วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ชีวิตนี้เพื่อแพร่ธรรม "ซิลวีโอ "


คาระวียะซิลวีโอ ดีสเซจนา
Ven. Silvio Dissegna

ซิลวีโอ ดีสเซจนา เกิดเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ค..1967 ที่ เมืองมอนกาลีแอรี จังหวัดตูริน ประเทศอิตาลี ซึ่งตรงพอดีกับวันฉลองพระโลหิตประเสริฐ ท่านเป็นเด็กสุขภาพดี ฉลาดและสดใสในบ้านของครอบครัวที่โปยารีโน ในจังหวัดเดียวกัน ไปพร้อมๆกับการ์โลน้องของท่าน ที่เกิดหลังจากท่านหนึ่งปี ในเวลาเดียวกันท่านก็ได้รับการปลูกฝังความเชื่อคริสตชนเป็นอย่างดีจากบิดามารดาของท่าน คือ นายอ็อตตาวีโอ และ นางกาบรีเอลลา

คุณลองหลับตาแล้วจินตนาการถึงความสุขที่เกิดขึ้นดูสิ เมื่อบิดามารดาของท่านสอนให้ท่านรู้จักกับชายคนหนึ่งที่มี่ชื่อว่า เยซู และคอยพร่ำสอนให้ท่านหมั่นสวดภาวนาทุกเช้าค่ำ …. วันละนิด ละนิด ระหว่างท่านกับชายที่ชื่อเยซู ก็ค่อยๆเกิดสายสัมพันธ์อันเข้มข้น มันคือ ความเข้าใจความลับ และจากความสัมพันธ์นี้ก็แปรเปลี่ยนกลายเป็น การมีชีวิตร่วมกัน อย่างจริงจังในวันแรกที่กายของชายนามเยซูได้เสด็จมาประทับยังตัวท่านผ่านการรับศีลมหาสนิทครั้งแรก ในวันที่ 7 กันยายน ค..1975



นับแต่เวลานั้นวันที่พระเจ้าทรงอนุญาตให้ท่านรับกายของชายนามเยซูได้ ความปรารถนาสูงสุดของท่านก็เป็นการได้รับอาหารทิพย์นี้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างน้อยๆก็ทุกวันอาทิตย์ในมิสซา ด้วยการเตรียมตัวเป็นอย่างดีจากการรับศีลแห่งการอภัยและจากความมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงตัวให้ดีพร้อมสำหรับคุณพ่อคุณแม่ เพื่อน และผู้คนที่ท่านได้พบอย่างต่อเนื่อง

ที่โรงเรียน ท่านโดดเด่นออกมาจากทุกคนด้วยความสามารถและความมุ่งมั่น แต่ก็ชอบที่จะเล่นฟุตบอล โบลิ่ง ซ่อนแอบ และเดินป่า ท่านทำให้ทุกคนต้องหลงรัก ด้วยคำว่า ขอบคุณและรอยยิ้มหวานเสมอ บันทึกของท่านเต็มไปด้วยคำอธิบายถึงหน้าตาสิ่งต่างๆ เกมส์ ชีวิตครอบครัว และเป้าหมายในอนาคต : ผมสูงมาก ผมมีตาสีน้ำตาลและผมสีดำ เล่นอย่างสนุกสนานและหากมีใครได้รับบาดเจ็บ ผมก็จะออกจากเกมส์เพื่อไปดูแลเขา ถ้าผมพบใครบางคนมาขอทาน ถ้าผมมีอะไร ผมก็จะมอบแก่เขาด้วยความรักผมพยายามที่จะดีกับทุกคน แต่บางครั้งผมก็ทำไม่ได้ (4/../1976)
โตขึ้นผมจะเป็นครู เพราะผมรักที่จะสอนคนอื่น(13/มี../1976)
พระเยซูทรงแสนดีผมจึงอยากเป็นเหมือนกัน(18/../1976)



ท่านจัดว่าเป็นเด็กโตเกินวัยเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งมี ผลต่อญาติๆของท่าน ในวันคริสมาสต์ปี ค..1977 มารดาท่านก็ได้มอบเครื่องพิมพ์ดีดสำหรับเขียนให้ท่าน ดังนั้นท่านจึงทดลองใช้มันดูด้วยการลอมพิมพ์ออกมาว่า ขอบคุณครับแม่ เพราะแม่ได้นำผมมาสู่โลก เพราะแม่ได้ให้ชีวิตผม ซึ่งเป็นสิ่งที่สวยงามมากๆเลยครับ มันช่างเป็นฤดูใบไม้ผลิอันสวยงามที่มวลดอกไม้ต่างพากันแย้มบาน และเต็มไปด้วยความสุขและความหวังจริงๆ

