วันพุธที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2557

"ท่านกอร์เน" ผู้เป็นแม่แบบ


นักบุญ ฌอง ชาร์ลส์ กอร์เน
St. Jean-Charles Cornay
ฉลองในวันที่ : 24 พฤศจิกายน

ผมจะต้องไปตังเกี๋ยเช่นเดียวกัน ผมจะต้องเป็นมรณสักขีเช่นเดียวกัน คือคำพูดกับตัวเองของเด็กชายวัย 9 นามเทโอฟาน ท่ามกลางฝูงแพะของเขาในเนินเขาเบล แลร์ หลังจากได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งที่ครอบครัวได้ซื้อมา ที่เป็นหนังสือที่พิมพ์หลายต่อหลายครั้ง หนังสือชีวประวัติของ ข้ารับใช้พระเจ้าฌอง ชาร์ลส์ กอร์เน ผู้ที่ได้จุดประกายกระแสเรียกแก่ผู้ในอนาคตถัดมาจะได้รับการขานนามว่า นักบุญเทโอฟาน เวนารด์

เรื่องราวที่จุดประกายแสงไฟแห่งกระแสเรียกของเด็กหนุ่มเทโอฟาน เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค..1809 ที่ ลูดัง จังหวัดเวียน ประเทศฝรั่งเศส ในครอบครัวคาทอลิกใจศรัทธาของฌอง บัพติส กอร์เน กับ ฟร็องซัว มายูด ที่ลูกสาวด้วยกันแล้วสองคนคือเอลิซาเบธ โอลิมป์ เมื่อเด็กชายตัวน้อยๆได้กำเนิดขึ้นก่อนจะได้รับศีลล้างบาปในวันที่  3 มีนาคม ปีเดียวกันที่วัดแซงต์ ปีแอร์ ดู มาร์ชี ของ ลูดัง โดยมีคุณลุงอองรี มายูด กับ คุณป้าเทแรส กอร์เน เป็นพ่อแม่ทูนหัวให้



หลังจากนั้นน้องชายยูจีนและหลุยส์ก็คลานตามท่านออกมา เมื่อเจริญวัยถึงวัยเรียนท่านก็ได้เข้าเรียนในโรงเรียนแซงต์ หลุยส์ ที่ โซมูร์ หลังจากนั้นท่านก็เข้าบ้านเณรเล็กของคณะเยซูอิต ของมงมอริลยง ก่อนต่อด้วยบ้านเณรใหญ่ของสังฆมณฑลปัวติเย่ร์ส ท่านเป็นเช่นนักเรียนธรรมดาๆ ที่อ่อนน้อมถ่อมตนและมีนิสัยอ่อนโยน

ท่านได้รับศีลโกนในวันที่ 1 มิถุนายน ค..1828 และศีลน้อยในวันที่ 14 มิถุนายน ค..1829 ในวัดของบ้านเณรใหญ่ ก่อนจะได้รับศีลบวชเป็นรองสังฆานุกรในวันที่ 6 มิถุนายน ค..1830 ณ อาสนวิหารนักบุญเปโตรและนักบุญเปาโลกของปัวติเย่ร์ส และเมื่อเรียนเทวศาสตร์จบ ท่านก็ได้หันเหชีวิตไปเข้าบ้านเณรของคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารัสแทน เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ปีเดียวกันนั้นเอง



การต่อสู้ครั้งเริ่มขึ้น เนื่องจากกระแสเรียกแห่งธรรมทูตของท่าน ท่านก็ต้องพบกับการต่อต้านและความเข้าใจผิดจากทั้งฝ่ายบิดาและมารดา เหตุว่าสมัยก่อนธรรมทูตเมื่ออกจากบ้านแล้วจะไม่มีวันได้กลับบ้านอีกเลย ซึ่งแน่นอนท่านเลือกที่จะสัตย์ซื่อต่อน้ำพระทัยของพระเจ้าจนที่สุดท่านก็สามารถชนะใจบิดามารดาได้ ท่านกล่าวกับมารดาของท่านว่า เพียงแค่ให้ลูกได้ไปปารีส ลูกก็จะมีเวลาถึงสามปีในการทบทวนกระแสเรียกของลูก และวิธีเตรียมตัวทั้งหลายก็เพื่อว่าถ้ามันคือของแท้นะครับ

