วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2558

"ลินดัลวา" ชีวิตเธอเพื่อรับใช้



บุญราศีลินดัลวา จูสโต เด โอรีเวียรา
Bl. Lindalva Justo de Oliveira
ฉลองในวันที่ :  7 มกราคม

เพลง พระเจ้านั้นแสนดี ดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศของความอาลัย ในตัวภคินีนางหนึ่งที่ได้สิ้นใจลงไปเมื่อวานอย่างกะทันหัน จากเสียงของบรรดาภคินีร่วมอาราม ที่มาพร้อมกับผู้คนที่ต้องการมาส่งซิสเตอร์ที่เขารักเป็นครั้งสุดท้าย พระเจ้านั้นแสนดี พระเมตตาพระองค์อยู่เป็นนิจ ทำนองนี้เคยดังจากริมปากที่ปิดสนิทคู่นั้น ให้พวกเขาในบ้านของซิสเตอร์เมตตาธรรมได้ฟัง ช่างชวนให้นึกถึงวันวานที่เธอผู้นี้ยังมีลมหายใจอยู่

ลินดัลวา จูซโต เด โอลิวีรา เกิดในวันที่ 20 ตุลาคม ค.ศ.1953 ในครอบครัวของเกษตรกรนาม ยวง จูสโท ดา เฟ กับ มาเรีย ลูเซีย ดา เฟ ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ยากจนของรัฐรีโอกรันดีโดนอร์เต ประเทศบราซิล ท่านเป็นบุตรคนที่คนหกจากสิบสามคนของครอบครัว อันที่จริงก่อนหน้านี้บิดาของท่านเคยสมรสแล้วครั้งหนึ่ง ก่อนกลายเป็นพ่อหม้ายลูกติดสามคนแล้วจึงมาสมรสใหม่กับมารดาท่าน ดังนั้นท่านจึงมีพี่น้องต่างมารดาสามคนและเมื่อรวมกับพี่น้องร่วมบิดามารดาของท่านแล้วท่านจึงมีพี่น้องรวมทั้งสิ้นสิบห้าคน   ท่านได้รับศีลล้างบาปในวันที่ 7 มกราคม ปีเดียวกัน โดยคุณพ่อจูลิโอ อัลวีส เบเซร์รา ในวัดน้อยโอลโฮ ดากัว เขตวัดนักบุญยอห์น บัพติส


ครอบครัวไม่เล็กมากของท่าน ถึงแม้จะไม่ได้เป็นมหาเศรษฐี แต่ครอบครัวของท่านก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความศรัทธาและวิถีชีวิตของคริสตชน ดังนั้นบิดามารดาจึงกลายเป็นครูคนแรกของจิตวิญญาณน้อยๆของท่าน มารดาของท่านคอยสอนท่านเรื่องพื้นฐานความเชื่อและบทภาวนาต่างๆ เช่นกันบิดาของท่านก็จะคอยอ่านพระคัมภีร์ให้ท่านและพี่น้องของท่านฟังเสมอ และเพื่อให้เด็กๆได้รับการศึกษาอย่าสม่ำเสมอในโรงเรียน ครอบครัวของท่านจึงตัดสินใจย้ายไปอยู่อซู ในปี ค.ศ.1961 ที่นั่นด้วยความวิริยะอุสาหะ ครอบครัวของท่านก็สามารถที่จะซื้อบ้านที่ครอบครัวของท่านอยู่ที่นั่นจนถึงปัจจุบัน

ตั้งแต่วัยเยาว์ท่านก็ถูกดึงดูดเป็นพิเศษจากเด็กเล็กและใช้เวลาส่วนใหญ่ของท่านที่จะช่วยพวกเขา รักษาพวกเขา ดังนั้นมารดาของท่านจึงกลายมาเป็นต้นแบบที่ดีของท่านในการดูแลและช่วยเหลือเด็กผู้ยากไร้ ต่อมาในช่วงปลายระดับชั้นประถมศึกษา ขณะอายุประมาณ 12 ปี ท่านก็ได้รับศีลมหาสนิทเป็นครั้งแรก ในช่วงวัยรุ่นท่านจะใช้เวลาส่วนมากอยู่ในโรงเรียน คอยให้ความช่วยเหลือผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือมิตรสหายของท่านและในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ของท่านก็จะหมดไปกลับการเก็บรวบรวมสินค้าเกษตรกรรมที่จะได้เงินบางส่วนกับการช่วยเหลืองานของครอบครัวท่าน



