บุญราศีโยซาฟาตา
โฮรดาแช็ฟสกา
Bl. Josaphata
Hordashevska
ฉลองในวันที่ : 20 พฤศจิกายน
แม้นแสงแดดจะร้อนเพียงใด
ณ สนามแข่งม้าเมืองลวีฟ
ผู้คนมากมายก็ต่างมาร่วมเป็นประจักษ์พยานในการสถาปนาบุญราศีใหม่ของจารีตยูเครเนี่ยน
กรีก คาทอลิก 28 องค์
ภาพไอคอนสีทองจำนวนสี่ภาพค่อยๆทยอยถูกแห่ขึ้นไปยังเวทีชั่วคราวสีขาว ประกอบด้วยภาพของมรณสักขีกลุ่มใหญ่หนึ่งภาพ
ภาพพระสงฆ์อีกสองภาพ และภาพซิสเตอร์อีกหนึ่งที่แต่งกายด้วยชุดสีน้ำเงินยาว พร้อมผ้าคุลมศีรษะสีดำ
อันเป็นภาพของซิสเตอร์คณะภคินีผู้รับใช้แห่งพระนางมารีย์ผู้นิรมลนาม “โยซาฟาตา”
ซิสเตอร์โยซาฟาตาเป็นใคร
เรื่องนี้ก็คงต้องเริ่มตั้งแต่วันที่ไมเคอลีนา โฮรดาแช็ฟสกา ลืมตาดูโลกในลวีฟ
ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 20
พฤศจิกายน ค.ศ.1869 ก่อนจะค่อยๆเติบโตขึ้นไปทั้งทางกายและจิตใจในครอบครัวคริสตชนยูเครเนี่ยน
กรีก คาทอลิก และดูเหมือนว่าตั้งแต่เยาว์วัยท่านจะแสดงออกอย่างชัดเจนถึงความศรัทธาอันยิ่งใหญ่
ด้วยพร้อมพี่สาวของท่าน อันนา ท่านตัดสินใจเลียนแบบฤษีด้วยการกินรากผัก
ขณะเดียวกันหลายต่อหลายครั้งท่านก็มักวิ่งเข้าไปสวดในวัดน้อยในป่าใกล้ๆบ้านเสมอ
กระทั้งมีวัยได้
18 ปี ท่านก็มีความคิดว่าจะเข้าอารามของซิสเตอร์คณะบาซีเลี่ยน
อันคณะนักบวชเดียวของผู้หญิงตามจารีตตะวันออกในเวลานั้น กระทั้งในปี ค.ศ.1888 ที่อายุ 19 ท่านก็ได้มีโอกาสเข้าเงียบกับคุณพ่อเยเรมีย์
ลอมนีตสกี คณะบราซีเลี่ยน และในท่ามกลางความเงียบนั้นเอง
ท่านก็ได้ค้นพบกระแสเรียกที่จะอุทิศตนเองทั้งครบแด่พระเจ้า และแสวงหาการนำของพระองค์ในความสันโดษ
กระทั้งได้รับอนุญาตจากคุณพ่อเยเรมีย์ คุณพ่อวิญญาณของท่าน ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ.1889 ท่านก็ได้ปฏิญาณตนถือพรหมจรรย์เป็นระยะเวลาหนึ่งปี
ก่อนปฏิญาณอีกครั้งในเดือนพฤษภาคม ปีถัดมา จนถึงในปี ค.ศ.1901
คุณพ่อวิญญาณของท่านก็ได้ทำให้ท่านต้องแปลกใจ
คณะใหม่งั้นหรือ
ถูกแล้ว คุณพ่อได้มาถามท่านว่าท่านยินดีจะเข้าเป็นสมาชิกคนแรกของคณะใหม่ที่คุณพ่อวางแผนพร้อมกับเพื่อนสงฆ์ประจำซูเซลอีกคนไหม
เพราะเนื่องจากในเวลานั้น
ชาวยูเครนมากมายที่อาศัยอยู่ในยุโรปตะวันออกภายใต้การปกครองของจักรวรรดิฮังการีต้องตกอยู่ในความยากไร้มากมายทั้งฝ่ายกายและฝ่ายจิต
ผู้หญิงและเด็กถูกทอดทิ้ง โดยเฉพาะในหมู่บ้านที่ถูกครอบงำด้วยความผิดศีลธรรม
ความไม่รู้หนังสือ ไสยศาสตร์และความมึนเมา
จะหันไปพึ่งคณะนักบวชหญิงก็มีแต่คณะบาซีเลี่ยนที่เป็นคณะนักพรตซึ่งขังตัวในเขตพรต ดังนั้นมันจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีคณะนักบวชหญิงที่จะก้าวไปบนสนามแห่งการแพร่ธรรมนี้
