บุญราศีจูเซปปีนา
ซูรีโน
Bl. Giuseppina Suriano
ฉลองในวันที่ : 19 พฤษภาคม
“ยังมีอีกหลายเส้นทางความศักดิ์สิทธิ์ที่ลูกจะได้รับใช้พระศาสนจักร” คำพูดนี้ในบทเทศน์ของพระสันตะปาปาฟรานซิส กับบรรดาผู้เข้ารับการอบรมเป็นสงฆ์คาทอลิกแห่งสถาบันอนานญี่
(Anangni) ที่มาเข้าเฝ้าในวาติกัน
ทำให้ผู้เขียนนึกถึงบุญราศีขึ้นมาองค์หนึ่ง ท่านมีชื่อว่า “บุญราศีปีนา ซูรีอาโน” ดังนั้นผู้เขียนจึงอยากจะหยิบยกเรื่องราวของบุญราศีผู้นี้ออกมาให้ผู้อ่านได้ฟังกัน
จูเซปปีนา
ซูรีอาโน เป็นธิดาของนายจูเซปเป กับ นางกราเซียลลา โกสตันตีโน ท่านเกิดที่ปาร์ตีนีโก
ศูนย์กลางทางการเกษตรของจังหวัดปาแลร์โม บนเกาะซิซิลี จังหวัดปาแลร์โม
ประเทศอิตาลี ในวันที่ 18
กุมภาพันธ์ ค.ศ.1915 และได้รับศีลล้างบาปเมื่อวันที่ 6 มีนาคม ปีเดียวกัน ที่วัดประจำเมือง
ท่านมักถูกเรียกง่ายๆจากทุกคนว่า “ปีนา”
ท่านเป็นเด็กที่เชื่อฟังบิดามารดา
บ้านของท่านในอบอวลไปด้วยความรัก
สันติภายในวิญญาณของท่านดึงท่านไปสู่สิ่งที่เรียบง่ายในชีวิต
และท่านสามารถรับรู้ถึงการประทับอยู่ของพระเจ้าในทุกๆสิ่งที่อยู่รอบๆตัวของท่าน
การศึกษาของท่านนั้นเริ่มจากครอบครัวในเรื่องความเชื่อ และเมื่ออายุได้สี่ปีท่านก็ได้เข้าโรงเรียนอนุบาลที่ดูแลโดยซิสเตอร์แห่งนักบุญอันตน
หลังจากนั้นในปี
ค.ศ.1921ท่านจึงเข้ารับการศึกษาต่อในโรงเรียนของรัฐในปาร์ตีนีโก
และเป็นที่ชื่นชมจากคุณครู
ต่อมาในปีถัดมาท่านจึงได้รับศีลมหาสนิทครั้งแรกและศีลกำลัง ซึ่งในปีเดียวกันนั้นท่านก็ได้เข้ากลุ่มกิจการคาทอลิก
และเมื่อท่านมีวัยได้ 12 ปี
ท่านก็เริ่มที่จะมีส่วนร่วมในงานต่างๆนานของเขตวัดและในกลุ่มกิจการคาทอลิก วัดจึงกลายเป็น
“ศูนย์กลาง”
ของทุกๆกิจกรรมของท่าน ท่านให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับคุณพ่อเจ้าวัด
คุณพ่ออันโตนีโอ กาตัลโด ซึ่งคุณพ่อองค์นี้ก็ยังเป็นคุณพ่อวิญญาณของท่านอีกด้วย
ในฐานะสมาชิกกลุ่มกิจการคาทอลิก
ในระหว่างปี ค.ศ.1939-ค.ศ.1948 ท่านก็ดำรงตำแหน่งเป็นเลขานุการของกลุ่ม และระหว่างปี ค.ศ.1945-ค.ศ.1948 ท่านก็ได้รับเลือกให้เป็นประธานกลุ่มกิจการคาทอลิกเยาวชน การเข้ากลุ่มกิจการคาทอลิกคือรากฐานะชีวิตฝ่ายจิตของท่าน
และเป็นสิ่งสำคัญงานแพร่ธรรมของท่าน
ท่านมักจะดึงความแข็งแกร่งและแรงบันดาลใจจากการสวดภาวนาในชีวิตประจำ การรำพึง
ศีลศักดิ์สิทธิ์ พระวาจา และคำสอนของพระศาสนจักร หลังจากนั้นในปี ค.ศ.1948 ท่านจึงได้ริเริ่มกลุ่มธิดามารีย์ ซึ่งท่านเป็นประธานไปจวบจนสิ้นชีวิต
ท่านยังทำหน้าที่เป็นผู้เตรียมคู่สมรสในเขตวัด
เล่นออร์แกน เพื่อนๆของท่านจึงต่างประทับใจท่านทั้งในการอุทิศตน ความซื่อสัตย์
ความเป็นมิตรและความรวดเร็ว ท่านเป็นคริสตชนที่ดี ร้อนรนในงานแพร่ธรรม