แต่ขณะที่ดอกไม้ต่างกำลังแย้มบานอยู่นั้นเอง พายุใหญ่ก็ได้โหมซัดเข้ามาอย่างไม่มีปี่ขลุ่ย ต้นปี ค..1978 ท่านก็เริ่มบ่นถึงอาการปวดที่ขาซ้าย และได้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลของเมืองมอนกาลีแอรี ผลปรากฏว่าแพทย์ได้วินิจฉัยว่าท่านป่วยเป็นมะเร็งกระดูก ท่านแม้จะมีอายุไม่ถึงสิบเอ็ดปีก็ตระหนักได้ถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่กับท่านในเวลานี้ และไม่ได้มีความสิ้นหวังใดๆทั้งสิ้น ท่านปรารถนาจะได้รับการรักษา แต่ก็มอบให้มันขึ้นอยู่กับน้ำพระทัยพระบิดา และยังคงสวดภาวนาสม่ำเสมอ



21 พฤษภาคม ปีเดียวกัน บนรถเข็น ท่านก็ได้ศีลกำลังในวัดประจำโปยารีโน ด้วยความสุขจากการได้รับพระคุณแห่งพระจิตเจ้า อันคือการเป็นพยานและอัครสาวกของชายคนนั้นที่ท่านรัก เยซู หลังจากวันนั้นอาการป่วยของท่านก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั้งถึงวันที่ 4 มิถุนายน ท่านก็ได้ร้องขอว่า ช่วยไปบอกคุณพ่อลุยจิให้มาส่งศีลแก่ผมที่บ้านทุกวันนะครับ ทำให้นับจากนั้นในทุกๆวัน คุณพ่อลุยจิจึงได้ทำหน้าที่พาพระกายของชายนามเยซูมาส่งให้ท่านรับ ซึ่งเป็นเวลาแห่งการสนทนาระหว่างหัวใจดวงน้อยกับหัวใจเปี่ยมรักมากล้น เวลาแห่งความสุขของท่านกับชายที่ชื่อว่า เยซู

สายประคำคือสิ่งหนึ่งที่ท่านพกและใช้สวดอย่างร้อนรนต่อแม่พระ ซ้ำแล้วซ้ำอีกไปตลอดทางแห่งกางเขนอันยาวไกลของท่านที่ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน ค..1978 ไปจนถึงเดือนมกราคม ค..1979 ระหว่างเวลานี้ท่านต้องเดินทางไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลกุสตาฟ คูสซี ในปารีส พร้อมบิดาถึงเก้าครั้ง และ ณ โรงพยาบาลแห่งนั้น ครั้งหนึ่งท่านก็เจอคนไข้ที่เตียงข้างๆ ที่วันๆเอาแต่สาบาน จนทำให้รอยยิ้มที่เคยประดับอยู่บนใบหน้าน้อยๆของท่านสูญไป เหลือแต่เพียงหยาดน้ำตาที่หลั่งรินออกมาไม่ขาดสาย หลังจากนั้นเวลาของท่านก็ใช้ไปกับการสวดสายประคำและอ่านบทวันทามารีย์ไปหลายต่อหลายครั้ง เท่าๆกับจำนวนคำหมิ่นประมาทที่ท่านได้ยินมา จนกระทั้งเช้าวันรุ่งขึ้นท่านก็ปรับทุกข์กับบิดาว่า พ่อครับ ผมไม่สามารถชดเชยบทวันทามารีย์ให้ได้เท่ากับคำหมิ่นประมาทที่คนคนนี้ได้ต่อต้านองค์พระผู้เป็นเจ้าและแม่พระได้ในปารีส : ผมต้องการมากกว่าที่จะพูดเรื่องนี้เมื่อผมกลับอิตาลีแล้วครับ