เพื่อประกาศพระวรสารอย่างที่ริเริ่มไว้โดยคุณพ่อคณะบาซีเลี่ยนผ่านการเข้าเงียบและการแพร่ธรรม
อย่างต่อเนื่องในชีวิตประจำวัน ด้วยการสอนคำสอนอันจะเป็นทางสำหรับการสร้างความเชื่อในประชากรของพระเจ้า
คุณพ่อวิญญาณท่านพยายามเสนอท่านว่าแทนที่ท่านจะเข้าคณะบาซีเลี่ยน
ท่านอาจจะเข้าและก่อคณะแพร่ธรรมใหม่นี้
แต่ท่านก็ยังไม่ตัดสินใจในทันทีและขอเวลาสวดภาวนาเพื่อดูว่านี่ใช่น้ำพระทัยสำหรับท่านจริงๆหรือไม่ และเพียงไม่กี่วันท่านก็กลับมาหาคุณพ่อพร้อมคำตอบอันกล้าหาญว่าได้
ถ้าผู้คนต้องการท่าน
ท่านก็เต็มใจและพร้อมที่จะเสียสละสิ่งต่างและที่จะเผชิญกับกางเขนทุกชนิดจากคณะใหม่นี้
และเหนือสิ่งอื่นใดท่านมั่นใจว่าสิ่งนี้แหละคือน้ำพระทัยของพระเจ้าสำหรับท่าน “ดิฉันลังเลอยู่ครู่ด้วยความไม่รู้
แต่ด้วยสายตาที่ต้องการของคนยากไร้ และด้วยตระหนักดีว่ามันเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า
ดิฉันจึงตัดสินใจทำตามเสียงของพระองค์ และน้อมรับความทุกข์ยากทั้งหมดซึ่งจะนำมาในคณะในอนาคต
”
ดังนั้นเมื่อท่านเห็นด้วยเช่นนี้
คุณพ่อวิญญาณของท่านจึงส่งท่านไปพักกับซิสเตอร์คณะเฟลีเชี่ยนเป็นระยะเวลาสองเดือนเริ่มตั้งแต่วันที่
17 มิถุนายน
ค.ศ.1892 ที่อารามของคณะใกล้ๆลวีฟ
เพื่อศึกษาชีวิตนักบวชที่ไม่ได้จำกัดตนเองในเขตพรต
ซึ่งพวกเขาก็ยินดีจะรับท่านเข้าคณะ แต่ท่านตระหนักดีว่าหากท่านเข้าคณะโปลิชนี้
ท่านก็จะถูกพาออกห่างจากชาวยูเครนพี่น้องร่วมชาติที่กำลังทุกข์ยากจากการเมือง ท่านเดินทางกลับมายังลวีฟ
ในวันที่ 22 สิงหาคม
ปีนั้น พร้อมได้ออกแบบและตัดเย็บชุดคณะใหม่ในทันที
จนกระทั้งในวันที่
24 สิงหาคม
ท่านจึงได้รับชุดคณะใหม่นี้ด้วยชื่อใหม่ว่า “โยซาฟาตา” ตามนามของนักบุญโยซาฟัส
มรณสักขีเพื่อเอกภาพชาวยูเครนผู้ยิ่งใหญ่ หลังจากนั้นท่านจึงย้ายไปยังซูเซล
ที่ซึ่งคุณพ่อผู้ร่วมกับคุณพ่อวิญญาณของท่านได้เตรียมเด็กหญิงเจ็ดคนที่ปรารถนาจะเข้าคณะใหม่
อันเป็นการจุดเริ่มต้นของ และที่สุดในวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ.1892 “คณะภคินีผู้รับใช้แห่งพระนางมารีย์” ก็ได้ถูกตั้งขึ้น ณ วัดของซูเซล
โดยมีคุณแม่อธิการคนแรกคือท่าน
ทีละนิด
ละนิดจากที่เรียกว่าแทบไม่มีอะไรเลย คณะก็ค่อยๆเติบโต
โดยมีท่านคอยปกป้องไม่ให้สมาชิกออกจากจิตตารมณ์ตั้งต้นของคณะ ด้วยจิตใจที่ไม่มีขอบเขตที่จะปฏิบัติพันธกิจ
ท่านเคยกล่าวว่า“ผู้ฝึกมีความเข้าใจคนอื่นและรับใช้ผู้ต้องการย่อมเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด”