และถึงแม้ว่าท่านจะเป็นคนที่พร้อมเสมอที่จะช่วยเหลือเด็ก ผู้สูงอายุและผู้ป่วย ท่านก็ไม่เคยลืมที่จะอุทิศตัวอย่างจริงจังเพื่อการศึกษาของท่านเลย ในปี ค.ศ.1979 ท่านจึงได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพของ ผู้ช่วยฝ่ายบริหาร  จากโรงเรียนมัธยมเฮลเวซิโอ ดายท์ (Scuola Superiore Helvécio Dahe) ใน  นาตาล ขณะที่ท่านอาศัยอยู่กับครอบครัวของพี่ชายท่าน

ในขณะเดียวกันนั้นเองระหว่างที่ท่านเรียนและช่วยเหลือผู้อื่น ตั้งแต่ปีค.ศ.1978-ค.ศ.1988 ท่านก็ได้ทำงานเป็นพนักงานขายในร้านและแคชเชียร์ในปั้มน้ำมันตามลำดับ ซึ่งทุกครั้งเมื่อได้เงินเดือนมาท่านก็จะส่งบางส่วนไปให้แก่มารดาท่านและเก็บส่วนที่เหลือไว้ใช้จ่ายส่วนตัวท่าน และในทุกๆวันหลังเลิกงานท่านก็จะแวะไปเยี่ยมผู้สูงอายุที่บ้านพักในท้องถิ่นอยู่เสมอ



ต่อมาท่านก็เริ่มที่จะเข้าร่วมทำงานกับบรรดาภคินีธิดาเมตตาธรรมและกลุ่มสำหรับผู้สูงอายุที่ทุ่มเทตัวเองอย่างไม่เห็นแก่ตัวที่จะอาสาทำงาน  แต่ทุกอย่างล้วนเป็นสัจธรรมของชีวิตมีเกิดย่อมดับสูญไปเป็นนิจ บิดาของท่านก็เช่นกันหลังจากเขาต้องทนทุกข์จากโรคภัย บิดาของท่านก็เสียชีวิตลงในปีค.ศ.1982 ด้วยโรคมะเร็งในช่องท้อง ในระหว่างที่ท่านดูแลเขาด้วยความรัก บัดนี้เมื่อบิดาสิ้นแล้ว ท่านก็ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะอุทิศตนเพื่อคนยากไร้

หลังจากนั้น ท่านก็ได้เข้าศึกษาต่อในเรื่องหลักสูตรเทคนิคการพยาบาล เวลาเดียวก็เรียนกีตาร์และวัฒนธรรม จนต่อมาหลังปีค.ศ.1986 คุณแม่อธิการก็ได้ชวนท่านไปค่ายกระแสเรียกของคณะธิดาเมตตาธรรม ซึ่งมันบ่มเพาะให้ดวงใจน้อยๆของท่านมีความปรารถนาที่จะให้บริการแด่ผู้น่าสงสารทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ดังนั้นท่านจึงตัดสินใจเข้าคณะธิดาเมตตาธรรมในตอนท้ายของปีค.ศ.1987 และได้รับศีลกำลังโดยพระสังฆราช