ท่านลืมความเจ็บปวดของท่านสิ้น เพราะสิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้คือการชดเชยความผิดบาปของผู้อื่น ชายนามเยซูในศีลมหาสนิททำให้ท่านเข้าใจคุณค่าของการไถ่กู้ด้วยการรับทรมาน ท่านรู้สึกถูกเรียกให้ท่านรับทรมานและรับทรมาน เพื่อชดเชยความผิดบาปของมนุษย์ ในฐานะเด็กน้อยแห่งฟาติมา แห่งนักบุญแบร์นาเด็ต และนักบุญเทเรซา แห่ง พระกุมารเยซู ซึ่งท่านได้เคยฟังเรื่องราวเหล่านี้มา ท่านมักพูดว่า วันนี้ผมถวายความทุกข์ยากของผมเพื่อสมเด็จพระสันตะปาปาและพระศาสนจักร , วันนี้ เพื่อการกลับใจของคนที่เหินห่างจากพระเจ้า , วันนี้ ถวายเพื่อทุกคนที่เป็นพี่น้องกัน , ถวาย เฉพาะอย่างยิ่งเพื่อบรรดาธรรมทูต เพื่อให้พระเยซูทรงเป็นที่รู้จักและที่รัก

ระหว่างปี ค..1978-..1979 เป็นช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์ครั้งใหญ่ในพระศาสนจักรอีกครั้งอันคือการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปาเปาโลที่ 6   และสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 1 และการได้พระสันตะปาปาใหม่คือสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ฝั่งโลกก็เต็มไปด้วยความชั่วร้ายและความรุนแรงต่างๆ การก่อการร้าย และสงครามในดินแดนที่แตกแยกกันเอง แต่ก็ยังเต็มไปด้วยความหวังจำนวนมาก ซึ่งในเวลานั้นแม้นท่านจะยังเป็นเพียงเด็กเล็กๆ ท่านก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าจะเกิดอะไรขึ้น ท่านจึงเฝ้าแต่สวดภาวนาและถวายพลีกรรมแด่พระเจ้าไป



แต่ละค่ำคืนล่วงเลยไปด้วยความทุกข์ยากที่รุมเร้าดั่งไฟ ซึ่งท่านก็สามรถผ่านมันไปได้ด้วยการสวดภาวนา สายประคำสามสายหลายสิบครั้ง ไม่ก็รำพึง ธรรมล้ำลึกกับหนังสือเล่มเล็กๆ ภายใต้แสงจากโคมไฟอันเล็กๆ วันหนึ่งเพื่อนของครอบครัวได้ขอให้ท่านเล่าความคิดของท่านแก่เธอเพื่อเผยแพร่ในสถานีวิทยุท้องถิ่น ทันทีท่านตอบปฏิเสธว่า ผมไม่มีอะไรจะพูด สำหรับกิจการเมตตา และออกอากาศไปตามวิทยุ เพราะมันก็ไปได้แค่อิตาลี แต่ถ้าผมสวดวันทามารีย์ในห้องของผมมันไปไกลทั่วโลกเลยครับ

มีคนหนึ่งเคยถามท่านว่า ซิลวีโอ ฉันรู้ว่าเธอต้องรับทรมานมากมายและได้ยกถวายมันทั้งหมดแด่พระเยซู ในโลกนี้มีผู้คนมากมายที่สูญเสียความเชื่อไป เธอต้องการจะยกถวายความทุกข์ยากของเธอเพื่อบรรดาคนหนุ่มสาวเหล่านี้เพื่อว่าพวกเขาจะได้กลับมาหาพระองค์อีกครั้งไหม ท่านก็ตอบอย่างแข็งขันว่า ใช่ครับ ผมจะทำมัน นับวันๆความทุกข์ยากก็ยิ่งทวีขึ้นเรื่อยๆ แต่ท่านก็ยังกลับโมทนาคุณของชายนามเยซู ผู้ถูกตรึงกางเขน ที่ทำให้ท่านเข้มแข็งยิ่งกว่าพายุที่โหมเข้ามา ก่อนจะแปรเปลี่ยนมันเพื่อการไถ่กู้โลก ท่านก้าวไปเผชิญกับโรคร้าย ด้วยความเชื่อ และความสนิทสัมพันธ์กับพระเยซูเจ้าอย่างอาจหาญ จนสร้างความประหลาดใจแก่ทุกคนไม้เว้นแม้แต่พระสงฆ์ที่ได้พบท่าน