ท่านทราบถึงความต้องการของเพื่อนร่วมชาติของท่านดี
เวลาเดียวกันก็พบวิธีที่จะช่วยพวกเขาตามความต้องการ ตั้งแต่การก่อตั้งศูนย์รับเลี้ยงเด็กสำหรับเด็กเล็ก
การแจกยาฟรีสำหรับโรคทั่วๆไป การจัดการเรียนการสอนให้กับเด็กๆ
การสอนพระคัมภีร์และชีวประวัตินักบุญทั้งแก่เด็กและผู้ใหญ่ การตัดเย็บอาภรณ์ศักดิ์สิทธิ์เพื่อพระสงฆ์
การดูแลค่าใช้จ่ายสำหรับบำรุงวัด และการดูแลผู้ป่วยในช่วงเกิดโรคระบาด
“โยซาฟาตา
รักพระเจ้าในรูปผู้ยากไร้ของพระองค์” ซิสเตอร์ดอมินิก เยเนวีฟ สลาวูตา
ผู้ร้องขอให้มีการเปิดกระบวนการของท่านกล่าว มีครั้งหนึ่งระหว่างท่านอยู่ที่เซร์โวโนกรูด
ท่านก็ได้ทราบว่ามีขอทานหญิงคนหนึ่งกำลังถูกปล่อยให้ตายในโรงนาใกล้ๆ
ท่านจึงรีบตรงไปแบกเธอมายังอารามด้วยตัวเอง แต่เนื่องจากไม่มีเตียงพอ
ท่านจึงพาเธอไปยังเตียงของท่านเอง ก่อนจะจัดแจงเช็ดเนื้อเช็ดตัว
พร้อมฆ่าเชื้อให้แก่เธอ แล้วจึงเฝ้าดูแลเธอทั้งกลางวันและกลางคืน
กระทั้งเธอได้สิ้นใจในศีลในพรของพระ
กาลเวลาผ่านไปเป็นเวลาสิบปีจากไม่มีอะไรคณะก็มีบ้านถึง
26 แห่งทั่วยูเครน
และสมาชิกอีก 128 คน ดังนั้นจึงเป็นเวลาอันสมควรอย่างยิ่งที่คณะจะมีมหาอธิการริณีได้ซักที
จึงได้มีการเลือกขึ้นในวันที่ 26 มีนาคมปีนั้นและผลที่ได้ก็คือท่านได้รับเลือก
นอกจากนั้นคุณพ่อวิญญาณของท่านยังได้ตั้งท่านเป็นผู้แทนของคณะอีกด้วย
แต่เพียงไม่นานเมื่อพบการแบ่งแยกภายใน ท่านก็ขอสละตำแหน่งจากต่อพระอัครสังฆราชยูเครเนี่ยน
กรีก คาทอลิก แห่งลวีฟ และภายหลังได้มหาอธิการิณีคนใหม่ที่พระอัครสังฆราชแต่งตั้ง
ท่านและซิสเตอร์อีกคนของท่านก็ถูกสั่งห้ามปฏิญาณตนตลอดชีวิตสองปีติดกัน เวลาเดียวกันท่านก็ถูกส่งไปทำงานที่ยากที่สุดและถูกกีดกันจากการลงคะแนนเสียง
ท่านน้อมรับการปฏิเสธนี้อย่างกล้าหาญ
โดยไรซึ่งความท้อแท้ใดๆ แม้มันจะเป็นเรื่องอยุติธรรมสำหรับท่าน ท่านยังคงเฝ้าศีลในยามกลางคืน
หัวเราะกับบรรดาซิสเตอร์ในเวลาพักด้วยเรื่องเล่าต่างๆและกิจกรรมสันทนาการ ไม่เพียงเท่านั้นท่านยังได้เผยให้เห็นถึงขุมทรัพย์ฝ่ายจิตจำนวนมากของท่านแก่ทุกคน
ผ่านการเจริญชีวิต การทำงาน และการเดินทาง
แต่ด้วยคณะสงฆ์ได้ตัดสินใจเลือกท่านเป็นอัครผู้แทน
แม้ท่านจะไม่ได้ไปและด้วยมีผู้แทนถวายฎีกาปริมณฑลเพื่อขออนุมติให้ท่านได้เข้าพิธีปฏิญาณตน
ที่สุดท่านจึงได้รับอนุญาตให้เข้าพิธีปฏิญาณตน
ประการฉะนี้ในวันรุ่งขึ้นคือในวันที่ 11 พฤษภาคม ค.ศ.1909 ท่านจึงได้เข้าพิธีปฏิญาณตนตลอดชีพและกลายเป็นอัครผู้แทนตามความเห็นชอบของคณะสงฆ์นับแต่นั้น
