วันเสาร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2557

ชีวิตธรรมดาที่ไม่ธรรมดา "มารีอา อัสซูนตา"


บุญราศี มารีอา อัสซูนตา ปาลลอตตา
Bl. Maria Assunta Pallotta
ฉลองในวันที่ : 7 เมษายน

เลโอเน เป็นสตรีผู้น่าสงสาร เธอล้มป่วยเป็นอัมพาตมาแปดเดือนได้แล้ว ดังนั้นเองสิ่งเดียวที่เธอทำได้ จึงคือการสวดภาวนาขอให้พระเจ้าทรงรักษาเธอผ่านข้ารับใช้พระเจ้าคนหนึ่ง จนกาลเวลาล่วงมาถึงคืนหนึ่งในเดือนพฤษภาคมหรือมิถนาคมที่เธอจำไม่ได้นี้ละ ในปี ค..1923 ขณะเวลาได้แปดนาฬิกา ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นในครั้งแรกเธอคิดว่าเป็นคนในบ้านจึงตอบไปว่า เข้ามาได้เลย นั่นใครน่ะ ก็มีเสียงตอบเธอว่า ฉันเองค่ะ เลโอเน ก่อนประตูจะเปิดออกเผยให้เห็นร่างซิสเตอร์ผู้หนึ่งที่เธอเฝ้าสวดขอในชุดคณะสีขาว พร้อมมงกุฏดอกไม้สีขาวบนศีรษะ เธอรู้สึกเป็นยังไงบ้าง เลโอเน เลโอเนจึงตอบว่า ไม่ดีเลยค่ะ ดิฉันต้องอยู่แต่บนเตียงมาหลายเดือนแล้วค่ะ ซิสเตอร์ผู้นั้นจึงเอยว่า ลองลุกขึ้นดูซิ ยังความฉนนแก่เธอนัก เธอจึงตอบไปว่า ดิฉันทำไม่ได้หรอกค่ะ ซิสเตอร์ผู้นั้นจึงย้ำอีกครั้งว่า ลองดู เพราะพระเจ้าได้ทรงประทานพระหรรษทานนี้แก่เธอ ที่เธอทำมันช่างเป็นนิสัยไม่ดีเลย เธอสาปแช่งบ่อยเกินไปแล้วนะ คำพูดนี้ทำให้เธอรู้สึกประหนึ่งถูกเอาไฟมาจี้ที่ก้นเป็นยิ่งนัก เธอพยายามอ้างว่ามันเป็นนิสัยของเธอ ฝั่งซิสเตอร์ผู้นั้นเมื่อฟังก็กล่าวว่า เธอต้องเปลี่ยนนะ ก่อนประตูจะปิดลง ทันทีเลโอเนก็ได้รับการรักษา และกลับมาเดินได้จนเป็นที่อัศจรรย์ใจแก่ผู้พบเห็น

มารีอา อัสซูนตา ปาลลอตตา เกิดในวันที่ 20 สิงหาคม ค.ศ.1878  ในหมู่บ้านเล็กๆนาม ฟอร์เชมันที่รู้จักว่าเป็นกลุ่มบ้านสีน้ำตาลที่เบียดเสียดกันอยู่บนเนินเขาที่เต็มไปด้วยหิน มันตั้งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2200 ฟุตและมีลักษณะราดลงมายังบริเวณที่ราบลุ่มบึงอันโกนา ประเทศอิตาลีและมันยังมีบรรยากาศที่เป็นหนึ่งในความสงบ ความเรียบง่ายและการทำงานหนักอย่างซื่อสัตย์



ท่านเป็นบุตรคนโตจากห้าคนของนายลุยจิ ปาลลอตตา (Luigi Pallotta) ช่างไม้ กับ นางเอวฟราเซีย กาซาริ(Eufrasia Casali) เมื่อท่านอายุได้ประมาณ 4 ปี มารดาของท่าน ก็ได้พาท่านไปยังวัดเก่าแก่และสวยงามที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของท่านมากนักและหลังจากนั้นเป็นต้นมาเราก็พบท่านกำลังคุกเข่ารำพึงถึงพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้าอยู่ที่ใต้เชิงไม้กางเขนของวัด

