วันพุธที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2557

ธิดาของพระเยซูเจ้า "มารีอา อันโตเนีย บันเดรส"


บุญราศีมารีอา อันโตเนีย บันเดรส อี เอโลเซกี 
Bl. María Antonia Bandrés y Elósegui
ฉลองในวันที่ : 27 เมษายน

คณะธิดาแห่งพระเยซูเจ้าเป็นอีกหนึ่งคณะที่เข้ามาทำงานในสังฆมณฑลเชียงใหม่ กับผู้อพยพที่เขตอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอนร่วมกับคณะเยสุอิต ซึ่งคณะนี้เป็นคณะนักบวชสตรีจากประเทศสเปน ก่อตั้งโดยนักบุณกาดิดา มารีอา แห่ง พระเยซูเจ้า ภคินีชาวสเปนผู้เล็งเห็นถึงปัญหาเรื่องการศึกษาของบรรดาเด็กและเยาวชนตามแบบวิถีคริสตชน และคณะนี้ในเวลาเพียงวันเดียว คณะก็ได้มีบุญราศีถึงสององค์พร้อมกัน นั่นก็คือ บุญราศีกาดิดา ผู้ตั้งคณะ

และบุญราศีมารีอา อันโตเนีย บันเดรส เอโลเซกี  ซิสเตอร์ที่เราอาจคิดว่าต้องเป็นร่วมก่อตั้งคณะแน่ แต่ผิดถนัด เพราะซิสเตอร์ผู้นี้ เป็นเพียงซิสเตอร์ธรรมดาๆในคณะ ผู้มีเรื่องราวเริ่มขึ้นในวันที่ 6 พฤษภาคม ค..1898 ที่ จังหวัดกีปุซโกอา ภาคเหนือของประเทศสเปนในแคว้นบาสก์ เมื่อนางเทเรซา เอโลเซกี ภรรยาของนายรานมอน บันเดรส ทนายความ ให้กำเนิดทายาทคนที่สองจากสิบห้าคนของตระกูล ซึ่งภายหลังพวกเขามักเรียกทายาทผู้นี้ง่ายๆว่า อันโตนีตา



ที่บ้านของครอบครัวนี้ถือได้ว่าเป็นบ้านของคริสตชน เพราะที่นี่อุดมไปด้วยความเชื่อและความเมตตา โดยเฉพาะนางเทเรซา มารดาของท่าน นางถือได้ว่าเป็นสตรีที่สมควรยึดเป็นแบบอย่างและศักดิ์สิทธิ์ นางรู้ว่าจะทำให้ลูกๆของเธอเติบโตไปในทุกๆเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความรักต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า แม่พระ คนยากจน และคนผู้น่าสงสาร นี่จึงนับเป็นเรื่องโชคดีนักสำหรับตัวท่าน ที่แต่เล็กๆก็ได้มีโอกาสเรียนรู้ชีวิตคริสตชนที่ดีจากครอบครัว 

กระนั้นก็ตามท่ามกลางความโชคดีด้านชีวิตฝ่ายจิต ชีวิตฝ่ายโลกของท่านก็ไม่ได้โชคดีเสียเท่าไร เพราะตั้งแต่เล็กๆท่านก็เป็นเด็กที่เจ็บออดๆแอดๆ จนนายรานมอนและนางเทเรซาต้องดูแลท่านเป็นพิเศษกว่าลูกคนอื่นๆ แต่ด้วยนิสัยส่วนตัวของท่าน ที่เป็นเด็กที่กระตือรือร้น ในทำนองที่เกินพอดี ผสมเข้ากับการได้รับการเอาใจใส่มากๆ ก็ทำให้ในวัยเยาว์ท่านเป็นเด็กที่อ่อนไหวง่ายมากๆ  มารดาของท่านเคบ่นออกมาว่า เด็กอะไรน่ารำคาญที่สุด ฉันต้องทุกข์กับคนแปลกๆอย่างนี้เท่าไรกันเนี่ย” 


ต่อมาเมื่อท่านมีอายุถึงเกณฑ์เข้าโรงเรียน ท่านก็ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนนักบุญยอแซฟวิทยาลัยที่โตโลซา ก่อตั้งโดยนักบุญคุณแม่กาดิดา ดังนั้นโรงเรียนนี้จึงอยู่ในความดูแลขอคณะธิดาแห่งพระเยซูเจ้า ซึ่งทำให้คุณแม่กาดิดามีโอกาสได้พบกับความน่ารักตามประสาเด็กสาวของท่าน ซึ่งถึงแม้จะเป็นเพียงเด็กธรรมดาๆ แต่คุณแม่ก็สัมผัสได้ถึงความงดงามภายในของท่าน จนคุณแม่อดไม่ได้ที่เอ่ยเชิงทำนายถึงอนาคตของท่านเอาไว้ว่า หนูจะเป็นธิดาของพระเยซูเจ้า

