองปีที่ท่านต้องทนทุกข์ทรมานที่ดวงตา ไม่ว่าจะแพทย์คนไหนในท้องถิ่นก็ไม่สามารถทำสิ่งใดได้เลย กระนั้นท่านยังคงยิ้มไปพร้อมวลีที่ว่า ในความสนิทกับพระมหาทรมานของพระองค์ พระเยซูเจ้า



ที่สุดจึงมีการตัดสินใจส่งท่านไปเบรุตเพื่อรับการรักษา และผ่านวัดนักบุญยอห์น มาร์คัส ในบีโบลส์ สหายเก่าท่านได้รู้ว่ามีแพทย์ชาวอเมริกันในพื้นที่ ดังนั้นพวกเขาจึงพาท่านไปหาเขาและเมื่อทำการตรวจ เขาจึงสั่งให้ท่านต้องผ่าตัดตาขวาในทันที ในการเข้ารับการผ่าตัดครั้งนั้นท่านปฏิเสธการใช้ยาสลบ แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อหมอนำมีดไปผ่าตัดที่ดวงตาขวาของท่าน เป็นมัน ตาขวาของท่านโผล่และหลุดตกลงมาที่พื้นห้อง แต่กระนั้นท่านก็หาบ่นไม่ ท่านเพียงแต่กล่าวว่า เพื่อพระมหาทรมานของพระคริสตเจ้า ขอพระเจ้าโปรดทรงอวยพระพรมือของคุณและขอให้พระองค์ทรงตอบแทนคุณกลับด้วยนะค่ะ พร้อมยิ้ม

และหลังจากนั้นดวงตาข้างซ้ายของท่านก็ค่อยๆจมลงไปในเบ้าและทำให้ตาบอดในที่สุด จากนั้นท่านก็มีอาการตกเลือดที่บริเวณเบ้าตาทั้งสองประมาณอาทิตย์ 2-3 ครั้งเสมอ นอกจากนี้ท่านยังต้องทนกลับอาการเลือดไหลบ่อยที่บริเวณศีรษะ คิ้ว จมูก ราวกับว่าพวกมันกำลังถูกแทงด้วยเข็มร้อนสีแดง พยานผู้เห็นเหตุการณ์กล่าว อย่างไรความเจ็บปวดก็ไม่ได้พรากท่านจากชีวิตคณะ ท่านยังคงปั่นขนสัตว์ ฝ้าย ถักถุงเท้าให้บรรดาซิสเตอร์ทั้งหลาย ร่วมร้องเพลงทำวัตรด้วยความถ่อมตนเสมอ



เนื่องจากอารามนักบุญซีมอนในฤดูหนามมีอากาศที่หนาวเย็นมาก ดังนั้นท่านจึงได้รับอนุญาตที่จะย้ายไปพักในชายฝั่งของเลบานอนที่มีอากาศที่อบอุ่นกว่าเยอะในฐานะของแขกของคณะภคีนีเมตตาธรรม แต่ท่านมิสามารถที่จะปฏิบัติตามกฎของที่นั่นได้ ท่านจึงขอให้ส่งท่านไปที่อารามนักบุญเอลีอุส ที่ เอล ราสซ์  ของคณะท่านเอง

ที่สุดในปี ค..1897 ท่านก็ได้อนุญาตให้ย้ายไปอยู่ในอารามนักบุญยอแซฟ อัล ดาฮร์ ใน จราบาตา พร้อมซิสเตอร์อีกหกคน นำโดยซิสเตอร์อุร์สุลา อย่างถาวร ในอารามใหม่เอี่ยมของคณะ ถัดจากนั้นเพียงสามปีท่านก็สูญเสียการมองเห็นไปตลอดและกลายเป็นอัมพาต ต้องนอนตะแคงขวาตลอดเวลา เดินเหินไปไหนมาไหนไม่ได้อีกตลอดไป ยิ่งเคลื่อนไหวยิ่งเจ็บปวด ซ้ำร้ายไม่พอท่านยังมีอาการบาดเจ็บที่ไหล่ซ้าย สำหรับบาดแผลที่ไหล่ของพระเยซูเจ้า ท่านกล่าว ยิ่งกว่านั้นกระดูกสันหลังของท่านปูดออกมาจนเห็นเป็นเด่นชัด  ร่างกายท่านเบา ราวกับเป็นเพียงแค่หนังหุ้มกระดูกเท่านั้น แต่มือทั้งสองของท่านก็ยังใช้ถักถุงเท้าเพื่อคนอื่นต่อไป พร้อมใบหน้าที่ยิ้มแย้มที่สะท้อนความสงบและความอ่อนโยน คู่การโมทนาขอบพระคุณสำหรับพระหรรษทานของพระเจ้าที่โปรดให้ท่านได้มีส่วนร่วมในพระมหาทรมานของพระองค์ จากการตรวจของแพทย์ได้ชี้ชัดให้เห็นว่าท่านป่วยด้วยโรควัณโรคกระดูกและข้อ