ท่านก็ได้เข้าเรียนในระดับชั้นประถมศึกษา เมื่อท่านมีอายุได้ 6 ปี แต่เพียงสองปีท่านก็ต้องออกมาดูแลน้องๆ ซึ่งช่วงเวลาสองปีนั้นก็พอที่จะให้ท่านได้เรียนรู้วิธีอ่านและเขียน หลังจากนั้นเมื่ออายุ 12 ปี ท่านจึงได้รับศีลมหาสนิทครั้งแรก และเริ่มแสดงออกถึงความศรัทธาพิเศษต่อศีลมหาสนิท แม่พระซึ่งท่านสวดสายประคำเพื่อเป็นเกียรติแด่พระนางในทุกๆวัน และการชิดสนิทกับพระบุตรของพระนางมากขึ้น



ทุกๆวันหลังจากการทำงานเล็กๆน้อยๆจบลง ท่านก็จะรีบวิ่งไปที่วัด ที่ๆท่านจะอยู่ต่อหน้าพระแท่นบูชา เพื่อภาวนามีพยานเห็นว่าขณะที่ท่านภาวนามันดูเหมือนท่านเข้าสู่ห้วงของฌาณ เมื่อใดก็ตามที่เธอว่าง เธอจะรีบวิ่งไปที่วัด วันละประมาณสามครั้งได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเลิกงาน บิดาท่านกล่าว แม้จะเหนื่อยแค่ไหนท่านก็มีความสุขที่ได้อยู่กับพระเจ้า ในความทรงจำของเพื่อนๆของท่านมีครั้งหนึ่งในฤดูใบไม้ร่วงยามที่ลมแห่งเหมันต์ใกล้เข้ามา ผลมะกอกรสโอชาก็เริ่มสุกกำลังดีอยู่เต็มต้น ดังนั้นท่านและเพื่อนๆจึงพากันไปเก็บกันเช่นที่ทำกันสืบๆมาในฤดูเก็บเกี่ยวมะกอก แต่ลมหนาวที่เริ่มจรเข้ามาเพื่อนคนหนึ่งของท่านจึงบ่นว่าหนาว อะไรเล่าที่จะเทียบกับสิ่งที่พระองค์องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงได้รับพระมหาทรมานเพื่อเรา? เอาความตั้งใจที่จะทำสิ่งต่างๆของความรักมาเลือกมะกอกเถอะ ท่านตอบ

เพื่อประโยชน์ของครอบครัวท่านไม่ลังเลจะแบกรับความเมื่อยล้าจากการเป็นกรรมกร มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สำรับเด็กตัวน้อยๆอย่างท่านที่จะทำงานเป็นกรรมกรแบกหินแบกปูนในงานก่อสร้างอาคาร แต่ท่านก็ไม่เคยบ่นเลยซักครั้ง ท่านไม่เคยเสียเวลาไปกับการพูดเลยเพราะท่านจะใช้มันไปกับการสวดสายประคำด้วยมือข้างหนึ่งในกระเป๋า ในเวลาพักหลังเที่ยวท่านก็ใช้ไปกับการสวดภาวนาและการอ่านหนังสือวิญญาณ



ในที่สุดแล้วท่านก็ได้เข้าทำงานในร้านตัดเสื้อในชนบทที่ยินดีช่วยเหลือท่าน จากทักษะและความแม่นยำในการทำงานของท่าน และรู้ไหมว่าที่จักรเย็บผ้าของท่านจะมีรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านใช้รำพึงอยู่ด้วย

และถึงแม้บ้านของท่านจะมีฐานะที่ยากจน จนยากที่จะหาอาหารให้พอเพียงแก่ทุกคนในบ้าน ท่านก็ไม่ลืมที่จะมอบความช่วยเหลือแก่ผู้สูงอายุที่ยากไร้ในหมู่บ้าน โดยเฉพาะเพื่อนบ้านของท่านที่อาศัยอยู่ในความยากจนอย่างแท้จริง ท่านก็ค่อยแบ่งอาหารของท่านให้แด่พวกเขา