ฝั่งท่านเมื่อได้ยินเช่นนี้ ภายในหัวใจดวงน้อยๆของท่านก็ไร้ซึ่งความสงสัยอันใด ท่านเก็บได้รักษาคำพูดนี้ไว้ข้างในตัว ด้วยความปรารถนาที่จะไล่ตามเสียงแห่งหัวใจ ที่ปรารถนาจะเป็นของพระเยซูเจ้าแต่เพียงผู้เดียว ขณะเดียวกันก็ฟูมฟักความรักต่อแม่พระที่ได้รับเป็นมรดกจากมารดาของท่านให้เจริญเติบโตขึ้นอย่างงดงาม ผ่านทั้งการสวดภาวนาต่อพระแม่แห่งความรักอันงดงาม ซึ่งท่านให้ความศรัทธาเป็นพิเศษ และการนำแบบอย่างคุณธรรมของพระนางมาใช้ในชีวิต ควบคู่ไปกับการปฏิบัติกิจการเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์


นอกจากความเชื่อที่ท่านได้รับเป็นมรดกจากครอบครัวแล้ว อีกสิ่งที่ท่านได้รับก็คือ ความรักต่อคนยากจนท่านเรียนรู้จากบิดามารดาของท่านว่าการรักทุกๆคนคือหน้าที่  ท่านมักแบ่งปันเงินออมและทุกสิ่งที่ท่านมีแก่พวกเขาเสมอ ท่านรู้ดีว่าจะปฏิบัติกิจแห่งความรักนี้อย่างไรโดยที่ไม่ทำให้ใครต้องเดือดร้อน ท่านเยี่ยมคนยากคนจนครั้งแรกกับมารดาของท่าน และนับจากนั้นท่านในวัยราวสิบสี่สิบห้าก็มักแวะไปเยี่ยมคนยากจนเสมอ แม้ในสถานที่ที่อันตรายบ้างก็ตามที นอกนี้ท่านยังทำงานเป็นอาสาสมัครช่วยคนยากจนในเขตชานเมืองโตโลซา และในหมู่ชนชั้นแรงงานสตรีเพื่อประกาศข่าวดี และให้การช่วยเหลือพวกเขาอย่างเป็นธรรมซึ่งจัดได้ว่าหาได้ยากยิ่งนักในสมัยนั้น ชีวิตของท่านเป็นไปในทำนองที่ว่า แตกต่างจากคนอื่น แต่ดีในทุกๆด้าน

แม้จะมีความปรารถนาจะถวายชีวิตแด่พระเยซูเจ้าอยู่ในใจ ท่านก็ยังไม่อาจจะตัดสินใจที่จะละทิ้งครอบครัวเพื่อเป็นนักบวชได้ หรือแน่วแน่พอที่จะเป็นเจ้าสาวของพระคริสต์ กระทั้งในปี ค..1913 ในวัยสิบห้าปี ขณะท่านรับการฝึกหัดฝ่ายจิตตามแบบฉบับของท่านนักบุญอิกญาซิโอที่เมืองโลโยลา ท่านก็ระลึกได้ถึงคำพูดของคุณแม่กาดิดาที่เคยบอกกับท่านอีกครั้ง หนูจะเป็นธิดาของพระเยซูเจ้าและตัดสินใจที่จะไล่ตามเสียงเรียกของหัวใจซึ่งคือการเป็นธิดาของพระเยซูเจ้า มุ่งสู่ยอดเขาแห่งความครบครัน โดยแม้จะโดนหินตามทางบาดเท้าท่านก็หาได้หยุดพันแผลไม่ตรงข้ามท่านกลับมุ่งต่อไปมุ่งสู่พระคริสตเจ้าผู้ทรมานเพื่อมนุษย์ อย่างแน่วแน่