ดิฉันปรารถนาความสุขแห่งสวรรค์ ที่เอ่อล้นไปด้วยความยินดีและความปรารถนาที่จะช่วยเหลือคนอื่น โดยไม่รู้จักเบื่อในการทำความดี ในวัย 33 ปี ท่านก็เข้าเป็นโปสตุลันต์ของคณะธิดาเมตตาธรรมในวันฉลองแม่พระเมืองลูร์ด ที่ 11 กุมภาพันธ์ ค..1988 ณ บ้านคณะที่เรซีเฟ ซึ่งในฐานะโปสตุลันต์ ท่านก็ขยันผูกมิตรกับทุกคน ขณะเดียวกันก็ขยันเตรียมตนให้พร้อมรับใช้คนยากไร้ ดั่งที่ท่านเขียนถึงเพื่อนของท่านว่า ความต้องการเพียงเดียวของท่านก็คือ การรับใช้ด้วยความถ่อมใจในพระความรักของพระคริสตเจ้า

และยิ่งย้ำเตือนด้วยการกระทำ ไม่ว่าจะเป็นการไปอยู่กับเด็กๆในสลัม หรือการช่วยขนอิฐเพื่อสร้างบ้านให้คนยากไร้ ไม่มีใครในโลกอยู่ได้โดยปราศจากความรัก ปราศจากเพื่อน ชีวิตของเราคือการเป็นเพื่อน คือการค้นหาอาหารที่ทำให้เราเติบโตในความรักของพระคริสตเจ้า ผู้ทรงรักเรา ท่านเขียนถึงเพื่อนของท่าน  16 กรกฎาคม ค..1989 ท่านพร้อมโปสตุลันต์อีกห้าคนก็เข้าเป็นโนวิสของคณะ และจากจดหมายถึงมารดาและอามารา ก็แสดงชัดถึงความสุข และการอุทิศตนสำหรับพันธกิจใหม่ของท่านอย่างชัดเจน



และนอกจากจดหมายถึงมารดาและเพื่อน ท่านยังส่งจดหมายไปหาบรรดาญาติๆของที่ที่เหินห่างไปจากพระ เพื่อเรียกร้องให้พวกเขาเปลี่ยนวิถีชีวิตแบบนั้นเสีย โดยเฉพาะอันโตนีโอ พี่ชายของท่าน ที่ติดเหล้างอมแงม ท่านได้เขียนถึงเขาว่า คิดถึงมันและให้รางวัลแก่ตัวเอง น้องสวดให้พี่มากๆและจะยังสวดต่อไป ซึ่งหากจำเป็นจริงๆน้องจะทำพลีกรรมให้พี่สามารถเติมเต็มตัวพี่เองด้วยตัวพี่ ติดตามพระเยซูเจ้า ผู้ต่อสู้จนสิ้นพระชนม์เพื่อชีวิตของคนบาปทั้งหลาย และผู้มอบชีวิตของพระองค์เอง ไม่ใช่ในฐานะพระเจ้าแต่ในฐานะมนุษย์เพื่อยกบาปทั้งหลาย พวกเราต้องแสวงหาที่หลบภัยในพระองค์ ในพระองค์เท่านั้นคือชีวิตที่คุ่มค่า และอัศจรรย์ก็บังเกิด ปีถัดมาพี่ชายของท่านเลิกเหล้าได้ และหนึ่งในเพื่อนของท่านก็ตัดสินใจสัมครเข้าคณะเดียวกัน นับเป็นความยินดีถึงสองเด้งสำหรับท่าน

29 มกราคม ค..1991 ท่านก็เข้าพิธีปฏิญาณตน และถูกส่งบ้านพักคนชราชายชื่อบ้านพักเปดรูที่ 2 เขตเทศบาลซัลวาดอร์ เด บาเฮีย ที่มีคนชราอยู่ถึง 40 คน ท่านรับมันด้วยความนบนอบ และเริ่มมอบความเรียบง่าย มิตรภาพ และความสุขกับทุกคนไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ซิสเตอร์ พนักงานโรงพยาบาล หรือผู้ใช้บริการก็ตาม  แม้ในช่วงที่ทุกข์ยากขนาดไหน ท่านไม่เคยเปลี่ยน ท่านร่าเริง มีความสุข และไม่เคยขออะไรให้ตนเองตลอด



