วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2558

"กาเอตาโน เอร์ริโก" ธรรมทูตแห่งรัก


นักบุญกาเอตาโน เอร์ริโก
St. Gaetano Errico
ฉลองในวันที่ : 29 ตุลาคม

พวกเรา ธรรมทูตแห่งดวงพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าและพระแม่มารีย์ คือคณะนักบวชของทั้งบรรดาพระสงฆ์และบรรดาภารดา ที่อุทิศตนในการตอบสนองความต้องการของครอบครัวของพระเจ้า ในขณะที่เป็นพยานถึงความรักอันยิ่งใหญ่ที่ได้รับการเผยแสดงในดวงพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าและพระแม่มารีย์
ประโยคที่ยกมาข้างต้นนี้ คือ พันธกิจ ของคณะธรรมทูตแห่งดวงพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าและพระแม่มารีย์ ที่ปัจจุบันประจำอยู่ทั้งสิ้นแปดประเทศ ได้แก่ อิตาลี อาร์เจนตินา สหรัฐอเมริกา อินเดีย สโลวาเกีย ไนจีเรีย อินโดนีเซีย และโคลอมเบีย ทำให้เราอาจฉงนว่าคณะนี้มีความเป็นมาเช่นไร ใครคือผู้ตั้งคณะนี้

ไม่ต้องคิดนาน หาอยากรู้เรื่องนี้ก็ต้องเริ่มที่หมู่บ้านเล็กๆ ชื่อ เซคอนดิกลีอาโน หมู่บ้านที่ตั้งอยู่บนพรมแดนทางตอนเหนือของเนเปิลส์ ประเทศอิตาลี ที่นี่มีบ้านของหนุ่มเจ้าของโรงงานมะกะโรนีเล็กๆ กับสาวทอผ้ากำมะหยี่ นาม ปัสกัวเล เอร์ริโก และ มารีอา มาร์เซกเลีย ทั้งสองมีลูกด้วยกันทั้งสิ้นเก้าคน เป็นชายห้าคนและหญิงอีกสี่คน เด็กชาย กาเอตาโน เอร์ริโก เป็นคนที่สอง ท่านเกิดเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ค..1791 และได้รับศีลล้างบาป ณ วัดนักบุญคอสมาและดาเมียน ในวันถัดมา ณ ที่นี่เอง



ในวัยเยาว์ท่านได้รับการศึกษาจากโรงเรียนท้องถิ่นที่สอนโดยพระสงฆ์สองท่าน และได้รับศีลมหาสนิทครั้งแรก ศีลกำลัง เมื่ออายุได้ 7 และ 11 ปี ตามลำดับ นอกจากนั้น ท่านก็เป็นที่รู้จักดีจากคนทั่วหมู่บ้าน ว่าเป็นเด็กดีว่านอนสอนง่าย คอยช่วยเหลืองานบิดา และเปี่ยมไปด้วยความศรัทธาเหมือนบิดามารดา กาลเวลาล่วงผ่านต่อกระทั้งท่านมีวัยได้ 14 ปี ท่านก็มั่นใจแน่ว่ามีกระแสเรียกการเป็นพระสงฆ์และนักบวช ท่านจึงตัดสินใจสมัครเข้าคณะฤษีกาปูชิน แต่ก็ถูกปฏิเสธด้วยอายุท่านยังน้อยอยู่ ท่านไม่ท้อ ท่านจึงไปสมัครเข้าคณะพระมหาไถ่ แต่ก็ถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลเดียวกัน

ท่านจึงรอต่อไป กระทั้งผ่านมาสองปี ด้วยอายุ 16 ปี ท่านก็ตัดสินสมัครเข้าบ้านเณรอาร์ชีเวสโกวิเล ในเมืองเนเปิลส์ และก็ได้รับอนุญาต ฉะนั้นในเดือนมกราคม ค..1808 ท่านจึงได้รับเสื้อหล่อ แต่เพราะครอบครัวของท่านไม่อาจแบกรับค่าใช้จ่ายภายในได้ ท่านจึงต้องลงเรียนแบบไปเช้าเย็นกลับ ทำให้ในทุกวันท่านต้องเดินเท้าไปกลับระหว่างบ้านกับบ้านเณรเป็นระยะทางแปดกิโลเสมอ ไม่ว่าวันนั้นจะเป็นเช่นไร ร้อน หนาว ฝน จนเป็นภาพที่น่าชื่นชมของชาวบ้านที่พบเห็น ถึงขนาดต้องอุทานเมื่อท่านผ่านไปว่า ดูสิ นักบุญกาเอตาโน กำลังผ่านเราไป



กิจวัตรไปๆมาๆระหว่างบ้านและบ้านเณรของท่านนี้  หลายคนอาจคิดว่าอาจทำให้เสียการเรียน ตรงข้ามตลอดการศึกษาในบ้านเณร ท่านกลับทำได้ดีถึงมากเลยทีเดียว และไม่ใช่ที่บ้านเณรเท่านั้น เมื่ออยู่บ้านท่านก็ทำทุกอย่างเท่าที่สามารถทำได้เพื่อช่วยครอบครัว หรือโรงพยาบาลโรคไม่มีทางรักษาของเนเปิลส์ที่ท่านไปทุกวันพฤหัสบดีเพื่อเยี่ยมเยียนบรรดาผู้ป่วย พร้อมของขวัญหรือผลจากเงินฝากในบางครั้ง หรือแม้บนท้องถนนในวันอาทิตย์ ที่ท่านจะคอยเดินไปรอบๆเมืองพร้อมกางเขน เพื่อกระตุ้นเด็กๆให้ไปเรียนคำสอน ท่านก็ล้วนทำได้อย่างดีเยี่ยม และแม้กิจวัตรบางวันอาจแตกต่างกัน แต่ทุกสิ่งที่เหมือนกัน ก็คือมันต้องเริ่มต้นด้วยมิสซาและรับศีลในตอนเช้าเสมอ

ถึงวันที่ 23 กันยายน ค..1815 ความฝันของท่านก็สำเร็จ คือ ท่านได้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์ ณ วัดน้อยนักบุญเรสตีตูตา ของอาสนวิหารซานตา มารีอา อัสซุนตา โดยพระคุณเจ้าพระคาร์ดินัลลุยจิ รูฟโฟ ชีลลา และได้รับตำแหน่งเป็นคุณพ่อเจ้าวัดอยู่ ณ วัดบ้านเกิดของท่าน ในปี ค..1816 และตามคำร้องขอของคุณพ่อวิญญาณของท่าน ท่านก็ได้ไปเป็นครูที่โรงเรียนประจำหมู่บ้านของท่าน โดยเริ่มจากเป็นรองผู้อำนวยการและผู้อำนวยการตั้งแต่ปี ค..1819



นับเป็นระยะเวลาถึงยี่สิบปี ที่ท่านสอนบรรดานักเรียนด้วยความทุ่มเทอันเป็นแบบอย่าง บรรดาผู้ปกครองสามารถวางใจในการดูแลของท่าน เพราะนักเรียนทุกคนภายใต้การดูแลของท่านจะได้รับทั้งการศึกษาที่ดี และการพัฒนาชีวิตฝ่ายจิต และด้วยการดูแลที่ดีและร้อนรน ท่านก็สอนเด็กๆถึงหลักคำสอนและคุณค่าของคุณธรรม นอกจากนั้นในฐานะพ่อเจ้าวัดท่านก็อภิบาลบรรดาสัตบุรุษด้วยความรัก เน้นในสี่เรื่องคือ 1.การประกาศพระวาจา 2.การคืนดีกับพระ 3.การช่วยเหลือผู้ป่วยทั้งฝ่ายกายและฝ่ายจิต  และ 4.การปฏิบัติกิจเมตตาโดยไม่เห็นแก่ตน ที่มีจุดหมายคือการประกาศและทำให้ทุกคนรู้ว่า ในพระเจ้าพวกเขามีพ่อที่รักพวกเขา