แต่กว่าท่านจะเข้าอารามจริงๆ ก็ใช้เวลาถึงสองปี ท่านจึงได้เข้าคณะธิดาแห่งพระเยซูเจ้า ที่อารามประจำเมืองซาลามันกา ในวันที่ 8 ธันวาคม ค..1915 ขณะอายุได้ 17 ปี เวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่หินมากอีกครั้งสำหรับตัวท่าน เพราะท่านรักบิดามารดาและพี่น้องของท่านมาก แต่เพียงท่านก้าวขาเข้าไปยังอาราม ท่านได้ยินเสียงหนึ่งบอกกับท่านว่า พระเจ้าเท่านั้นสำหรับชีวิตที่เหลือของลูก  ดังนั้นเองท่านจึงสามารถเอาชนะกางเขนนี้ และได้เข้าพิธีปฏิญาณตนครั้งแรกเมื่อวันที่  31 พฤษภาคม  ค..1918  ไม่มีใครบนโลกนี้ที่จะสามารถพรากลูกไปจากพระองค์ เพราะอาศัยน้ำใจอันดีและเด็ดเดี่ยวลูกได้มอบตัวลูกไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ โปรดกระทำกับลูกตามที่พระองค์ทรงปรารถนา ด้วยลูกทราบดีว่าพระองค์ทรงรักลูก” ท่านกล่าวไว้

ท่านมีความฝันว่าจะได้เป็นธรรมทูตประกาศข่าวดี แต่นั่นไม่ใช่น้ำพระทัยพระเป็นเจ้าสำหรับชีวิตของท่าน ช่างคล้ายหนึ่งว่าพระองค์ทรงเห็นสมควรแล้วที่จะทรงนำบุพผาดอกงามนี้กลับสู่สวรรค์ เพราะลังจากพิธีได้ไม่นานท่านก็ล้มป่วยลง ซึ่งการล้มหมอนนอนเสื่อคราวนี้ ตัวท่านก็รู้ดีว่าท่านกำลังจะจากไป ซึ่งก่อนที่ท่านจะได้ลาโลกไปไม่กี่เดือนนั้นท่านก็ได้ชีวิตของท่านเป็นประดุจดั่งลูกแกะเพื่อการกลับใจและเพื่อชีวิตนิรันดรของนายอันตน บันเดรส คุณลุงและพ่อทูนหัวของท่าน ผู้เจริญชีวิตฝ่ายโลกมากกว่าฝ่ายจิต และไม่ชอบใจนักที่ท่านเข้าคณะ ซึ่งแน่นอนพระองค์ทรงตอบรับเครื่องถวายนี้อย่างเต็มใจ


ช่วงนั้นคุณหมอฟีลิเบรโต วิลลาโลโบส ผู้ทำการรักษาท่านได้ให้การว่า ผมรู้สึกสะเทือนใจด้วยความเชื่อและความสงบในวิญญาณของเธอ ซึ่งทำให้เธอมีความสุขมากๆในช่วงเวลาสุดท้ายของเธอ แพทย์อีกคนได้แสดงความคิดเห็นต่อทัศนคติของท่านในช่วงนั้น โดยอุทานว่า เราใช้ชีวิตผิดพลาดได้ยังไงกัน นี่แหละ ใช้แล้ว นี่คือความหมายของการจากไป…..” 

ท่านคืนดวงวิญญาณสู่พระเป็นเจ้าอย่างสงบในวันที่ 27 เมษายน ค..1919 ซึ่งคือวันฉลองแม่พระแห่งมอนต์เซรรัตด้วยอายุ 21 ปี  นี้คือความตายงั้นหรือ อะไรหนอจะหอมหวานเท่ากับการตายในฐานะนักบวชเล่า ดิฉันรู้สึกว่าแม่พระทรงอยู่ข้างๆดิฉัน พระเยซูเจ้าทรงรักดิฉันและดิฉันก็รักพระองค์…..” ท่านได้รับการสถาปนาเป็นบุญราศีพร้อมคุณแม่กาดิดาโดยสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ในวันที่ 12 พฤษภาคม ค..1996 

เมื่อเรารับภารกิจนี้จากพระเมตตาของพระเจ้า เราจึงไม่ท้อถอย (2 คร 4:1) ภารกิจของคริสตชนคืออะไร มันก็คือการไปบรรลุถึงพระเยซูเจ้า ไปตามถนนแห่งไม้กางเขนโดยที่ไม่หยุดพักแม้จะเหน็ดเหนื่อย เหมือนท่านที่มุ่งสู่ภูเขาแห่งความครบครัน อย่างมุ่งมั่นโดยมิหยุดพัก ในบางทีเราก็ต้องยอมรับว่าทางภูเขานี้ช่างยากนักทั้งสูงชัน ลำบาก แต่คิดดูเถิดว่าผลของมันนั้นช่างน่าพิศวงแค่ไหน ทำไมนักบุญเปาโลจึงบอกว่าเราจึงไม่ท้อถอย ก็เพราะในทางนั้นเต็มไปด้วยพระหรรรษทานมากมายจนยากที่เราจะตอบแทนได้เป็นพระหรรษทานซ้อนพระหรรษทานเลยทีเดียว