ท่านอยู่ที่บ้านเณรของคณะเพียงช่วงเวลาสั้นๆ จากสภาพความไม่ปลอดภัยจากการกบฏในเดือนกรกฎาคม(คือการลุกฮือของประชาชนฝรั่งเศสในระหว่างวันที่ 26-29 กรกฎาคม ค..1830) ท่านบันทึกเหตุการณ์ในตอนนั้นลงในสมุดบันทึกของท่านว่า เมื่อวานบ้านเณรของพวกเราถูกบุกเข้ามาและเจ็ดหรือแปดโปสเตอร์ถูกติดไว้ ประกาศว่า ความตายแด่เยซูอิตของถนนดือบักและมีกริชประหนึ่งลายเซ็นไว้



ท่านได้รับศีลบวชเป็นสังฆานุกรอย่างสง่าในปี ค..1831 ก่อนจะถูกส่งลงเรือไปเป็นธรรมทูตที่เสฉวน ประเทศจีน อย่างเร่งรีบเพื่อจำเป็นต้องไปแทนธรรมทูตคนอื่น  ในจดหมายถึงบิดามารดาท่านลงวันที่ 11 สิงหาคม ค..1831 ได้เขียนไว้ดั่งเป็นการทำนายว่า ลูกรักคุณพ่อคุณแม่และลูกจะต้องแยกจากคุณพ่อคุณแม่แล้วอาจจะเป็นตลอดไปเลยก็ได้ ลูกได้รับการแจ้งเตือนในวันจันทร์เพื่อให้พร้อมที่จะออกเดินทางและมันเป็นวันที่ 21 นี้ครับ และเราจะต้องไปถึงบอกโดวส์ในวันที่ 25 ครับ

แต่จริงๆท่านออกจากปารีสในวันที่ 22 สิงหาคม ปีเดียวกัน ก่อนจะได้ลงเรือในวันที่ 17 กันยายน ท่านใช้เวลาเดินทางอยู่ที่หกเดือนท่านจึงมาถึงมาเก๊า และตังเกี๋ย ตามลำดับ ในท่ามกลางการเบียดเบียนคริสตชนของ ค..1831 แต่เนื่องจากคนนำทางที่ถูกส่งมารับท่านรับท่านไปตามแม่น้ำแยงซีเกียงเพื่อเข้าเข้าไปยังเสฉวน กลับมาไม่ถึง ทำให้ท่านจึงต้องติดอยู่ที่ตังเกี๋ยต่อไป



ที่นั่นสามปีถัดมาท่านก็ได้รับศีลอนุกรมอย่างลับๆโดยพระคุณเจ้าโยเซฟ มารี เป-ลาจี อาวาร์ด คณะมิสซังแห่งกรุงปารีส พระสังฆราชประจำสังฆมณฑลตังเกี๋ยตะวันตก หัวหน้างานธรรมทูต ที่ กรุงฮานอย เมื่อวันที่ 26 เมษายน ค..1834

ต่อมาในเดือนมกราคม ปี ค..1836 ท่านก็จำต้องเลือกระหว่างอยู่ที่ตังเกี๋ยต่อไป หรือ กลับไปที่มาเก๊า แต่ท่านก็เลือกที่จะอยู่ท่ามกลางชาวอันนัมผู้น่ารักต่อไป อย่างไรท่านก็ไม่เคยลืมจุดหมายในประเทศจีน แม้พันธกิจท่ามกลางชาวอันนัมหรือเวียดนามจะหนักหนาแค่ไหนโดยเฉพาการเบียดเบียนคริสตชน ท่านเขียนเล่าถึงความยากลำบากต่อเพื่อนร่วมชั้นที่ปัวติเย่ร์สว่าดังนี้ สามเดือนที่ผ่านมาพวกเราต้องตกอยู่ในสถานการณ์ความรุนแรงมากขึ้นมากคริสตชนถูกบังคับให้ละทิ้งความเชื่อ พวกเราต้องการพระสงฆ์พื้นเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเรา แต่ท่านก็ยังคงสงบและมีความสุข