ในยามที่ท่านค่อยเติบโตขึ้นมาความปรารถนาที่จะใช้โทษบาปมากขึ้นและมากขึ้นตามไปด้วย ในยามราตรีหลังวันอันแสนเหน็ดเหนื่อยท่านจะนอนน้อยๆและทดแทนด้วยการสวดภาวนาแทน ที่เตียงท่านก็นำเอาเศษอิฐ เศษไม้ เศษเหล็กไปวางไว้ และเนื่องจากครอบครัวท่านยากจนทำให้อาหารจึงมีจำกัดมากๆ แต่ท่านก็มีความสุขโดยเฉพาะวันศุกร์ ท่านจะกินเพียงโปเลนตา คือ เม็ดข้าวโพดบดเกือบละเอียดแต่ยังมีสัมผัสสากๆอยู่ ที่นำมาต้มและปรุงรส กับเกลือ ซึ่งภายหลังเมื่ออายุครบ 15 ปี ท่านก็เริ่มกินเป็นสามครั้งต่อสัปดาห์

เช่นมารดาทั่วไปที่มีบุตรสาว มารดาของท่านกังวลเรื่องคู่ครองของท่านมาก เพราะ ในช่วงงานเทศกาลที่มีงานเต้นรำ แม้เราจะพบท่านอยู่ที่นั่น แต่ใจจริงๆลึกๆท่านไม่ได้อยากจะมาเลย ท่านต้องการเข้าอาราม ที่มาก็เพราะถูกบังคับ แต่แล้วในช่วงเทศกาลปี ..1897  ในห้องงานที่ร้อนเสีย จนทำให้ท่านต้องถอดหน้ากากออก คู่ของท่านก็ถึงกับกล่าวกับท่านว่า   คุณงดงามมาก ผมให้คุณจูบผมได้เลย ซึ่งมันทำให้ท่านหัวเสียมากๆ ท่านจึงหนีกลับบ้านโดยพลันและตัดสินใจที่จะออกจากโลกนี้เร็วที่สุด ดั่งที่เคยได้ยินเสียหนึ่งตรัสว่า จงมาและตามเรามาเถิด



ผ่านการขอความช่วยเหลือจากพระคุณเจ้าลุยจิ กาเนสตรารี เพื่อนบ้านของท่านในการเข้าอาราม ซึ่งช่วยท่านจน กระทั้งในวันที่ 5 พฤษภาคม ค..1898 ท่านก็สามารถไล่ตามฝันได้อีกขั้นด้วยการเดินไปบ้านแม่ของคณะธรรมทูตฟรานซิสกันแห่งพระนางมารีย์ ที่ถูกตั้งขึ้นเพื่อให้การศึกษาเด็กและอภิบาลผู้ป่วย ก่อนจะได้เข้านวกสถานของคณะในที่กร็อตตาเฟรราตาเพื่อเตรียมตัวเป็นซิสเตอร์ต่อไป

ในระหว่างเป็นนวกะเณรีนั้นท่านก็ต้องมีอันถูกส่งกลับบ้านไปเพราะปัญหาต่อมระหว่างคอและหูอักเสบ ในช่วงนั้นท่านหวังว่าจะมิได้ตายนอกอาราม ท่านจึงสวดภาวนาด้วยความเชื่อต่อแม่พระแห่งปอมเปอี ภายใต้การแนะนำจากคุณพ่อลุยจิ มาร์ตินี สงฆ์ประจำตำบล ซึ่งก็เป็นจริงไม่นานท่านก็หายขาดและได้ชิดสนิทกับพระองค์อีกขั้นในพิธีปฏิญาณตน ในวันที่ 8 ธันวาคม ค..1900 ณ  วันนักบุญเฮเลนา ใน โรม  ด้วยจิตใจแห่งธรรมทูต



งานแรกของท่านคือการไปทำงานที่สวน เล้าไก่และคอกหมูอันยากลำบากและต่ำต้อย เพราะท่านแทบอ่านและเขียนไม่ได้เลยแต่ผ่านความรักที่ท่านมีให้ต่อสัตว์และการซักผ้าท่านจึงทำงานเหล่านั้นได้ แต่อย่างไรท่านก็ไม่เคยลืมสวดภาวนา ในช่วงเวลาสั้นๆที่ว่าง ท่านก็จะรีบวิ่งไปที่วัดเพื่อพูดคุยกับพระเจ้า  ในวัดท่านจะนิ่งด้วยมือที่พนมลอยเหนือที่วางแขนของวัด พร้อมดวงตาที่จ้องไปยังตู้ศีล รำพึงถึงพระมหาทรมานของพระองค์เสมอ ขณะเดียวกันท่านก็สวดภาวนาอย่างมิเคยขาดเพื่อการกลับใจของคนบาป ความรอดของผู้ไม่เชื่อและการพักผ่อนสำหรับวิญญาณในไฟชำระ