ในฐานะพยาบาลที่ดี ท่านดูแลบรรดาผู้ป่วยชราภาพดั่งเช่นทาสีรับใช้เจ้านาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาตรีทูต ท่านก็จะรับใช้อย่างดีในฝ่ายกาย ส่วนในฝ่ายจิตท่านก็จะคอยกระตุ้นให้เขารับศีลศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนั้นเมื่อได้รับอนุญาตท่านก็จะร้องเพลงและสวดภาวนาร่วมกับพวกเขา บทเพลงหนึ่งในนั้นก็คือ พระเจ้านั้นแสนดี และไม่เพียงเท่านั้น ท่านยังถึงกับลงทุนไปเรียนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่มา เพื่อจะได้ขับพาบรรดาคนชราที่ท่านดูแลออกไปกินลมชมวิว และในฐานะซิสเตอร์คนหนึ่ง ท่านไม่เคยปิดบังอำพรางอะไรคุณแม่อธิการ ท่านเป็นมิตรและน่ารักกับซิสเตอร์ทุกคน วิญญาณของท่านสุกสว่างไปด้วยความสุข ความพร้อม การสวดภาวนา และการมองโลกในแง่ดีอย่างมีชีวิตชีวา

ทุกอย่างดูมีความสุขดี กระทั้งในเดือนมกราคม ค..1993 เมื่อบ้านพักได้รับชายวัย 46 ปี เข้ามาทั้งๆที่เขาไม่มีสิทธิ์เข้าพักใดๆ ชายผู้นี้แหละจะเปลี่ยนชีวิตท่านไปตลอดกาล นามเขาคือ เอากุสโต ดา ซิลวา เปโซโต แต่แม้จะไม่อยู่ในเกณฑ์เท่าไรนัก ท่านก็ปฏิบัติต่อเขาด้วยความสุภาพเช่นเดียวกับที่ท่านปฏิบัติต่อคนอื่นๆ แต่ไม่รู้เป็นอย่างไร มันกลับทำให้คนประหลาดและไม่เป็นมิตรอย่างเอากุสโต ตกหลุมรักซิสเตอร์สาวคนนี้เข้าเต็มเปาซะแล้ว



ฝ่ายท่านเองก็ทราบเรื่องนี้ดี ท่านจึงเริ่มรักษาระยะห่างจากเขา และเริ่มระแวดระวังตัวท่านเองมากขึ้น ส่วนฝ่ายเอากุสโตนั้นก็ยิ่งประกาศชัดกับหลายๆคนถึงความตั้งใจของเขา เขาจะต้องได้เธอ ทำให้ท่านยิ่งหวาดกลัวเขามากขึ้น จนถึงขั้นต้องไปรับทุกข์กับเพื่อนซิสเตอร์ด้วยกัน เวลานี้คงมีวิธีเดียวที่ง่ายและเร็วก็คือการย้ายไปจากที่นี่ แต่ด้วยความรักต่อบรรดาคนชรา ท่านจึงเลือกที่จะอยู่ต่อ วันหนึ่งท่านปรับทุกข์กับซิสเตอร์คนหนึ่งด้วยความวางใจว่า ฉันชอบที่จะหลั่งเลือดของดิฉันมากกว่าการที่จะออกจากที่นี่

แม้จะไม่ได้รับกาสนใจ เอากุสโตก็ยังคงไม่ละความพยายาม ไม่ว่าจะเวลาไหน จนบังคับให้ซิสเตอร์ต้องนำเรื่องนี้ ไปแจ้งแก่ผู้อำนวยการฝ่ายบริการสังคมของบ้านพักให้ทราบถึงเรื่องนี้ ดังนั้นในวันที่ 30 มีนาคม นางมาร์การิตา มาเรีย ซีวา เด อาเซเวโด จึงเรียกเอากุสโตเข้ามาคุยอย่างเป็นทางการ เพื่อให้เขาได้ปรับทัศนคติของเขาในการให้เกียรติซิสเตอร์และคนอื่น เขารับฟังและสัญญาว่าจะปรับปรุง เวลานี้ทุกอย่างเหมือนจะจบลงด้วยดี แต่เปล่าเลย เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นต่างหากละ