แต่เพียงสามปีถัดมาท่านกก็เริ่มป่วยด้วยวัณโรคกระดูก
ซึ่งท่านก็เพียรทนน้อมรับมันไว้ด้วยความอดทนและความวางใจ ท่านยังคงยิ้มและได้สัญญาว่าจะคอยสวดภาวนาให้ซิสเตอร์ทุกคนในสวรรค์
พยาบาลที่ดูแลท่านได้ขอให้ท่านสวดขอให้พระมารับท่านไปไวๆ
และดูเหมือนท่านก็มั่นใจเช่นกันว่าไม่นานพระบิดาเจ้าจะมารับท่านไปรับรางวัลแล้ว
ท่านสวดในเวลาก่อนสิ้นใจไม่นานว่า “ข้าแต่พระเยซูเจ้า ข้าแต่พระเยซูเจ้า
ข้าแต่พระเยซูเจ้า ลูกปรารถนาเพียงพระองค์…โอ้ พระเจ้า ลูกปรารถนาไปสวรรค์”
กระทั้งลุถึงวันที่ 7 เมษายน ค.ศ.1919 ด้วยวัย 49 ปี ภายหลังจากกล่าวว่า “เยซู มารีย์ โยเซฟ ลูกขอถวายหัวใจของลูกแด่พวกท่าน” และจูบไม้กางเขน ท่านก็ถึงแก่มรณกรรมอย่างสงบ
ตรงตามที่ได้ทำนายไว้ ร่างไร้วิญญาณของท่านก็ถูกฝังไว้ที่สุสานคริสตีโนปิล
ก่อนในปี ค.ศ.1982
จึงมีการย้ายอัฐิของท่านมายังบ้านของคณะที่กรุงโรม
และหลังจากมีการเปิดกระบวนการขอแต่งตั้ง ในวันที่ 27 มิถุนายน ค.ศ.2001 สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ก็สถาปนาท่านเป็นบุญราศี
“ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด”(ลูกา 1:38) หรือ ฟีอัต ในภาษาละติน ช่างเป็นคำพูดที่เหมาะสมยิ่งที่จะติดปากบรรดาคริตชนทุกคนไม่ว่าจะชนชั้นไหน เพราะวลีๆนี้ไม่ใช่วลีที่ใครจะกล่าวได้ง่าย และยากยิ่งกว่าที่จะทำตาม เพราะการตอบรับเช่นนี้ คือการที่เราละทิ้งตัวเราเอง ความกังวลตามประสามนุษย์ แล้วกระโดดทิ้งตัวลงในพระหัตถ์ของพระเจ้าอย่างวางใจ เหมือนผู้หญิงคนหนึ่งที่เมื่อได้ยิน ชายผู้เป็นที่รักบอกว่า ‘กระโดดข้ามผานั้นมาเลย ผมจะรับคุณเอง’ แม้แรกฟังจะกลัว แต่เมื่อเห็นอ้อมแขนอันทรงพลังนั้นของเขาจะโอบไว้ได้ก็เชื่อมั่นและกระโดดไปหาเขา เช่นกันในหลายครั้งขอเวลาพระเจ้าทรงเรียกเราเช่นชายนั้น ให้เรากระโดดไปหาพระองค์ด้วยการตอบรับพระองค์ว่า ‘ฟีอัต’ ต่อทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา
คุณแม่โยซาฟา
เป็นแบบฉบับอีกอันหนึ่งของเรื่องนี้ คือเมื่อรู้ว่าคือน้ำพระทัย ท่านก็ไม่รีรอที่จะตอบรับน้ำพระทัยของพระเจ้าในการตั้งคณะ
แม้จะรู้เต็มอกว่าจะพบอะไรบ้าง ท่านก็ทำเช่นแม่พระ และยึดมั่นในคำตอบรับนี้ตลอดชีวิตของท่าน
โดยมิเคยสงสัยหรือเปลี่ยนใจเลย เวลานี้ชีวิตของท่านจึงยังคงเรียกร้องเราเสมอ ให้เรากล้าตอบว่า
‘ฟีอัต’ ต่อน้ำพระทัยในทุกๆเวลา เพื่อให้เราบรรลุถึงการชิดสนิทกับพระเป็นเจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ
อัลเลลูย อัลเลลูยา
“ข้าแต่ท่านบุญราศีโยซาฟาตา โฮรดาแช็ฟสกา
ช่วยวิงวอนเทอญ”
ข้อมูลอ้างอิง