พระเจ้าบนแผ่นดินโลก คือคำง่ายๆที่ท่านใช้เรียกหนังสือที่พระศาสนจักรอนุมัติให้เผยแพร่ ด้วยความเคารพ ท่านเป็นที่ระมัดระวังตัวเอง ท่านไม่เคยทำสิ่งใดโดยที่มีคำแนะนำคุณพ่อวิญญาณและได้รับอนุญาตจากผู้ใหญ่ ความเชื่อฟังของท่านมีให้ทั้งต่อบรรดาซิสเตอร์ แม้แต่คนที่ขัดแย้งด้วยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในชีวิตแห่งพรตนี้ ท่านเคยอุทานว่า ทั้งสองได้กระทำให้น้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า ตามที่เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า ตามที่พระองค์ประสงค์


อดทนไว้ อดทนไว้ จากนั้นไปสวรรค์กัน อาจเป็นหนึ่งในวลีที่ท่านกล่าวกับเพื่อนซิสเตอร์ที่ท้อแท้ ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเพื่อปลอบใจเขา แม้ท่ามกลางเพื่อนๆในการทำงานหนักใต้แสงอาทิตย์หรือฝนในสวน ท่านก็มักกระซิบกับเขาว่า ความกล้าหาญ ทั้งหมดสำหรับพระเยซูเจ้านะคะ  เช่นเดียวกันกับเมื่อครั้งที่ท่านเริ่มเป็นนวกะ ท่านก็ได้กล่าวกับผู้ฝึกหัดที่แสดงออกถึงความเกียจชังในการขุดว่า ซิสเตอร์คะ เรามาที่นี้เพื่อทำให้เราศักดิ์สิทธิ์นะคะ

ท่านดูแลทุกคนไม่เคยเลือกในสิ่งที่เล็กที่สุดท่านก็ไม่เคยพลาด ท่านระลึกเสมอว่าท่านมากจากที่อันต่ำต้อย ดังนั้นสิ่งที่ท่านได้รับจากคณะท่านจึงคิดว่ามันดีและมากไปสำหรับท่าน  ท่านย้ำซ้ำว่าท่านเข้าคณะเพื่อทำกิจการเมตตา จุดมุ่งหมายคือเจริญชีวิตและจากไปท่ามกลางความยากไร้ จึงไม่แปลกอะไรที่เราจะเห็นท่านเกือบจะหน้าแดงเมื่อได้รับเสื้อชุดใหม่ เพราะเพียงแค่รองเท้ากับชุดเก่าๆที่ขาดก็พอแล้วละสำหรับท่าน นอกนี้ด้วยความกตัญญูที่มีจนเออล้นดวงใจ ท่านจึงได้ขออนุญาตทำพลีกรรมเป็นพิเศษเพื่อให้บิดาของท่านมีความร้อนรนในความเชื่อมากขึ้นกว่าเดิม


เอาจริงๆแล้วเช่นมนุษย์เดินดินทั่วไป ท่านก็มีความกังวลภายในใจ ซึ่งความกังวลของท่านนั่นก็คือการฝึกรับใช้เพื่อนซิสเตอร์คนอื่นด้วยความรวดเร็วและตรงตามความต้องการ ท่านไม่เคยพูดไม่ดีกับใคร แม้บางครั้งจะโดนดุด่าจากเพื่อนซิสเตอร์ด้วยกันเมื่อพวกเขาคิดว่าท่านทำงานช้าเกินไปหรือโง่เกินกว่าจะทำงานนั่นได้ ซึ่งท่านจะน้อมรับมันด้วยใบหน้าของนักบุญ แต่ก็จะถูกหาว่าเสแสร้ง อย่างไรท่านก็จะยินดีเพราะท่านเชื่อว่านั่นคือความจริง บางครั้งท่านถึงกับถูกกระชากผ้าคลุมหน้า ถูกตบ หรือแม้กระทั้งถูกส่งให้ไปดูแลหมู กันเลยทีเดียว