เฉกเช่นพระสงฆ์ทั่วไป ทุกๆปี ท่านก็มีเวลาเข้าเงียบของท่าน ซึ่งทุกๆปี ท่านก็จะไปที่บ้านของคณะพระมหาไถ่ในปาจานี เป็นปกติ กระทั้งราวปี ค..1818 การเข้าเงียบธรรมดาๆสำหรับสงฆ์ธรรมดาๆ ก็กลับไม่ธรรมดา เมื่อหลังเสร็จสิ้นการภาวนาในใจ จู่ๆท่านก็ได้รับนิมิตนักบุญอัลฟอนโซ ผู้ก่อตั้งคณะพระมหาไถ่ ในชุดพระสังฆราช ประจักษ์มาบอกกับท่านว่าพระเจ้าทรงประสงค์ให้ท่านตั้งคณะใหม่ที่เหมือนคณะพระมาหไถ่ นอกจากนี้ยังบอกให้ท่านสร้างวัดถวายเกียรติแด่แม่พระมหาทุกข์ ณ บ้านเกิดของท่าน เพื่อเป็นเครื่องหมายถึงรากฐานในอนาคต



บวกกับภาพนิมิตแม่พระในจิตใจของท่านและการประจักษ์ซ้ำๆของนักบุญอัลฟอนโซระหว่างเข้าเงียบในครั้งอื่นๆ ท่านก็ยิ่งมั่นใจว่างานนี่จะลุล่วงไป ดังนั้นแม้จะเคยถูกปฏิเสธ ในวันสมโภชพระจิตเจ้า ปี ค..1826 ท่านก็ประกาศกับสัตบุรุษว่า ท่านจะสร้างวัดเพื่อถวายเกียรติแด่แม่พระมหาทุกข์ในเซคอนดิกลีอาโน ทันทีชาวบ้านก็ต่างพากันยินดี ที่พระเป็นเจ้าทรงเลือกหมู่บ้านเล็กๆของพวกเขาเพื่อสร้างสักการสถานถวายแด่พระมารดาผู้ระทมทุกข์

แต่อนิจจามนุษย์ช่างใจโลเลนัก นานวันเข้าบางคนก็ไม่เห็นด้วย มีบางคนถึงกับกล่าวตู่ว่าท่านหลอกชาวบ้าน เพื่อหาเงินไปเป็นสินสอดให้น้องสาวที่จะแต่งงานใหม่ จนท่านถูกเจ้าที่บ้านเมืองสั่งเลยว่า หากท่านขอสร้างอีก ท่านจะถูกจับและถูกเนรเทศ หาท่านยังพูดถึงวัดใหม่นี้อยู่ ไม่พอยังให้ท่านเอาเงินไปเก็บแล้วแบ่งกุญแจที่ต้องใช้เป็นสามดอก ให้ดอกหนึ่งอยู่กับท่าน  นับเป็นความยากลำบากยิ่ง แต่ที่สุดแล้ว ในวันที่ 13 ธันวาคม ค..1827 พระประสงค์ของพระเจ้าก็ได้รับชัยชนะ ศิลาก้อนแรกได้รับการเสก ภายหลังจากโครงการได้รับอนุมัติในเดือนกุมภาพันธ์ปีเดียวกัน



