วันเสาร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2558

" อานัวริต เนนกาเปตา" เธอคืออักแนสผิวดำ


บุญราศีมารี เคลมองติน อานัวริต เนนกาเปตา
Bl. Marie-Clémentine Anuarite Nengapeta
ฉลองในวันที่ : 1 ธันวาคม

อานัวริต เกิด ในวัมบา ประเทศคองโก เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม ค..1939 ในเผ่าวาบูดู บิดาท่านคือ อามีซี บาตซูรู บาโตโบโบ ส่วนมารดาท่านคือ อีซูด  จูเลียน  ท่านเป็นธิดาคนที่ 4 จากธิดาหกคน และเนื่องจากเหตุนี้ที่มารดาท่านไม่อาจสามารถให้กำเนิดบุตรชายให้บิดาท่านได้ บิดาท่านที่เป็นอดีตทหารจึงได้ไล่มารดาท่านออกจากบ้าน เพื่อจะได้พาภรรยาคนใหม่มาแทน แต่น่าเศร้าที่ภรรยาคนนั้นเป็นหมัน และแน่นอนความเจ็บปวดครั้งนี้ไม่พ้นท่านไปไหน แต่แม้จะต้องเจ็บปวดเพียงใดท่านก็ตัดสินใจให้อภัยบิดาท่านหมดหัวใจ

โดยแรกเกิดท่านได้รับชื่อว่าเนนกาเปตาอันมีความหมายว่าความมั่งคั่งคือความหลอกลวง”(riches deceive) ก่อนจะได้รับนาม อัลฟองซิน ภายหลังจากได้รับศีลล้างบาปพร้อมมารดาในปี ค..1945 ซึ่งดูเหมือนว่าท่านจะได้รับศีลล้างบาปสองรอบเพราะใบรับรองของท่านหายทำให้อันเดิมเป็นโมฆะ ดังนั้นท่านจึงมีชื่อว่า อัลฟองซิน เนนกาเปตา แล้วชื่อ อานัวริต มาจากไหน? ชื่อที่มีความหมายว่า ผู้หัวเราะในสงคราม นี้ ความจริงแล้วเป็นชื่อของพี่สาวท่าน หากแต่เกิดความผิดพลาดบางประการที่ทำให้ชื่อนี้กลายมาชื่อท่านไป



เรื่องนี้เกิดก็ตอนที่พี่สาวท่านเลอ็งติน อานัวริต พาท่านไปสมัครเรียนชั้นประถมกับซิสเตอร์ชาวเบลเยี่ยม แต่ไม่รู้เป็นอย่างไรซิสเตอร์ผู้นั้นจึงไปลงทะเบียนชื่อท่านว่า อัลฟองซิน อานัวริต อันอาจเป็นได้หลายสาเหตุ บางทีซิสเตอร์คนนั้นอาจไม่รู้ภาษาแอฟริกาหรือไม่ก็เป็นเหม่อลอยอยู่ แต่อย่างไรก็ตามก็ทำให้นับจากนั้นมาชื่อเนนกาเปตาของท่านแต่แรกมาก่อนก็หายไป และไม่ปรากฏอีกเลยตลอดชีวิตของท่าน

ในวัยเยาว์ท่านเป็นเด็กอ่อนไหวนัก ครั้งหนึ่งเมื่อเห็นการเชือดแพะ ท่านก็ปฏิเสธที่จะกินเนื้อ พร้อมบอกว่าเลือดนั้นก็เหมือนของท่าน นอกจากนั้นท่านยังเป็นคนโอบอ้อมอารี ทุกๆครั้งหลังเลิกเรียก ท่านรักที่จะช่วยคุณยายของท่านทำงานต่างๆเสมอ และในเวลาเดียวกันขณะท่านเติบโตขึ้นเรื่อยๆนี้เอง กระแสเรียกการเป็นซิสเตอร์ในตัวของท่านเติบโตขึ้นไปเช่นเดียวกับสหายหลายคนของท่าน ท่านปรารถนาจะเดินตามรอยพวกเขา ผู้ที่ท่านยกย่องอย่างยิ่งในหมู่บ้าน