และที่ชัดเจนกว่านั้นคือ รอยยิ้ม ที่ท่านมอบแก่ทุกคนทั้งแก่บิดามารดาน้องชาย หรือคุณหมอที่รู้สึกหมดหนทางจะรักษาท่าน ความทุกข์ยากทำให้ผมใกล้ชิดพระเจ้า ท่านกล่าว ผู้ได้ตระเตรีมสันติสุขและความยินดีในอาณาจักรของพระองค์ ในสวรรค์ และกล่าวกับบิดาของท่านว่า ผมมีความสุข ก็ต่อเมื่อมีสถานที่ในสวรรค์แล้วครับ ท่านรู้สึกว่าพระเจ้าทรงเป็นปัจจุบันและดำรงอยู่ในสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอ ไม่สามารถช่วยตัวเอง

ชีวิตน้อยๆของท่านในเวลานี้ส่องสว่างเสียยิ่งกว่าแสงของดวงอาทิตย์ ท่านยังคงคอยส่งมอบคำภาวนาและรับความทุกข์ยากด้วยความเชื่อ ผมต้องการอยู่คนเดียวกับพระเยซู พูดคุยกับพระองค์ บอกพระองค์ทุกอย่างที่มีในใจผม ส่วนแม่ ไปพักผ่อนเถอะครับ แม่เหนื่อยมากแล้ว, ข้าแต่พระเยซู ผมรับทรมาน เช่นเมื่อครั้งพระองค์ทรงรับแบกกางเขนและถูกรุมทำร้าย ขอให้ความทรมานของผมร่วมกับของพระองค์ พระเยซูเจ้าข้า โปรดเคียงข้างผม , แม่ครับ ผมกำลังอยู่บนทางสู่กัลวาลีโอ แต่หลังจากนั้น ผมก็จะถูกตรึงบนกางเขน แม่ครับ โปรดเตรีมตัวให้พร้อมนะครับ , ผมต้องการสวดภาวนาเพียงอย่างเดียว เพราะพระเยซูทรงต้องการความทุกข์ยากและคำภาวนาจำนวนมากจากผมครับ ,โอ้ พระเยซูเจ้า ทุกความทุกข์ยากของผมคือกิจการแห่งรักสำหรับพระองค์ , ข้าแต่พระเยซู ผมเชื่อว่าพระองค์ทรงรักผม



ในเดือนพฤษภาคม ค..1979 ขาซ้ายของท่านหัก เกิดแผลเปิดขนาดใหญ่บนตัวท่าน ก่อนในเดือนถัดมาท่านก็สูญเสียการมองเห็น เดือนกันยายนท่านก็เริ่มไม่ค่อยได้ยินอะไร อย่างนั้นก็เถอะท่านก็มิได้ปริปากพร่ำบ่นถึงความทุกข์ยาก เพียงแค่ย้ำถึงความต้องการของท่านว่า ผมปรารถนาที่จะรับศีลทุกวัน ผมต้องการพระเยซู  ผู้ที่ทุกๆวัน มอบกำลังมกมายให้แก่ผมและคุณพ่อคุณแม่ครับ และทุกๆวันเมื่อคุณพ่อลุยจิมาถึงพร้อมศีล ท่านก็จะกลายเป็นสดใสไปด้วยความสุข เฉกเช่นคนกระหายในทะเลทรายที่กำลังมองหาน้ำ และได้พบและดื่มน้ำสมใจปรารถนา

เดือนสิงหาคมปีเดียวกันขณะอาการเจ็บป่วยทวีความรุนแรงขึ้นกว่าเดิม ในมือของท่านก็ยังคงกำสายประคำหลากสีอันเป็นตัวแทนของแต่ละทวีปบนโลกแน่น และพร่ำสวด สายประคำธรรมทูต และภาวนาให้ทั้งโลกได้รู้จักและรักชายชาวนาซาเร็ธที่ท่านรัก และให้บรรดาธรรมทูตทุกคนทั้งที่รู้จักหรือไม่รู้จัก พ่อครับ ท่านพูดขึ้นในวันหนึ่ง ผมอยากจะเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก แล้วคุณพ่อจะได้รับความรักอย่างมากมายเลยครับ ธรรมทูตน้อยไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ขอนี้จะเป็นจริง แต่ไม่ใช่ขณะมีชีวิตอยู่แล้ว ธรรมทูตยังคงเฝ้าสวดต่อไปด้วยความรักและความทรมาน