บันทึกความทรงจำของบรรดาซิสเตอร์ที่เคยอยู่ร่วมท่านในอารามแห่งนี้อีกเรื่อง คือเรื่องที่เกิดขึ้นในวันสมโภชพระคริสต์วรกายครั้งหนึ่ง ท่านปรารถนาที่จะร่วมพิธีพร้อมกับพี่น้องในอาราม แต่แน่นอนความเจ็บป่วยนั้นเหนี่ยวรั้งให้ท่านมิได้ดังใจปรารถนา ท่านทำได้แต่เพียงรอให้คุณพ่อมาส่งศีลให้เมื่อเขามาเยี่ยม แต่ไม่ใช่ในครั้งนี้ ทันทีที่เสียงของบรรดาซิสเตอร์ทั้งหลายดังขึ้น ท่านก็วอนขอพระเจ้าให้โปรดทรงช่วยท่านให้ได้ไปรับศีลด้วย ฉับพลันท่านก็สามารถลงจากเตียงมาได้ แม้ร่างกายส่วนใหญ่ของท่านยังคงเป็นอัมพาตอยู่ จากนั้นท่านก็ค่อยลากตัวเองไปยังวัดอย่างช้าๆท่ามกลางความเจ็บปวดสุดจะบรรยาย แต่ที่สุดท่านก็ได้รับศีลตามความปรารถนา ยังความประหลาดใจมาแก่ซิสเตอร์ทุกคนนักต่อภาพที่เห็น แต่ไม่นานท่านก็กลับมาเป็นอัมพาตเช่นเดิม

อัศจรรย์การมองเห็นแม้นไม่มีดวงตา ครั้งหนึ่งเมื่อท่านกล่าวกับคุณแม่อุร์สุลาว่า ลูกปรารถนาที่จะมองเห็นอย่างน้อยซักหนึ่งชั่วโมงก็ดี เพื่อให้สามารถมองเห็นคุณแม่ค่ะ รอยยิ้มน้อยอันเปี่ยมสุขระบายขึ้นบนหน้าท่านพร้อมวลีอันเปี่ยมสุขว่า ดูซิ ลูกมองเห็นแล้ว ทันทีคุณแม่อุร์สุลายังไม่ปักใจเชื่อ กระทั้งลองให้ท่านทายของหลายๆอย่างที่เธอชี้หรือถาม ซึ่งท่านก็สามารถตอบได้หมดอย่างถูกต้อง หลังจากนั้นท่านก็ได้จ้องมองคุณแม่อุร์ซุลาและทิวทัศน์ของชนบทผ่านหน้าต่างในห้องเป็นระยะเวลาได้ราวชั่วโมง ท่านจึงตกอยู่ในสภาวะหลับสนิทราวสองชั่วโมงได้ มันทำให้คุณแม่อุร์ซุลาเป็นกังวลมาก เธอพยายามปลุกท่านหลายครั้ง กระทั้งท่านตื่นและเล่าว่าท่านได้ไปในสถานที่แห่งหนึ่ง ที่มีขนาดใหญ่มาก ตัวอาคารการตกแต่งที่สวยงามด้วยอ่างอาบน้ำที่เต็มไปด้วยน้ำและมีผู้คนมากมายเบียดเสียดไปที่มัน ท่านก็ได้ไปกับพวกเขา ถึงจุดนี้พลันก็เกิดความสงสัยในใจของคุณแม่อุร์สุลาเธอจึงถามว่าเหตุ”ฉนท่านถึงกลับมาละ ทำไมไม่เดินต่อไป คุณแม่เรียกลูก ลูกเลยมาไงละค่ะ ท่านตอบ