ต่อมาเมื่อคุณแม่มารีอา แห่ง พระมหาทรมาน เปิดบ้านคณะที่ฟลอเรนซ์ ท่านก็ถูกส่งไปประจำที่นั่นในปี ค..1902 ที่นั่นขณะท่านกำลังซักผ้าอยู่ท่านก็ถูกเข็มในอยู่ในน้ำด่างแทงเข้าไปในมือข้างหนึ่ง แรกๆท่านก็ไม่ได้สนใจอะไรมากเพราะคงเห็นเป็นเรื่องธรรมดาเดี๋ยวๆก็หาย แต่มันใช่เลยเพราะมันกลับบวมขึ้น ท่านจึงจำต้องได้รับการตรวจจากแพทย์และก็ได้ความเห็บว่าให้เจาะเสีย จะว่าเจ็บก็เจ็บจนท่านถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ แต่ท่านก็ไม่ได้บ่น มันไม่มีอะไรเลย องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทุกข์ทรมานในพระมหาทรมานของพระองค์มากกว่าดิฉันเสียอีกค่ะ คือคำพูดง่ายๆที่ท่านกล่าวกับแพทย์ที่รักษามือของท่าน


การปฏิญาณตนตลอดชีพของท่านถูกจัดขึ้นในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ค..1904 ถัดจากนั้นในวันรุ่งขึ้นท่านก็ได้เผยถึงคำขอของท่านกับบิดามารดาของท่านดังนี้ ลูกไม่สามารถอธิบายถึงความสุขนั้นได้เลยค่ะ …. ลูกขอขอบคุณคุณพ่อของเราในทุกสิ่งที่ท่านได้ทำเพื่อลูก วันนี้ลูกได้รวบรวมผลของสิ่งที่ท่านได้หว่านลงไป เพื่อมอบแด่ท่านคือข่าวดีนี้ ลูกหวังว่าคุณพ่อคุณแม่จะสวดเพื่อลูกและเพื่อตัวเองได้เป็นอย่างดี คุณพ่อคุณแม่ที่รักค่ะ โปรดภาวนาเพื่อให้บุตรสาวของพวกท่านมีความสัตย์ซื่อไปจนตายด้วยเถอะค่ะ เมื่อวานนี้ลูกยังได้ถวายตัวเองเป็นยัญบูชาเพื่อพระศาสนจักร และยังได้วอนขอต่อพระเจ้าให้ทรงมอบความตายแก่ลูกเสียตอนนี้ยังดีกว่าให้ลูกตกอยู่ในบาปที่เล็กที่สุดด้วยความสมัครใจ มันคือความจริงที่ว่าพวกเขายังคงอ่อนแอมาก แต่ลูกมีความหวังในทุกอย่างผ่านความช่วยเหลือของพระเจ้าและการสวดภาวนาของแม่พระ

และด้วยความประสงค์ที่จะไปเป็นธรรมทูตเพื่อดูแลคนโรคเรื้อนในประเทศจีนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ค.ศ.1904 หลังจากผ่านพิธีปฏิญาณตนและได้รับพรจากพระสันตะปาปาปิอุส ที่ 10 แล้ว ในวันที่ 19 มีนาคม ค..1904 ท่านพร้อมด้วยคณะซิสเตอร์อีกสิบท่านก็ได้อำลาอิตาลีเพื่อมุ่งหน้าไปยังดินแดนมังกร ณ เมืองเนเปิ้ล ซึ่งท่านรู้สึกเสียใจนิดหน่อยที่ไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงบิดาได้ 



การเดินทางนั้นมิใช้หนทางที่ใกล้ๆเลย ซ้ำยังเปี่ยมไปด้วยอันตรายมากมาย ครั้งหนึ่งระหว่างเดินทางก็ได้เกิดทะเลปั่นป่วนจากพายุที่ซัดกระหน่ำมา ทำให้บรรดาซิสเตอร์ที่โดยสารต่างขวัญผวาไปตามๆกัน มีคนหนึ่งไดด้ถามท่านว่า ท่านไม่กลัวหรือ ท่านก็ได้ตอบด้วยใบหน้าที่สงบไร้เงาแห่งความกลัวว่า จะก้นทะเลหรืองานพันธกิจ สำหรับดิฉันแล้วนะมันก็เป็นสิ่งเดียวกันถ้าพระเจ้าทรงต้องการ