จนถึงวันจันทร์ ที่ 24 กันยายน ค..1979 ในตอนเช้าท่านก็ได้รับศีลตามปกติ ท่านเปล่งประกายและดูแข็งแรงดี และเป็นครั้งที่สามที่ท่านได้รับศีลเจิมผู้ป่วย ท่านร่วมสวดกับคุณพ่อวินเซนโซ เจ้าวัด ท้ายสุดท่านก็ตอบรับออกมาดังๆว่า อาแมน เช่นเดียวกับพระเยซูเจ้าที่ทรงตรัสก่อนสิ้นพระชนม์บนกางเขนว่า สำเร็จบริบูรณ์แล้ว ขณะเวลายี่สิบเอ็ดนาฬิกายี่สิบนาที ในค่ำคืนอันเงียบสงบวันนั้น ท่านก็ได้เดินทางไปพบกับชายที่ท่านรักที่สุดในสวรรค์อย่างสงบ ด้วยวัย 12 ปี

ภายหลังจากมีการเผยแพร่ประวัติของท่านไปทั่วโลก ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ค..1995 จึงมีการเปิดกระบวนการขอแต่งตั้งท่านเป็นนักบุญพร้อมกับผู้รับใช้พระเจ้าอีกสี่ท่าน และในวันที่ 7 พฤศจิกายน ค..2014 สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสก็ทรงรับรองคุณธรรมขั้นคาระวียะแก่ท่าน เป็นก้าวต่อไปสู่การเป็นบุญราศีและนักบุญต่อไป



เมื่อเรารับภารกิจนี้จากพระเมตตาของพระเจ้า เราจึงไม่ท้อถอย (2โคริทร์ 4:1) นักบุญเปาโลเคยบอกว่าเราคือส่วนประกอบต่างๆที่รวมกันเป็นพระศาสนจักร ทุกคนล้วนมีหน้าที่แตกต่างกันไปบ้างก็เก่งด้านการพูด บ้างก็เก่งด้านการเขียน บ้างก็เก่งด้านก็ใช้แรง ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นพระหรรษทานเฉพาะจากพระเจ้าที่มอบแก่พวกเรา โดยมีจุดหมายให้เราได้ร่วมกันประกาศถึงพระอาณาจักรของพระองค์ เพื่อให้พระองค์เป็นที่รู้จักและที่รัก เช่นเดียวกันกับคาระวียะซิลวีโอ ที่มีภารกิจคือการเป็นกำลังหนุนด้านคำภาวนาให้บรรดาธรรมทูตและการกลับใจของผู้คน เพราะท่านรู้ดีว่าความทุกข์ยากที่ท่านได้นับเป็นพระพรจากพระ มิใช่เครื่องขัดขวางที่งานของพระ ดังนั้นท่านจึงยกถวายมันเพื่อกิจการอันน่าพิศวงของพระองค์ แล้วทำไมท่านถึงต้องการให้พระองค์ทรงเป็นที่รู้จักละ ก็เพราะพระองค์ทรงแสนดีหนักหนา ท่านจึงปรารถนาจะให้คนอื่นได้สัมผัสกับความแสนดีของพระองค์นี้อย่างที่ท่านได้รับ อย่างไม่ท้อแม้จะต้องทรมานแค่ไหนก็ตามที ดังนั้นถ้าภารกิจของซิลวีโอคือการสวดภาวนา แล้วภารกิจของพี่น้องละคืออะไร? พี่น้องจะทำอย่างไรให้พระองค์เป็นที่รักและรู้จัก?


                              ข้าแต่ท่านคาระวียะซิลวีโอ ดีสเซจนา ช่วยวิงวอนเทอญ


ข้อมูลอ้างอิง

'เบร์นาร์โด ฟรานซิสโก' ให้ชีวิตนี้เป็นสะพานนำรักพระองค์ไป ตอนจบ

บุญราศีเบร์นาร์โด ฟรานซิสโก เด โอโยส เด เซญา Bl. Bernardo Francisco de Hoyos de Seña วันฉลอง: 29 พฤษจิกายน [ย้อนกลับไปอ่าน  “‘เบร์นาร์โด ฟรา...