รอบคอบเรื่องพระวรสารและเปี่ยมด้วยพระพรในการสถานให้คำแนะนำที่เหมาะสมและทันเวลา
ในการปลอบประโลมผู้ทุกข์ใจ ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ขจัดความโกธร
และในการปลูกฝังความเชื่อ ท่านพูดกับทุกคนด้วยคำพูดที่ชัดเจนและทันใจ
ท่านมีรอยยิ้มและความเรียบง่าย พยานกล่าวถึงท่านว่าท่านคือ “หัวใจของเขตวัด”
มองภายนอกนั้นท่านเปี่ยมไปด้วยสันติและความสุข
ที่จะรับใช้ครอบครัว วัด และกลุ่มกิจการคาทอลิก
แต่ภายในของท่านนั้นเปี่ยมไปด้วยความทุกข์ตลอด
ท่านรู้สึกถึงกระแสเรียกที่จะถวายตัวเองทั้งครบเพื่อพระในชีวิตนักบวช
แต่ความปรารถนานี้ก็ยังมิได้ทำเสียที เพราะมารดาของท่านนั้นต้องการให้ท่านแต่งงานและปักหลัก
เธอเป็นศัตรูกับทุกๆศาสนกิจของท่าน
ท่านเคยสารภาพว่า
“เหตุผลหลักที่ทำไมลูกยอมให้ความสิ้นหวังและความไม่สามารถดึงตัวลูกเองออกจากมันก็เป็นเพราะกระแสเรียกของลูก” กระแสเรียกของท่านไม่ได้เป็นเพียงผลอันมาจากความต้องการและความตั้งใจของท่าน
ท่านรู้สึกถึงกระแสเรียกการเป็นนักบวชอย่างแท้จริงและผ่านการปรึกษากับคุณพ่อวิญญาณมันก็ทำให้ท่านยิ่งเข้าใจว่านี่คือน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า
มันเป็นเวลาและเวลาอีกครั้ง
ท่านพยายามที่จะโอบกอดชีวิตนักบวชและตระหนักว่าพระเยซูเจ้าทรงต้องการตัวท่านในฐานะเจ้าสาวของพระคริสตเจ้า
แต่ครอบครัวของท่านอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อย
พวกเขายังคงต้องการให้ท่านแต่งงานอยู่วันยันค่ำ ซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า “มีลูกสาวที่ตายแล้วยังดีเสียกว่ามีลูกเป็นซิสเตอร์”
ท่านยอมรับความล้มเหลวของท่านอย่างอาจหาญเพื่อการคืนดี
แม้ไม่สามารถบรรลุถึงกระแสเรียกก็ตาม
ท่านอยากที่จะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าเพียงผู้เดียวและออกจากความควบคุมของตัวเองไปสู่ชีวิตและการยอมรับ
“สภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก” นี้เพื่อความรักของเจ้าบ่าวของท่าน
ท่านมีบันทึกที่เผยแสดงถึง
“คืนมืดของวิญญาณ” บางตอนในนั้นท่านเขียนว่า “ใครหนอจะรู้ถึงการดึงออกและการเสียสละอันเจ็บปวดนี้ที่ดิฉันเจอและหยาดน้ำตาที่ดิฉันหลั่งในความเงียบเล่า
วิญญาณดิฉันร่ำไห้และอยู่ในอันตรายจากการตกสู่หลุมลึก ……. มันคือการเสียสละอย่างแน่วแน่ของหัวใจ” ท่านยังแสดงให้เห็นถึงความเดียวดายของท่านอีกว่า
“ดิฉันรู้สึกว่าอยู่คนเดียวและไร้ซึ่งความช่วยเหลือ จากทั้งคนและพระเอง
ถูกทอดทิ้งแม้โดยผู้ที่เป็นหนึ่งเดียวในชีวิตของดิฉัน … ดิฉันอยู่ท่ามกลางความเงียบและการไม่ได้รับการตอบกลับ
ดิฉันถวายทุกสิ่งนี้ให้ขึ้นอยู่กับพระองค์” แต่อย่างไรท่านก็เข้าใจว่าท่านถูกเรียกไปสู่ความรัก “ความรักเพื่อศีลศักดิ์สิทธิ์