ความนบนอบของท่านนั้นท่านยึดมั่นตลอด แม้ท่านจะมีสภาพร่างกายที่ไม่เอื้ออำนวยนัก ท่านก็ไม่เคยทำสิ่งใดเลยโดยที่ไม่ได้รับคำอนุญาตจากคุณแม่อธิการ ดั่งเรื่องราวที่เล่าไปข้างต้น

ขณะที่ใกล้ถึงปลายทางแห่งไม้กางเขนขึ้น ท่านก็ได้ตัดสินใจบอกเล่าเรื่องราวของท่านแก่คุณแม่อธิการ คุณแม่อุร์ซุลา และที่สุดแล้วหลังจากเจ็ดปีแห่งความทุกข์ทรมานในวันที่  23 มีนาคม ค..1914 หลังจากรับศีลเจิมคนไข้ได้ราวสี่นาทีท่านก็ได้สิ้นใจอย่างสงบด้วยอายุราว 81 ปี ร่างของท่านถูกฝังในสุสานของอารามอย่างเรียบง่าย แต่กระนั้นตลอดระยะเวลาสามคืนก็พลันบังเกิดแสงอันสุกสกาวที่หลุมของท่านตลอดเป็นที่น่าอัศจรรย์ใจนัก ลูกมิกลัวความตายที่ลูกรอคอยมานาน องค์พระเจ้าจะทรงให้ลูกมีชีวิตอยู่ด้วยความตายของลูกเอง ท่านกล่าวหลังรับศีลมหาสนิทสามวันก่อนที่ท่านจะจากไป



เรื่องราวของท่านได้รับการจดจำและถูกนำไปสู่การดำเนินเรื่องขอแต่งตั้งท่านเป็นบุญราศีและที่สุดในวันก่อนสมโภชพระจิตเจ้าที่ 16 พฤศจิกายน ค..1985 สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ก็ได้ทรงแต่งตั้งท่านเป็นบุญราศี ระหว่างนั้นพระองค์ยังทรงยกย่องท่านให้เป็นแบบอย่างของความรักต่อศีลมหาสนิทในปีปิติมหาการุณย์ ค..2000  ก่อนหลังจากนั้นเพียงหนึ่งปีพระองค์จึงทรงสถาปนาท่านขึ้นไว้ในทำเนียบนักบุญ เป็นนักบุญหญิงอีกคนจากเลบานอน เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ค..2001 



เรื่องราวชีวิตอันสง่าของท่านเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการน้อมรับน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้าด้วยใจยินดี ท่านไม่เคยบ่นแม้จะต้องนอนเป็นอัมพาต ตาบอด ถ้าเป็นคนหลายๆคนคงบ่นด่าว่าพระเจ้าว่าทำอย่างนี้ได้อย่างไร แต่ไม่ใช่ท่านกลับขอบพระคุณพระองค์ด้วยซ้ำ ตามพระวาจาที่ว่า “ ถ้าผู้ใดอยากตามเรา ก็จงเลิกคิดถึงตนเอง จงแบกไม้กางเขนของตนและติดตามเรา (มัทธิว 16:24) ดังนั้นวิธีการไปสวรรค์ในแบบนักบุญหลายต่อหลายท่านสรุปได้อีกข้อหนึ่งคือ การยอมรับน้ำพระทัยของพระด้วยใจยินดี ขอบคุณพระองค์สำหรับความทุกข์บนโลก ระลึกว่ามันดีกว่าการต้องไปติดอยู่ที่แดนไฟชำระเป็นวันเป็นเดือนหรือเป็นปี เพราะในนั้นช่างทรมานนักเกินจะหาคำใดๆในโลกมาอธิบายได้




ข้าแต่ท่านนักบุญราฟา ช่วยวิงวอนเทอญ


ข้อมูลอ้างอิง

'เบร์นาร์โด ฟรานซิสโก' ให้ชีวิตนี้เป็นสะพานนำรักพระองค์ไป ตอนจบ

บุญราศีเบร์นาร์โด ฟรานซิสโก เด โอโยส เด เซญา Bl. Bernardo Francisco de Hoyos de Seña วันฉลอง: 29 พฤษจิกายน [ย้อนกลับไปอ่าน  “‘เบร์นาร์โด ฟรา...