นอกจากปัญหาการแพร่ธรรมแล้วท่านยังพบปัญหาด้านสุขภาพจากสภาพอากาศที่แตกต่าง ทุกวันดวงตาของลูกมันปฏิเสธที่จะรับใช้พวกเขา ลูกกังวลค่อนข้างมากว่าจะต้องตาบอดถาวรภายในสองหรือสามปี พระกรุณาของพระเจ้าได้เผยแสดงแก่ลูกที่ตังเกี๋ย ลูกจะต้องรับทรมานด้วยการสละจนกว่าลูกจะได้ปลดเปลื้องจากความชั่วร้ายของชีวิตนี้ เหตุว่าการคืนสู่บ้านเกิดของลูกจะเป็นยาสุดท้ายที่ลูกได้ร้องขอ ท่านเขียนถึงบิดามารดา เมื่อวานลูกพึ่งได้รับจดหมายของคุณพ่อคุณแม่ในปี ค..1825 เพื่อตอบคำถามของคุณพ่อคุณแม่ หัวและดวงตาอันน่าสงสารของลูกทรมานมาก ลูกต้องบังคับพวกมันในทุกๆวัน แต่ลูกจะต้องให้มันได้พักผ่อนอาจกดด้วยมือของลูกกับประคบด้วยน้ำที่ต้มแล้วครับ มันจึงทำให้ลูกอ่านหนังสือหรือพูดคุยนานๆไม่ค่อยได้ ดังนี้ลูกจึงมีชีวิตดั่งฤาษีและมีจิตที่ลึกซึ่งแทนธรรมทูตเลยทีเดียวครับ ท่านเขียนที่ต้นปี ค..1827
                                                                               
เมื่อการเบียดเบียนคริสตชนในเวียดนามทวีความรุนแรงขึ้นท่านก็จำต้องซ่อนในแพ หลังผ่านไปได้ราวห้าเดือนที่ไม่มีอะไร ผมก็อยู่ในบ้านหลังเก่าๆของผม ที่ผมต้องนั่งเงียบๆตลอดทั้งวันไม่สามารถจะทำอะไรได้เลยนอกจากมิสซาในตอนเช้าและนอนป่วยในตอนกลางคืน ท่านกล่าว



แต่หลังจากนั้นไม่นานท่านก็ถูกหักหลังเมื่อหนึ่งในผู้ที่ถูกจับชื่อนายดุ๊กไปในหมู่บ้านใกล้ๆได้เปิดเผยรายชื่อคริสตชนสำคัญๆ นอกจากนั้นเขายังได้แอบฝังปื้นไว้ใกล้ๆบ้านของท่านอีกด้วย ดังนั้นในคืนวันที่ 19-20 มิถุนายน ค..1837 ทหารหลายร้อยนายนำโดยภรรยาของดนายดุ๊กจึงกรีฑาไปล้อมหมู่บ้านเบ๊า โน ที่ท่านซ่อนตัวอยู่ แต่ที่สุดในเวลาประมาณบ่ายสี่โมง ท่านก็ถูกบังคับให้ออกจากพุ่มไม้ที่ท่านหลบซ่อนและเดินไปยังทหารและถูกจับ ท่านถูกจับใส่ขื่อคาและสอบปากคำ ก่อนจะถูกขังในกรงไม้ไผ่ เพื่อพาไปยังซอน ไต และถูกล่ามโซ่ในห้องขังที่กว้างกว่าไอ้เจ้ากรงไม่ไผ่นั่นเยอะเลยทีเดียว

ที่นั่นท่านถูกสอบสวนอีกครั้งก่อนถูกผู้ว่าราชการส่งไปรายงานเรื่องของท่านไปยังเว้ เมืองหลวง เพื่อรอรับรับการตัดสินจากพระจักรพรรดิ ซึ่งในระหว่างถูกคุมขังนั้นก็ได้มีคนมากมายแวะเวียนมาเยี่ยมท่านรวมถึงชาวจีนแมนดารินที่ต่างล้วนมาถามถึงที่มาของความเข้มแข็งของท่าน เพราะแม้ในระหว่างพิจารณาคดีท่านจะถูกเฆี่ยนตีด้วยไม้หวาย ไม่พอท่านยังโโนเฆี่ยด้วยแส้ตะขอ (และเมื่อกลับมาที่คุกท่านก็ร้องเพลงเพลงซัลเว เรจีนา หรือ วันทาพระราชินีสวรรค์เท่านั้น) ท่านก็ยังปฏิเสธอย่างหนักแน่นที่จะเหยียบไม้กางเขนเพื่อประกาศละทิ้งความเชื่อ หรือยอมรับข้อกล่าวหาว่าท่านปลุกปั่นประชาชน ซึ่งในระหว่างนั้นท่านก็ได้รับอนุญาตใหเขียนจดหมายได้อยู่



“..โปรดหยุดลงโทษดุ๊กผู้น่าสงสารเถิด สำหรับผมน่ะผมยกโทษให้เขา คือคำที่ท่านกล่าวเมื่อท่านทราบว่าจะมีการสอบปากคำนายดุ๊กอีกครั้ง แต่อย่างไรในวันที่  20 กันยายน ค..1837 พระราชสารจากพระจักรพรรดิมินฮ์ มาง ก็ประกาศโทษท่านว่า เป็นเจ้าลัทธิเท็จเทียมและผู้นำในการปลุกปั่นประชาชน มีโทษคือถูกหั่นเป็นชิ้นๆ ท่านจึงถูกนำไปที่ลานไม่ไกลจากป้อมเมืองซอน ไต ระหว่างเดินตรงสู่มงกุฎแห่งมรสักขีท่านมิได้หวาดเกรงอะไรตรงข้ามท่านยังคงสวดภาวนาและร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า