ความรักเพื่อไม้กางเขน ความรักเพื่อวิญญาณที่ต้องการแบบอยากที่ดีของพวกเรา”
จากนั้นในวันที่
29 เมษายน ค.ศ.1932 คุณพ่อวิญญาณก็อนุญาตให้ทำปฏิญาณถือศีลบนการเป็นพรหมจรรย์
ซึ่งท่านก็รื้อฟื้นมันทุกๆเดือน หลังจากนั้นมาท่านจึงปฏิเสธการแต่งงานจากชายหนุ่มที่หมายปองท่าน
ไม่ว่าจะมาไม้ไหนก็ตามคำตอบของท่านก็คือ “ไม่” เป็นชนวนให้มารดาของท่านถึงกับโกธรเป็นฟืนเป็นไฟ
จนถึงขั้นไปจิกผมท่านให้ออกจากวัด
ทั้งยังขังท่านไว้ในห้องเพื่อให้ทำศาสนกิจใดๆทั้งสิ้น
ที่สุดแล้วในเดือนกุมภาพันธ์
ค.ศ.1940
แสงแห่งความหวังก็ได้สาดส่องลงมายังวิญญาณของท่าน
เมื่อบิดามารดาของท่านอนุญาตให้ท่านไล่ตามกระแสเรียกได้
ท่านจึงได้โบกมืออำลาครอบครัว เพื่อนๆในกลุ่มกิจการคาทอลิก
และเข้าคณะธิดาแห่งนักบุญอันนา ใน ปาแลร์โม แต่เพีงแปดวันท่านก็ถูกส่งกลับ เพราะ
แพทย์ตรวจพบว่าความผิดปกติในการเต้นของหัวใจท่าน
เมื่อกลับมาท่านก็ยังคงเป็นแม่งานและแบบอย่างของกิจการคาทอลิกเยาวชนและธิดามารีย์
ท่านทำให้มันกลายเป็นจุดหมายของท่านเพื่อยอมรับมันและเปลี่ยนมันให้เป็นความรัก
ต่อมาในวันอังคารปัสกา ที่ 30 มีนาคม ค.ศ.1948 ท่านกับหญิงสาวอีกสามคน
ท่านก็ได้ถวายตัวท่านเป็นยัญบูชาเพื่อความรอดของพระสงฆ์
ในเดือนเดียวกันปีนั้นตั้งแต่ต้นเดือนมาท่านก็เริ่มป่วยด้วยโรครูมาตอยด์
จากนั้นในวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ.1950 ท่านก็ถูกพระรับไปจากอาการหัวใจวายเฉียบพลัน
ในขณะกำลังเตรียมตัวไปร่วมมิสซา ด้วยอายุรวม 35
ปี ร่างของท่านถูกฝังในสุสานของเขตวัด ก่อนในวันที่ 18 พฤษภาคม ค.ศ.1969 จึงได้มีการย้ายร่างของท่านมาไว้ในวัดพระหฤทัย
ของ ปาร์ตีนีโก หลังจากนั้นในวันที่ 5
กันยายน ค.ศ.2004 สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2
ก็ทรงบันทึกนามท่านไว้ในสารบบบุญราศี
“พี่น้องที่รักทั้งหลาย จงมั่นคง อย่าหวั่นไหว
จงออกแรงทำงานขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้มากยิ่งขึ้นเสมอ ท่านรู้อยู่แล้วว่า
งานหนักของท่านไม่สูญเปล่าสำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้า”(1คร15:58) บุญราศีปีนา
เป็นตัวอย่างอีกอันในการทำงานพระในเขตวัดอย่างแข็งขัน ตามแบบวิถีชุมชนวัด พี่น้องที่รักงานของพระนั้นมีมากมายเราไม่จำเป็นต้องเป็นนักบวชก็ทำได้
แต่ขอแค่เราทำมันด้วยใจจริง ใจที่รักพระ เท่านั้นแหละไม่ว่า
มันจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตามพระก็ไม่ละเลยมันแน่นอน ขอให้เราทำงานเพื่อพระอย่างสุดจิต
สุดใจ สุดกำลัง สุดวิญญาณ สุดปรีชาญาณของเรา
“ข้าแต่ท่านบุญราศีจูเซปปีนา ซูรีโน ช่วยวิงวอนเทอญ”
ข้อมูลอ้างอิง