ทันทีหลังจากวันนั้น ความรักที่เคยมีให้ก็แปรเปลี่ยนเป็นความเคียดแค้นชิงชัง ผสมรวมกับความต้องการ ความอับอาย ก็ทำให้เขาคิดแผนการแก้แค้นอย่างสาสมขึ้นมา เริ่มจากในเช้าวันจันทร์ที่ 5 เมษายน ของสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ เขาก็แอบลอบไปซื้อมีดมาจากพ่อค้าปลา ก่อนนำมาซ่อนไว้และแสร้งทำตนเป็นคนดี เพื่อรอคอยจังหวะที่เขาจะทำมัน

เช้าวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ที่ 9 เมษายน ค..1993 เวลาตีสี่ครึ่ง ท่านออกไปร่วมเดินรูปที่วัดแม่พระแห่งการเดินทางที่ดี พยานรายงานว่า ซิสเตอร์ลินดัลวาเดิน สวดภาวนา ร้องเพลงและร่วมขบวนด้วยความสงบ หลังจากนั้นท่านจึงกลับมาเตรียมตัวและบริการอาหารเช้าผู้สูงอายุในเวลาเจ็ดนาฬิกา มีขนมปัง นมและกาแฟตามปกติ แต่โดยที่ไม่มีใครรู้คือว่าเอากุสโต กำลังเฝ้ารอเวลาที่ท่านจะไปถึงที่ที่เขาวางแผนไว้ อยู่ภายนอกห้องอาหาร กระทั้งเมื่อท่านมาถึงจุดนั้นตามที่เขาคำนวณ เขาก็ตรงขึ้นไปบันไดด้านนอกในทันที



เสียงเปิดประตูดังขึ้น เป็นจังหวะเดียวกับที่ท่านมาถึงและกำลังเทกาแฟลงในถ้วย เอากุสโตรีบชักมีดที่เตรียมไว้ออกมา ขณะเดียวกันก็คว้าไหล่ของท่าน ฉุดให้ท่านหันไปประจันหน้ากับเขา แต่ยังไม่ทันที่ท่านจะพูดอะไร เขาก็ใช้มีดแทงเข้าที่เหนือไหปลาร้าซ้ายของท่าน บาดแผลลึกตั้งแต่คอไปจนถึงปอด ส่งผลให้ท่านล้มลงและเริ่มร่ำไห้ พร้อมกล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าปกป้องลูกด้วย สองถึงสามครั้ง ฝ่ายเอากุสโต เมื่อเห็นท่านล้มลงก็จัดการแทงท่านอย่างบ้าคลั่งไปทั่วทั้งร่างกาย

จนเลือดของท่านอาบไปทั่วบริเวณนั้น ฝั่งคนที่เรียกสติกลับมาได้ ก็รีบตรงดิ่งเข้าไปห้าม แต่ก็ถูกเอากุสโตหันมาขู่พร้อมมีดว่า ใครหน้าไหนเสนอหน้าเข้าไปใกล้ เขาจะฆ่าทิ้งเสียให้หมด ก่อนจะหันมาพูดขึ้นว่า ฉันควรจะทำอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว ผู้ชราทุกคนถูกพากลับห้อง ทิ้งเอากุสโตที่ตอนนี้กำลังบ้าดีเดือดให้แทงท่านต่อไป กระทั้งคุณหมอเฟรรี วิ่งมาถึงที่เกิดเหตุ เอากุสโตจึงสงบ ประดุจว่าไม่เคยเกิดอะไรขึ้น เขานั่งบนม้านั่ง ขณะเดียวกันก็เช็ดมีดเปื้อนเลือดกับกางเกง แล้วโยนไปที่โต๊ะไปพร้อมอุทานว่า เธอไม่เคยต้องการฉันเลย ก่อนจะหันไปบอกคุณหมอเฟรรีง่ายๆว่า คุณเรียกตำรวจได้เลยนะ ผมไม่หนีหรอก ผมได้ทำในสิ่งที่ต้องทำแล้วละ