ที่สุดท่านก็เผยความปรารถนานี้แก่มารดา ซึ่งก็ไม่เห็นด้วยกับความปรารถนานี้ แต่คำว่า ไม่ คำเดียวจากมารดาหรือจะทำให้ท่านท้อใจได้ ตรงกันข้ามท่านยังคงมุ่งมั่นที่จะทำตามฝันนี้ต่อ ท่านจึงไปขอสมัครเข้าอารามกับซิสเตอร์ แต่ก็ต้องถูกปฏิเสธเพราะซิสเตอร์เห็นว่าท่านยังอายุน้อยเกินไปในเวลานี้ กระทั้งรถบรรทุกของคณะซิสเตอร์ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์แวะมารับเด็กหญิงที่ต้องการเข้าคณะเพื่อพาไปเป็นผู้สมัครเณรียังอารามบัฟวาบากา ท่านที่เห็นสบโอกาสจึงได้ได้แอบปีนขึ้นรถคณะนั้นไป โดยไม่มีใครได้สังเกต

มันใช้เวลาอีกหลายวัน กว่ามารดาท่านจะทราบเรื่อง แต่กระนั้นมารดาท่านก็ไม่ได้ไปตามท่านกลับมา ทำให้ท่านได้ไล่ตามฝันจนได้เข้าพิธีปฏิญาณตนในวันที่  5 สิงหาคม ค..1959 ด้วยศาสนานามใหม่ว่า ซิสเตอร์มารี เคลมองติน  โดยในวันนั้นบิดามารดาท่านได้มาร่วมพิธี และได้มอบแพะสองตัวแก่บรรดาซิสเตอร์เพื่อแสดงให้เห็นว่าทั้งสองภูมิใจแค่ไหนที่บุตรสาวน้อยของพวกเขาได้ถวายตนทั้งครบแด่พระเจ้า แต่ไม่นานจากนั้น มารดาท่านก็พยายามเกลี้ยกล่อมท่านให้ละทิ้งกระแสเรียก เพื่อมาช่วยเหลือครอบครัวอีก



ที่อาราม ท่านได้มอบตนเองเพื่อทุกคนและทำให้ทุกคนมีความสุข ท่านจะอาสาแก้ปัญหาที่ใครๆก็ส่ายหน้าบ่ายเบี่ยง แต่บางครั้ง ท่านก็จะตำหนิตรงๆกับคนที่หลบงาน นอกจากนั้นท่านยังถือหลักปฏิญาณของท่านที่ว่าจะไม่อยู่กับผู้ชายสองต่อสอง และก็อยากให้ซิสเตอร์คนอื่นๆถือปฏิญาณเช่นเดียวกันกับท่าน มีวันหนึ่ง ท่านถึงกับลงมือทำร้ายอันธพาลที่พยายามทาบทามซิสเตอร์คนอื่น ด้วยความโกธรเลยทีเดียว

กระทั้งปี ค..1964 การจลาจลมูเลเลก็เริ่มขึ้น จากเพียงแค่พื้นเล็กๆ ไม่กี่สัปดาห์ก็ขยายจนเกือบจะทั้งประเทศคองโก นำโดยกลุ่มกบฏชื่อ กลุ่มซิมบา พวกนี้ต่อต้านชาวตะวันตกแบบหัวเด็ดตีนขาด รวมไปถึงต่อต้านพวกบาทหลวงและซิสเตอร์ชาวพื้นเมือง เพราะสงสัยว่าคนพวกนี้เป็นสายให้กับพวกตะวันตก เหตุการณ์ลุถึงวันที่ 29 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน กลุ่มซิมบานี้ได้มาถึงอารามในบัฟวาบากา และได้จับซิสเตอร์ทั้งหมด 46 คนขึ้นรถบรรทุกพาไปยังเมืองวัมบา



แต่เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัยตามที่พวกเขากล่าวอ้างกับบรรดาซิสเตอร์ จึงมีการย้ายพวกซิสเตอร์จากที่ต้องไปที่วัมบา ให้ไปที่เมืองอิซิโรแทน ที่นั่นบรรดาซิสเตอร์ถูกจับขังไว้ที่บ้านของพันเอกยูมา ดีโอ ก่อนในคืนวันเดียวกันซิสเตอร์ทุกคนจะถูกย้ายไปที่บลูเฮาส์ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆกัน ยกเว้นแต่ท่าน ที่ถูกโน้มน้าวให้เป็นภรรยาของหนึ่งในผู้นำของกลุ่มกบฏนี้ที่ชื่อ พันเอกงาโล ที่ยืมความช่วยเหลือจากทหารในกลุ่มชื่อ ซิกบันเด มาช่วยเกลี้ยกล่อม