คำพูดและข้อคิดของบุญราศีมารีอา อันโตเนีย

นั่นไม่ใช่ความสุขแท้จริงของชีวิต แต่ในทางตรงกันข้ามเลย คือความยากลำบากและการเสียสละจำนวนมากต่างหาก พวกเราจะต้องพร้อมเสมอและรอคอยกางเขนที่ผ่านมาหาเรา และจะเป็นความสุขยิ่งถ้าเราโอบกอดมันอย่างไม่เห็นแก่ตัว ด้วยวันหนึ่งเมื่อประตูแห่งสิริรุ่งโรจน์เปิดแล้ว เราก็จะไม่พรากจากมันไปไหน เวลาเดียวกันกับที่เรารอคอย จงเป็นหนึ่งเดียวกับดวงพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าและการเสนอวิงวอนของพระนางมารีย์ผู้นิรมล จงละทิ้งตนอย่างกล้าหาญ จงขึ้นไปบนกัลวารีโอของชีวิตอันน่าสมเพศเพื่อจะได้รับความสุขอันยิ่งใหญ่ ซึ่งพระเจ้าจะไม่ทรงอนุญาตให้อะไรมาพรากเราไปได้

พวกเราจะต้องเลียนแบบตัวอย่างของการตรึงกางเขน จงยึดกางเขนไว้ข้างกาย จงต่อสู้กับโลก เนื้อหนังและปีศาจเหมืนทหารกล้าของพระคริสตเจ้า จงกลับคืนชีพขึ้นมาอย่างรุ่งโรจน์ในกรุงเยรูซาเล็มใหม่(แปลตรงๆ กรุงเยรูซาเล็มสวรรค์)


ทุกวันล้วนมีสิ่งน่าผิดหวังยิ่งในชีวิต ขอให้เรายกถวายมัน ขอให้เราแสวงหาการร่วมเป็นหนึ่งเดียวบนกางเขนและมอบความต้องการของพวกเรา อย่าปรารถนาสิ่งอื่นใดนอกสิ่งที่พระองค์ทรงปรารถนาและทรงบัญญัติ การรับทรมานร่วมกับพระเยซูเจ้าช่างหวานหอมเสียยิ่งกระไร นี่เป็นความจริงที่มีค่าประเสริฐยิ่ง แต่อย่าได้กลัวไป เพราะพระเยซูทรงเป็นพลังของพวกเรา จงกล้าหาญไว้

ลูกโอบกอดกางเขน จับชายผ้าคลุมของพระมารดา และถวายตนเป็นผู้ต่ำต้อย เครื่องบูชา ตามสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ เพื่อว่าลูกจะไม่พรากไปจากความรักและพระหรรษทานของพระองค์ ลูกปรารถนาจะเป็นข้ารับใช้พระองค์ นับแต่ย่ำรุ่ง ลูกก็ได้ถวายกางเขนและบรรดากางเขนประจำวันไว้ในพระหัตถ์ของพระมารดา ด้วยคำพูดว่า ข้าแต่พระมารดาที่รัก ขออย่าให้เวลาแม้นพียงวินาทีเดียวเสียไป และโปรดช่วยให้ลูกให้พรั่งพร้อมไปด้วยการเสียสละและการเสียใจต่อสิ่งที่ทำผิดไปในวันนี้ด้วยเถิดาองพระมารดาของพระองค์ะียยิ่งกระไร ’”






ข้าแต่ท่านบุญราศีมารีอา อันโตเนีย บันเดรส อี เอโลเซกี  ช่วยวิงวอนเทอญ



ข้อมูลอ้างอิง
http://www.igw-resch-verlag.at/santibeati/vol4/cipitria.html

'เบร์นาร์โด ฟรานซิสโก' ให้ชีวิตนี้เป็นสะพานนำรักพระองค์ไป ตอนจบ

บุญราศีเบร์นาร์โด ฟรานซิสโก เด โอโยส เด เซญา Bl. Bernardo Francisco de Hoyos de Seña วันฉลอง: 29 พฤษจิกายน [ย้อนกลับไปอ่าน  “‘เบร์นาร์โด ฟรา...