ตำรวจมาถึงสถานที่เกิดเหตุและได้คุมตัวเอากุสโตไปสอบสวน ซึ่งภายหลังการตัดสินเอากุสโตถูกส่งไปรักษา ณ โรงพยาบาลจิตเวส ที่เวลาสิบนาฬิกาสามสิบนาที ร่างของท่านก็ถูกเคลื่อนย้ายไปยังสถาบันนิติเวช ผลชันสูตรออกมาพบว่าท่านถูกแทงทั้งสิ้น 44 แผล กระจายอยู่ทั่วตลอดทั้งร่างกาย โลงศพและร่างของท่านถูกวางระหว่างรูปแม่พระมหาทุกข์กับพระรูปพระศพที่ใช้ในการจัดเดินรูปทุกปี ทั้งคืนมีผู้คนจากทั่วสารทิศผลัดเปลี่ยนกันมาสวดภาวนา กระทั้งเช้าของวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์จึงมีพิธีปลงศพวัย 39 ปีของท่าน เพียงไม่กีปีของซิสเตอร์ลินดัลวาก็เพียงพอแล้วสำหรับมงกุฎแห่งผู้ถวายตนและมรณสักขี คำเทศน์ของพระคุณเจ้าพระคาร์ดินัลลูคัส ประธานพิธีปลงศพท่าน และที่สุดในวันที่ 2 ธันวาคม ค..2007 สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ก็ทรงบันทึกนามท่านไว้ในสารบบบุญราศี


แต่เราจงรักกันด้วยการกระทำ และด้วยความจริง(1 ยอห์น 3:18) ชีวิตของท่านโดดเด่นออกมานอกจากการสิ้นใจเพื่อคงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์แล้ว ชีวิตของท่านยังโดดเด่นออกมา ด้วยการรับใช้อย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย ท่านตระหนักถึงอะไรคงดั่งพระวาจาที่ยกมา ท่านกำลังบอกเราว่างานเมตตาไม่ใช่เพียงแค่งานช่วยเหลือเขา แต่คืองานที่เราเต็มเติมบางสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิตของเขา ตามที่เราสามารถจะทำได้ตามพระพรที่เรามีแตกต่างกัน บางทีอาจจะไม่ใช่วัตถุ แต่อาจเป็นเพียงความสุขเล็กๆ ผ่านสิ่งต่างๆ เพราะพันธกิจเมตตานี้คือสิ่งที่พระทรงมอบให้เรานับแต่วันเรารับศีลล้างบาป พระองค์ทรงขอให้เราเป็นพระองค์เองในหมู่พี่น้อง ให้เราเป็นพระเยซูเจ้าในทุกคน เพื่อจะได้นำทุกคนให้ได้สัมผัสพระผ่านเรา ชีวิตท่านคล้ายสอนเราว่า ให้เราก้าวไปเป็นเครื่องมือสื่อความเมตตารักไปยังทุกคน  “ไม่มีใครในโลกอยู่ได้โดยปราศจากความรัก ปราศจากเพื่อน … ชีวิตของเราคือการเป็นเพื่อน คือการค้นหาอาหารที่ทำให้เราเติบโตในความรักของพระคริสตเจ้า ผู้ทรงรักเรา”  ท่านกล่าวไว้


พิธีสถาปนา

มารดาของท่าน






ข้าแต่ท่านบุญราศีลินดัลวา จูสโต เด โอรีเวียรา ช่วยวิงวอนเทอญ



ข้อมูลอ้างอิง

'เบร์นาร์โด ฟรานซิสโก' ให้ชีวิตนี้เป็นสะพานนำรักพระองค์ไป ตอนจบ

บุญราศีเบร์นาร์โด ฟรานซิสโก เด โอโยส เด เซญา Bl. Bernardo Francisco de Hoyos de Seña วันฉลอง: 29 พฤษจิกายน [ย้อนกลับไปอ่าน  “‘เบร์นาร์โด ฟรา...