ลุถึงวันที่ 9 ธันวาคม ค..1830 วัดก็ได้รับการเสก ซึ่งก่อนหน้าที่วัดจะเสร็จไม่นาน ท่านก็ได้เริ่มสร้างบ้านสำหรับคณะใหม่ขึ้น ซึ่งเป็นเพียงบ้านหลังเล็กๆ ที่ท่านจะอยู่กับภารดาแผนกสงเคราะห์ที่สนใจทำหน้าที่ดูแลวัดตั้งแต่ปี ค..1833 เป็นต้นไป ก่อนจะเริ่มเปิดบ้านต้อนรับบรรดาพระสงฆ์ที่มาเข้าเงียบ พร้อมความหวังว่าท่านจะได้หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งธรรมทูตและนักบวชลงในจิตใจของพวกเขา และนอกจากนั้นเมื่อวัดและบ้านพักเสร็จแล้ว ท่านก็ยังได้ไปว่าจ้างนายฟรังเชสโก เวร์เซลลา ประติมากรทผู้มีชื่อเสียงชาวเนเปิลส์ ให้สร้างพระรูปแม่พระมหาทุกข์ให้ จนมีเรื่องเล่าว่ากว่าจะเสร็จออกมาได้ก็เล่นทำเอาเขาถึงกับเหงื่อตก เพราะพระพักตร์ออกมาไม่ใช่แบบที่ท่านเห็นในนิมิตฝ่ายจิต เขาจึงต้องแก้แล้วแก้อีกถึงสิบเจ็ดครั้ง จนในครั้งที่สิบเจ็ด ท่านก็อุทานออกมาเมื่อเห็นว่า แบบนี้เลย

พระรูปที่แล้วเสร็จนับเป็นอีกหนึ่งพระรูปแม่พระที่สวยที่สุดในเมืองเนเปิลส์ มีลักษณะเท่าคนจริง ประทับนั่งแทบเชิงไม้กางเขน ที่ด้านหลังประดับด้วยหอกและฟองน้ำ พระพักตร์ของพระแม่งดงาม แต่ก็แฝงไปด้วยสายตาที่ระทมทุกข์ เวลาเดียวกันก็มอบถวาย พระหัตถ์ทั้งสองข้างวางอยู่ ณ พระเพลา จากการอุ้มร่างไร้วิญญาณของพระบุตรเมื่อก่อนหน้านั้น ที่ทางซ้ายของพระรูป มีทูตสวรรค์ขนาดเท่าคนจริงกำลังปลอบพระนาง ที่แม้รู้ดีว่าไม่อาจช่วยอะไรได้นอกจากร่ำไห้ ส่วนที่ทางขวามือมีทูตสวรรค์ตัวน้อยสององค์ องค์หนึ่งกำลังทำท่านสวดภาวนา อีกองค์กำลังร้องไห้ และ ณ แทบพระบาทปรากฏมงกุฎหนาม ตะปู ค้อน และคีม วางอยู่ พระรูปถูกอัญเชิญมาถึงวัดในเดือนพฤษภาคม ค..1835 และนับแต่นั้นมาที่นี่ก็กลายเป็นสถานที่แสวงบุญอีกที่



ปีถัดมาหลังจากพระรูปมาถึง ท่านก็เดินทางไปเข้าเงียบที่เดิมอีกครั้ง แต่คราวนี้เบื้องหน้าศีลมหาสนิท พระเจ้าก็ทรงเผยแสดงให้ทราบว่าคณะใหม่ที่ท่านจะตั้งขึ้นนี้ จะต้องถวายเกียรติแด่ดวงพระหฤทัยของทั้งพระเยซูเจ้าและของพระแม่มารีย์ ก็ยิ่งทำให้ความศรัทธาตอดวงพระหฤทัยทั้งสองในตัวของท่านมากยิ่งๆขึ้นไปอีก จนกลายมาเป็นศูนย์กลางในชีวิตบนสนามแพร่ธรรมของท่าน ความรักจากดวงพระหฤทัยทั้งสองเป็นดั่งไฟ ที่กระตุ้นให้ท่านก้าวไปหาคนบาป แล้วนำเขากลับมาหาพระองค์อย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย พร้อมดวงใจที่ถูกเผาผลาญในไฟแห่งรัก ท่านออกค้นหาบรรดาผู้อ่อนแอที่สุด ผู้ตกอยู่ในอันตราย ผู้ป่วย ผู้ถูกทอดทิ้ง และผู้ที่สูญเสียวิญญาณ ท่านต้องการให้ทุกๆคนได้สัมผัสกับความรักของบิดา ผู้โกธรช้า แต่อภัยเร็ว