แน่นอนว่าท่านหวาดกลัว แต่ท่านก็ปฏิเสธอย่างแข็งขันที่จะแต่งงานกับเขา แม้จะถูกแยกขังและถูกขู่ว่าจะถูกฆ่าจากทหารที่โกธรเกี้ยวก็ตาม และแม้คุณแม่เลอ็งแต็ง จะพยายามปกป้องท่านแค่ไหน ก็ยังไร้ผล ตอนนี้ซิสเตอร์ที่ถูกคุมขังในบลูเฮาส์ร่วมกันปฏิเสธ ที่จะรับอาหารหากคุณแม่อธิการไม่อยู่กับพวกเขา ซิสเตอร์สองคนคือซิสเตอร์บานัคเวนี และซิสเตอร์มารี ลูซี ก็ถูกนำตัวไปพร้อมพันเอกปีแอร์ โอลอมเบ เพื่อรายงานสถานการณ์ให้กับพันเอกงาโล ซึ่งสบโอกาสจึงขอให้พันเอกปีแอร์ช่วยเกลี้ยกล่อมท่านให้หน่อย แน่นอนเขาก็ไม่ปฏิเสธที่จะช่วย



ในระหว่างมื้ออาหารเย็นในที่คุมขัง ท่านใช้จานข้าวและปลาซาร์ดีนกับคุณแม่ซาเวเรีย แต่ก็ไม่สามารถรับประทานอะไรได้มาก ท่านเอ่ยเตือนซิสเตอร์ทุกคนว่าอย่ารับเบียร์จากพวกซิมบา เพราะ เวลานี้ทุกคนตกอยู่ในอันตราย ท่านยังได้บอกอีกว่าท่านพร้อมที่จะตายเพื่อปกป้องพรหมจรรย์ จนอาทิตย์คล้อยต่ำ ทิ้งไว้แต่เพียงท้องฟ้าสีดำ ซิสเตอร์ทุกคนก็ถูกพาเข้านอน แต่ท่านนอนไม่หลับ ท่านเป็นทุกข์และกังวัลยิ่งนัก ท่านขอให้คุณแม่อธิการช่วยสวดให้ท่าน

พันเอกปีแอร์พาท่าออกมาด้านนอก พยายามกดดันท่านอีกครั้งให้ยอมเป็นภรรยาของพักเอกงาโล จนไปๆมาๆเขาก็เปลี่ยนใจ จับท่านทำภรรยาเสียเอง แต่เมื่อท่าปฏิเสธ เขาก็ด่าทอท่าน ซึ่งก็ไม่อาจเปลี่ยนใจท่านได้ ท่านมั่นคงที่จะตอบว่าเจ้าบ่าวคนเดี่ยวของท่านคือพระคริสต ที่สุดเขาจึงบังคับให้ท่านพร้อมซิสเตอร์โบคูมา ฌาน บัพติสต์ ที่เขาต้องการเข้าไปในรถ และเนื่องจากท่านเห็นสบโอกาสตอนเขาเข้าบ้านไปเอากุญแจรถ ท่านก็ตัดสินใจหนีตามด้วยซิสเตอร์โบคูมา แต่น่าเศร้าที่ทั้งท่านและซิสเตอร์คนนั้นไม่อาจหนีรอดไปได้ ทั้งสองถูกจับและเกิดการต่อสู้ขึ้น



คุณแม่เลอ็งแต็ง และคุณแม่เมลานี  ผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด พยายามอ้อนวอนต่อพันเอกปีแอร์ให้เห็นใจท่านและซิสเตอร์โบคูมา แต่ยิ่งทำให้เขาโกธรจัด เขาไม่ตอบอะไร และเริ่มตีท่านและซิสเตอร์โบคูมาอย่างเลือดเย็น จนซิสเตอร์โบคูมาเป็นลมหมดสติลงไปพร้อมแขนขวาที่หักอยู่สามจุด คงเหลือแต่ท่านที่ยังคงพยายามต่อต้านเข้าด้วยความกล้าหาญ ท่านเอ่ยว่าท่านยอมตายเสียดีกว่าทำบาปนี้

ด้วยกำลังเฮือกสุดท้าย ท่านก็ได้ทำสิ่งที่ท่านเคยทำกับบิดาของท่าน คือการให้อภัยปีแอร์สุดหัวใจด้วยคำกล่าวว่า ดิฉันยกโทษให้ท่านเพราะท่านไม่รู้ว่าได้กระทำอะไรลงไป  ก่อนจะล้มลง คำกล่าวนี้ยิ่งเพิ่มอารมณ์เดือดดาลในตัวของปีแอร์ยิ่งไปอีก เขาสั่งทหารสองคนใกล้ๆให้ใช้มีดปลายปืนแทงท่าน ท่านถูกแทงหลายต่อหลายครั้ง ท้ายสุดปีแอร์จึงใช่ปืนยิงท่านที่หน้าอก ก่อนกลับเข้าไปในบ้าน พร้อมประกาศกับซิสเตอร์ทั้งหลายว่า ข้าฆ่ามัน ตามที่มันต้องการแล้ว เชิญไปเอาร่างมันได้เลย