ดิฉันมายังอารามเพื่อเป็นนักบุญ อะไรคือวัตถุประสงค์ที่ดิฉันจะมีอายุยืนถ้าดิฉันไม่ได้บรรลุถึงเป้าหมายกันละ ดังนั้นดิฉันจึงจะไม่ผ่านสิ่งใดที่เป็นผลกำไรของวิญญาณของดิฉันไป แม้ว่าคนทั้งโลกจะเอาอะไรมาแลกกับดิฉันก็ตามทีเถิด หน้าที่ในดินแดนใหม่ที่อาบไปด้วยโลหิตของบรรดาซิสเตอร์มรณสักขีของคณะเมื่อสี่ปีก่อนของท่านนี้คือการประจำในครัวของบ้านคณะที่ทง อิล คู ที่เปิดเป็นสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่มีเด็กกำพร้าถึง 400 คน และด้วยความปรารถนาที่จะสวดด้วยกันกับชาวจีนที่มาช่วยทำความสะอาด ท่านจึงต้องการเรียนบทข้าแต่พระบิดาและวันทามารีย์ในภาษาจีนในทันที และ ณ ที่นี่เมื่อท่านทำสิ่งใดผิดพลาดท่านก็จะเขียนมันไว้ในกระดาษแล้วแขวนไว้ที่อกของท่านเสมอ


เป็นระยะเวลาหนึ่งปีพอดีที่ท่านออกเดินทางมาจากอิตาลี จู่ๆท่านก็ล้มป่วยลงด้วยอาการมีไข้ขึ้นสูง และเมื่อตรวจก็พบว่าท่านติดโรคไข้รากสาดใหญ่ไปแล้ว ทำให้นับจากนั้นท่านก็ต้องล้มหมอนนอนเสื่อ ท่านตระหนักว่าท่านคงจะจากไปในไม่ช้า และในคืนหนึ่งในระหว่างนั้นท่านก็ได้กล่าวกับซิสเตอร์ผู้ดูแลว่า มันจำเป็น ที่เราจะต้องซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า เพราะแดนไฟชำระเป็นสถานที่ที่น่ากลัวมากสำหรับซิสเตอร์นะ ด้วยสายตาที่มองไปยังจุดเชื่อมกันของผนัง นอกจากนั้นในวันที่ 24 มีนาคม ท่านก็ได้ถวายตัวเพื่อตายแทนซิสเตอร์อีกคนด้วย และหลังจากนั้นอีกหนึ่งวันท่านก็ได้รับศีลเสบียงตามที่ขอ

ท่านป่วยอยู่จนกระทั้งในวันที่ 7 เมษายน ค..1905 ขณะทินกรลารับขอบฟ้าไปแล้ว เมื่อสิ้นเสีงท่านเอ่ยว่า เชิ้งซาน เชิ้งซาน หรือ ศีลมหาสนิท ศีลมหาสนิท ในภาษาจีนกลางที่หมั่นเพีรเรีน ท่านก็ได้สิ้นใจไปอย่างสงบด้วยอายุเพียง 27 ปี  ท่ามกลางกลิ่นหอมประหลาดที่เริ่มตั้งแต่ยี่สิบนาทีสุดท้ายของท่านและยาวต่อไปอีกสามวันด้วยกันทำให้มีผู้คนมากมายหลลั่งไหลมาที่อาราทั้งเป็นคริสชนและไม่เป็นคริสตชนโดยกลิ่นมีลักษณะคล้ายไวโอเล็ตและธูป เมื่อความทราบถึงสมเด็จพระสันตะปาปาปิอุส ที่ 10 พระองค์ได้ทรงให้คุณแม่อธิการของคณะเข้าเฝ้าพระองค์ในทันที คุณแม่อธิการจึงได้เล่าเรื่องพันธกิจต่างๆในประเทศจีนและเรื่องอัศจรรย์นี้ หลังเล่าจบพระองค์ก็ได้ทรงตรัสว่า ลูกต้องส่งเรื่องและเร็วๆด้วยนะ อันเหมือนว่าพระองค์ทรงสนับสนุนให้มีการดำเนินเรื่องของท่าน