ฉะนี้เมื่อคณะใหม่ได้รับอนุญาตไปเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ค..1836 ในวันแรกของเดือนตุลาคมปีนั้น ท่านก็เปิดนวกะสถานพร้อมด้วยนวกะทั้งสิ้นเก้าคน หลังจากนั้นในเดือนพฤษภาคม ปี ค..1838 ท่านจึงขอการอนุมัติจากสภาพระสังฆราช และก็ได้รับการอนุมัติในสิ้นเดือนต่อมา และเพื่อความมั่นคงในด้านภาครัฐ ท่านจึงขอการอนุมัติจากทางกษัตริย์ เช่นเดียวกันทางกษัตริย์ก็ได้อนุมัติคณะของท่านในวันที่ 13 พฤษภาคม ค..1839 ดังนั้นเวลานี้จึงเหลือเพียงขั้นสุดท้าย นั่นก็คือการอนุมัติจากองค์สันตะบิดร ท่านจึงออกเดินทางไปยังกรุงโรมในเดือนเมษายน ค..1846 ซึ่งเวลานั้นคณะก็มีสมาชิกและบ้านของคณะมากขึ้นแล้ว และที่สุดในวันที่  7 สิงหาคม ปีนั้น บุญราศีสมเด็จพระสันตะปาปาปีโอ ที่ 9 ก็รับรองคณะของท่านอย่างเป็นทางการ



หลังจากนั้นท่านก็จึงได้รับเลือกอยากเอกฉันท์ให้เป็นอัครธิการคนแรกของคณะ และได้อุทิศตนเพื่อการวางรากฐานะคณะให้มั่นคง ท่านไม่เคยเหนื่อยที่จะเดินทาง หรือเทศน์เตรียมใจ หรือฟังแก้บาป หรือส่งเสริมการรับศีล ดั่งคำแนะนำที่ท่านแนะถึงจุดประสงค์ของคณะว่าเพื่อคอยแนะนำจิตตารมณ์แห่งการอุทิศตน และความรักในศิลปะของความแตกต่าง ทั้งเพื่อคอยพูดคุยถึงความรักของพระเจ้าและกำไรที่พวกเราได้รับจากพระเยซูคริสตเจ้า และการอุทิศตนอย่างอ่อนโยนต่อพระแม่ของพวกเรากับพวกเขา แม้ในยามที่พวกเขาไม่อยากฟังมัน ก็จงทำมันในด้วยความเพียร และเธอก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงในพวกเขา

กระทั้งเวลาสิบนาฬิกา ของวันที่ 29 ตุลาคม ค..1860 เปลวเทียนของท่านบนโลกของดับลง ท่านถึงแก่มรณกรรมลงอย่างสงบด้วยอายุ 69 ปี ในหมู่บ้านเกิดของท่าน คือ เซคอนดิกลีอาโน โดยทิ้งพินัยกรรมฉบับสุดท้ายถึงสมาชิกคณะว่า จงรักกันและกัน และรักษาธรรมนูญของพวกเราให้มากๆ และทันทีที่ข่าวการจากไปไม่วันกลับของท่านแพร่ไป นักบุญตายแล้ว ก็ดังขึ้นในเซคอนดิกลีอาโน



หลังจากนั้นผ่านการเดินเรื่อง นามของท่านอธิการตามที่ชาวบ้านเรียก ก็ได้รับการบันทึกนามในสารบบบุญราศี โดยสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ในวันที่ 14 เมษายน ค..2002 และในวันที่ 12 ตุลาคม ค..2008 สมเด็จพระเบเนดิกต์ ที่ 16 ก็ทรงสถาปนาท่านเป็นนักบุญ