ซิสเตอร์สี่คนจึงออกมานำท่านที่หายใจรวยรินเต็มทีเข้ามา และเพียงไม่กี่นาทีต่อมา ณ เวลาตีหนึ่ง ของวันที่ 1 ธันวาคม ค..1964 ด้วยอายุ 24 ปี ท่านก็คืนวิญญาณของท่านไปหาพระเป็นเจ้าอย่างสงบ ร่างของท่านถูกฝังรวกพร้อมนักโทษคนอื่นๆของพวกซิมบา ก่อนแปดเดือนถัดมา จึงมีการขุดและย้ายร่างของท่านไปฝัง ณ สุสานของคินโคเล  และตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม ค..1978 เป็นต้นมาร่างของท่านก็ถูกย้ายมาฝัง ณ อาสนวิหารประจำอิซีโร

และสืบเนื่องจากการพลีชีวิตเพื่อคงไว้ซึ่งพรหมจรรย์และการให้อภัยของท่าน จึงมีการเปิดกระบวนการขอแต่งตั้งขึ้นในเดือนมกราคม ค..1978 และที่สุดในวันที่ 15 สิงหาคม ค..1985 สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ก็ทรงบันทึกนามท่านไว้ในสารบบบุญราศีอย่างสง่า ณ ปรำพิธีชั่วคราว เมืองกินชาซา สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ท่ามกลางสักขีพยานมากมาย รวมทั้งบิดามารดาของท่านที่ได้ร่วมพิธีนี้ อยู่ทางซ้ายของพระแท่น



ปีแอร์ เมื่อหลังกบฏถูกปราบปรามเขาก็ถูกตัดสินประหารชีวิต แต่เพราะมีความดีความชอบในเวลาต่อมาจาการร่วมรบในสงครามกับกบฏเบลเยี่ยม เขาก็เลยได้รับการลดโทษ และถูกปล่อยตัวออกมา ในสภาพไม่มีอะไรเลย เขาต้องระหกระเหิน ไปขอข้าวจากซิสเตอร์ในอารามแห่งหนึ่ง อันเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่เขาเคยจับ และลงมือสังหารเพื่อนของพวกเธออย่างโหดเหี้ยม ซิสเตอร์เคลมองตินได้ให้อภัยคุณฉันใด พวกเราก็ต้องทำตามตัวอย่างของเธอฉันนั้น ซิสเตอร์เลอ็งตนกล่าวขณะมอบอาหารให้เขา

ผู้ที่พูดว่าตนเองอยู่ในพระเจ้า ก็ต้องดำเนินชีวิตเหมือนกับที่พระองค์ ทรงดำเนินชีวิต(1ยอห์น 2:6) คุณลักษณะอันโดดเด่นของพระเจ้าคืออะไร ก็คือ การอภัยและรักไม่สิ้นสุด แม้จะถูกต่อต้านจากหลายๆคน หรือถูกจับตรึงกางเขนจนสิ้นพระชนม์ก็ตาม ดังนั้นเมื่อพระองค์ทรงวางแบบอย่างไว้เช่นนี้ เราในฐานะคริสตชน อันคือผู้ติดตามพระคริสต์ก็ต้องเดินตามแบบอย่างของพระองค์ ที่ทรงวางไว้เพื่อให้คู่ควรกับคำว่า ศิษย์พระคริสต์เหมือนบุญราศีมารี ที่ให้อภัยบิดาและคนที่ฆ่า ด้วยความรักหมดดวงใจ ตามแบบอย่างของเจ้าบ่าวของท่าน แม้จะถูกทำร้ายแค่ไหน ท่านก็เลือกที่จะอภัย เพื่อให้เขาได้รับความรอด แม้คนๆนั้นจะฆ่าท่านก็ตาม

พิธีมิสซาสถาปนาท่านเป็นบุญราศี



ข้าแต่ท่านบุญราศีมารี เคลมองติน อานัวริต เนนกาเปตา ช่วยวิงวอนเทอญ

ข้อมูลอ้างอิง

'เบร์นาร์โด ฟรานซิสโก' ให้ชีวิตนี้เป็นสะพานนำรักพระองค์ไป ตอนจบ

บุญราศีเบร์นาร์โด ฟรานซิสโก เด โอโยส เด เซญา Bl. Bernardo Francisco de Hoyos de Seña วันฉลอง: 29 พฤษจิกายน [ย้อนกลับไปอ่าน  “‘เบร์นาร์โด ฟรา...