ต่อมาในวันที่ 23 เมษายน ค..1913 ก็ได้มีการย้ายร่างของท่านทง อิล คู ไปยังไท่หยวนฟู ก็ต้องพบว่าร่างของท่านยังคงมิได้สูญสลายไปคงมีแต่ชุดของท่านที่หมดสภาพไปตามกาลเวลา ที่สุดร่างของท่านก็ได้รับการฝังเคียงค้างบรรดาซิสมรณสักขีของคณะ  ไม่มีทางที่ดิฉันจะแก้ต่างให้ตัวเอง ไม่มีคำพูดของตัวดิฉัน ต้องเลียนแบบแม่พระในความอ่อนน้อมถ่อมตนและกิจเมตตาต่อทั้งพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ด้วยกันต่างหากละ เรื่องราวชีวิตอันเรียบง่ายของท่านถูกดำเนินการและหลังจากอัศจรรย์ผ่าคำเสนอวิงวอนของท่าน สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุส ที่ 10 บันทึกนามท่านไว้ในสารบบบุญราศี ณ วันที่   7 พฤศจิกายน ค..1954 

พระองค์ทรงตรวจสอบเมื่อข้าพเจ้าเดินทางและหยุดพัก ทรงทราบหนทางทั้งหมดของข้าพเจ้า...พระองค์ทรงโอบข้าพเจ้าไว้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง พระองค์ทรงวางพระหัตถ์ไว้เหนือข้าพเจ้าแล้ว(สดุดี 139:3,5) ทำไมเด็กสาวธรรมดาผู้ไม่มีความรู้อะไรมากจึงกล้าที่จะทิ้งบ้านไว้ข้างหลัง แล้วมุ่งตรงสู่ประเทศที่ไม่เคยแม้แต่จะได้ยินอย่างประเทศจีน ก็เพราะท่านวางใจในพระเจ้ายังไงละ วางใจพระเมตตาของพระองค์ เเม้จะเผชิญอันตรายท่านก็ไม่หวาดหวั่น แม้จะพูดภาษาจีนไม่ได้เลยซักคำ ดั่งครั้งที่ท่านตัดสินใจเข้าเป็นนักบวช ท่านก็วางใจในพระแม้จะต้องพบสิ่งต่างๆมากมายท่านก็ยังคงวางใจว่านี้แหละคือกระแสะเรียกของท่าน ท่านเดินทางสายน้อยตามแบบเด็กน้อยที่วางใจ วางใจในพระที่โอบอยู่ข้างหลังค่อยๆเดินไปพร้อมกับท่าน จึงไม่แปลกอะไรที่เด็กสาวบ้านนอกคอกนาคนหนึ่งจะก้าวไปตามทางของกางเขนอย่างมิได้กลัวเกรงสิ่งใดที่ผ่านมา เพราะ รู้ว่าพระองค์จะทรงให้เราซ่อนกายในพระหฤทัยอันอ่อนโยนของพระองค์และจะทรงเลี้ยงดูเราด้วยน้ำและโลหิตแห่งพระเมตตาอันสุดจะหยั่งได้ พร้อมปลอบเราด้วยคำพูดดีๆว่า อย่ากลัวเลย อย่ากลัวเลยเด็กน้อยของเรา ภายใต้ดวงหฤทัยของเราเจ้าจะไม่มีวันพรากไปจากทางของเรา  ขอแค่เจ้าวางใจในเราก็พอแล้ว


ข้าแต่ท่านบุญราศี มารีอา อัสซูนตา ปาลลอตตา ช่วยวิงวอนเทอญ


ข้อมูลอ้างอิง


'เบร์นาร์โด ฟรานซิสโก' ให้ชีวิตนี้เป็นสะพานนำรักพระองค์ไป ตอนจบ

บุญราศีเบร์นาร์โด ฟรานซิสโก เด โอโยส เด เซญา Bl. Bernardo Francisco de Hoyos de Seña วันฉลอง: 29 พฤษจิกายน [ย้อนกลับไปอ่าน  “‘เบร์นาร์โด ฟรา...