ร่างท่านถูกตรึงไว้ให้แน่นก่อนที่จะถูกหั่นเป็นชิ้นๆโดยแปลกที่วันนั้นเพชฌฆาตได้ลงมือที่ศีรษะของท่านก่อนไล่ไปตามส่วนต่างๆ ครั้งนั้นพวกเพชฌฆาตยังได้นำตับของท่านไปรับประทานเพราะเชื่อว่าพวกเขาจะกล้าหาญเหมือนท่านหากทำเช่นนั้น พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อนัก พระองค์ทรงคาดหวังจากพวกเราเพียงความวางใจในพระสัญญาของพระองค์ ท่านกล่าว ศีรษะของท่านถูกเสียบประจานอยู่สามวันจึงถูกเอาโยนลงแม่น้ำไป คุณพ่อคุณแม่ที่รักครับ ถ้าคุณพ่อคุณแม่ได้รับจดหมายฉบับนี้แล้ว โปรดอย่าได้เสียใจต่อการจากไของลูกเลย ผ่านความยินยอมให้ลูกได้เดินทาง คุณพ่อคุณแม่ก็ได้ทำการเสียสละอันยิ่งใหญ่แล้วครับ



เมื่อเรื่องราวของข้ารับใช้พระเจ้าผู้จากไปด้วยวัยเพียง 28 ปี ก็เป็นที่โด่งดังไปทั่วประเทศฝรั่งเศส หนังสือประวัติของท่านถูกตีพิมพ์ซ้ำหลายครั้ง หลังจากนั้นในวันที่ 2 กรกฎาคม ค..1899 โดยสมเด็จพระสันตะปาปาลีโอ ที่ 13 ชื่อท่านก็ได้รับการบันทึกไว้ในสารบบบุญราศี และที่สุดท่านก็ได้ถุกยกขึ้นเป็นนักบุญพร้อมมรณสักขีแห่งเวียดนามในวันที่ 19 มิถุนายน ค..1988  โดยสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 พร้อมเด็กชายในวันนั้น นักบุญเทโอฟาน

จงมีความประพฤติดีงามในหมู่คนต่างศาสนา แม้เขาจะใส่ร้ายท่านว่าประพฤติชั่วร้าย เขาจะต้องยอมรับว่ากิจการที่ท่านทำนั้นเป็นกิจการดี และจะสรรเสริญพระเจ้าในวันที่พระองค์เสด็จมา(1 เปโตร 2:12) ชีวิตของธรรมทูตผู้นี้เป็นแบบอย่างของทุกคนในการดำเนินชีวิตธรรมทูต ดูซิ แม้ท่านจะถูกใส่ร้ายว่างานที่ทำคือการไม่ดีแต่ท่านก็ไม่ได้โกธรเคืองอะไรเขา ตรงข้ามท่านได้แสดงความเมตตาต่อเขาด้วยความรัก แม้ท่านจะเป็นชาวยุโรปแต่ท่านก็มิได้รังเกียจชาวอันนัมทั้งหลาย ท่านทำดีต่อพวกเขาทุกๆคน เช่นกันบางครั้งเราอาจต้องถูกเข้าใจผิดบ้าง แต่อย่าได้สนหากไม่เป็นความจริง ตรงข้ามเราเราต้องรักพวกเขามากๆเพราะเวลาจะเป็นเครื่องยืนยันเอง


ข้าแต่ท่านนักบุญ ฌอง ชาร์ลส์ กอร์เน ช่วยวิงวอนเทอญ

ข้อมูลอ้างอิง

 http://www.tinmung.net/CACTHANH/118ThanhTDVN/_TieuSu/Tan_GioanCharlesCornay.htm

'เบร์นาร์โด ฟรานซิสโก' ให้ชีวิตนี้เป็นสะพานนำรักพระองค์ไป ตอนจบ

บุญราศีเบร์นาร์โด ฟรานซิสโก เด โอโยส เด เซญา Bl. Bernardo Francisco de Hoyos de Seña วันฉลอง: 29 พฤษจิกายน [ย้อนกลับไปอ่าน  “‘เบร์นาร์โด ฟรา...