ขอถวายพระพรแด่พระเจ้า เพราะพระองค์ทรงสำแดงความรักมั่นคงอย่างน่าพิศวงแก่ข้าพเจ้า (สดุดี 31:21) ความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อเรา หลายๆคนก็ต่างได้พบกับความรักของพระเจ้าในหลายโอกาส คงไม่ต้องอธิบายมาก ว่าพระเจ้าทรงมีความรักต่อเรามากแค่ไหน พระองค์ทรงรอที่จะอภัยเสมอ ไม่ว่าเวลาไหน ทรงเป็นบิดาที่โกธรช้า อภัยง่าย ดังนั้นมันจึงไม่ดีหรอกหรือที่จะนำความรักนี้ไปให้ทุกคนได้รู้ ได้สัมผัส แน่นอนว่ามันอาจจะไม่มีใครฟัง ให้เราระลึกถึงคำของท่านที่สอนว่า จงทำมันในด้วยความเพียร และเธอก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงในพวกเขา  เราต้องพยายามทำมัน ทำให้ชีวิตสรรเสริญพระด้วยการประกาศความรักของพระองค์ ผ่านทั้งคำพูดและการกระทำ เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสกับความรักอันน่าพิศวง และถวายพระพรพระองค์ ร่วมกับเรา แบบฉบับที่เห็นได้ชัดของนักบุญกาเอตาโน ที่ต้องการให้ทุกๆคนได้สัมผัสกับความรักของบิดา ผู้โกธรช้า แต่อภัยเร็ว



เคล็ดลับความศักดิ์สิทธิ์ของนักบุญกาเอตาโน

1.คุกเข่าสวดกับพื้น :   ท่าทำอย่างนี้เสมอในห้องพัก จนชนิดที่ว่าเกิดรอยหัวเข่าของท่านที่พื้น ซึ่งการสวดภาวนาทำให้ท่านได้พบที่พักพิงและพละกำลัง
2.พลีกรรม : ในทุกๆวันศุกร์และวันเสาร์ ท่านจะรับประทานเพียงน้ำซุป ส่วนในวันพุธท่านจะรับแต่ขนมปังกับน้ำ นอกจากนั้นท่านยังมักนอนกับพื้น สวมผ้ากระสอบ เฆี่ยนตีตัวเอง รวมถึงอดอาหารเพื่อนำอาหารไปช่วยคนยากไร้


กฎเบื้องตนของคณะที่เขียนโดยนักบุญกาเอตาโน

พระบิดานิรันดร ในการประทานความรักของพระองค์ในหัวใจของทุกๆคน ทรงได้เลือกสรรดวงหฤทัยของพระเยซูเจ้าและพระแม่มารีย์มาก่อนคนอื่น ฉะนั้นเป้าหมายแรกของธรรมทูตแห่งดวงพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าและพระแม่มารีย์ ก็คือการทำงานหนักเพื่อให้ทุกๆคนได้รับรู้ ถึงความรักอันร้อนแรงที่ดวงพระหฤทัยทั้งสองมีเพื่อพวกเรา และจุดไฟความศักดิ์สิทธิ์นี้ และทำให้ความรักฝังลงไปในหัวใจของมนุษยชาติทั้งหมด



ข้าแต่ท่านนักบุญกาเอตาโน เอร์ริโก ช่วยวิงวอนเทอญ



ข้อมูลอ้างอิง

'เบร์นาร์โด ฟรานซิสโก' ให้ชีวิตนี้เป็นสะพานนำรักพระองค์ไป ตอนจบ

บุญราศีเบร์นาร์โด ฟรานซิสโก เด โอโยส เด เซญา Bl. Bernardo Francisco de Hoyos de Seña วันฉลอง: 29 พฤษจิกายน ผู้ใหญ่ในคณะคนแรก ๆ ที่ท่านแสวงหา...