วันศุกร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2557

"ยู แท ชอล" เด็กชายผู้กล้าหาญแห่งโชซอน


นักบุญ เปโตร ยู แท ชอล
St. 유대철 베드로
ฉลองในวันที่ : 21 ตุลาคม

ชีวิตอันน่าอัศจรรย์ของเด็กชายเกาหลีเริ่มตั้งแต่ปี ค..1826 ในบ้านของครอบครัวที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เป็นบุตรชายและลูกคนสุดท้องของล่ามของข้าราชการนามออกัสติน ยู จิน กิล คาทอลิกใจศรัทธา กับสตรีนางหนึ่งผู้ยังคงนับถือศาสนาเดิม ดังนั้นเมื่อเติบโตขึ้นมาและตัดสินใจรับศีลล้างบาปด้วยนาม เปโตร มารดาของท่านจึงพยายามบังคับท่านหลายต่อหลายครั้งเพื่อกันท่านออกจากหนทางแห่งความเชื่อ โดยพยายามบังคับให้ท่านถวายเครื่องบูชาต่อผีบรรพบุรุษทั้งหลายตามความเชื่อเดิม



ซึ่งแน่นอนท่านไม่ยอม พี่สาวและมารดาของท่านจึงเคยถามท่านว่าทำไมท่านจึงไม่เชื่อฟังมารดาท่านละ ซึ่งท่านก็จะตอบด้วยท่าทีที่อ่อนโยนว่า มันไม่เหมาะสมเลยที่ท่านจะเชื่อท่านแม่และไม่เชื่อฟังกษัตริย์แห่งสรวงสวรรค์และพระบิดาเจ้าของสรรพชีวิตทุกสิ่ง แต่เป็นแค่เรื่องความเชื่อเท่านั้นแหละที่ท่านจะไม่เชื่อฟังสิ่งที่มารดาท่านสั่ง แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่นท่านก็จะเชื่อฟังมารดาเสมอ

ต่อมาเมื่อการเบียดเบียนคริสตชนครั้งใหญ่ได้ผงาดขึ้นดั่งพญาอินทรีบนแผ่นดินเกาหลี ท่านก็มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะได้หลั่งโลหิตลงเพื่อยืนยันความเชื่อในฐานะมรณสักขี แม้ท่านจะรู้สึกสะเทือนใจมากแต่ท่านก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความประทับใจในความกล้าหาญของบิดาและบรรดามรณสักขีทั้งหลายที่ต่างยอมตายเสียดีกว่าละทิ้งความเชื่อ ดวงใจของท่านดั่งถูกเผาไหม้ไปด้วยเปลวไฟแห่งความรักต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ผมจะทำตามท่านพ่อที่ถวายชีวิตแด่พระเจ้า สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดในโลกคือความตาย ท่านคิดในใจ



ที่สุดในเดือนกรกฎาคม ค..1839 ท่านไม่อาจห้ามแรงปรารถนาได้อีกต่อไป ท่านจึงไดเดินทางไปยังที่เจ้าหน้าที่ราชการและประกาศว่าท่านนี้แหละคริสตชน ผมเชื่อในพระเจ้า กรุณาจับผมไปด้วยเถิด เป็นเหตุให้ท่านถูกจับขึ้นศาลและถูกทรมานด้วยวิธีต่างๆนานาเพื่อให้ท่านยอมละทิ้งพระเจ้าเสีย ดั่งเหตุการณ์ในวันหนึ่งผู้คุมได้ตีขาท่านด้วยกล้องยาสูบขนาดยาวที่ยังร้อนๆอยู่ จนทำให้เนื้อท่านถึงกับฉีก  ก่อนจะถามท่านว่า มึงยังจะเชื่อในพระเจ้าอยู่ไหม ท่านก็ตอบอย่างจริงจังว่า ครับ ผมยืนยัน  ผมไม่กลัวที่จะถูกตีหรอกครับ ผู้คุมจึงขู่ท่านว่า ถ้าท่านไม่ยอมเข้าจะเอาถ่านร้อนๆนี้แหละยัดใส่ปากท่านเสียเลย ซึ่งแน่นอนท่านก็เพียงแต่อ้าปากขึ้นและกล่าวว่าท่านน่ะพร้อมแล้ว แต่แม้ปากของผู้คุมจะกล่าวยังงั้นเขาก็ทำมันไม่ลงจริงๆ อันเหตุการณ์นี้สร้างความประทับใจแก่บรรดาผู้ที่เห็นเหตุการณ์ทุกคนที่ต่างพากันซ้องในความกล้าหาญของท่าน และมีอีกครั้งหนึ่งท่านถูกตีจนถึงขนาดสิ้นสติไป และเมื่อฟื้นสติขึ้นมาท่านก็ได้กล่าวกับนักโทษที่ได้ช่วยท่านให้ตื่นเป็นเหมือนคำทำนายว่า ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมน่ะจะไม่ตายเพราะความเจ็บปวดนี้หรอกครับ

การสอบปากคำท่านมีขึ้น 14 ครั้ง โดยมีวิธีที่ต่างกันไปตามการสอบปากคำแต่ละครั้ง ท่านถูกเฆี่ยนนับ 600 ครั้ง ไม่รวมถึงถูกตีด้วยกระบองอีกราวๆ 45 ครั้ง สภาพท่านในตอนนี้จึงเต็มไปด้วยบาดแผล และมีอาการกระดูกหัก และเนื้อหนังฉีกขาด แต่ก็แปลกที่ใบหน้าของท่านก็ยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มแห่งความยินดีเสมอ ครั้งหนึ่งท่านโยนเนื้อที่ไหล่ที่หลุดของท่านไปให้ผู้คุม จนเป็นสร้างความประหลาดใจและความละอายใจไปพร้อมๆกันในใจของทุกคน เหตุไม่มีใครอยากจะเชื่อเลยว่าเด็กวัย 13 ปีอย่างท่านจะถูกทำทารุณกรรมเช่นนี้เลย



ด้วยความต้องการเอาชนะท่าน แต่ทรมานอย่างไรๆท่านก็ยังคงหนักแน่น ที่สุดจึงมีการตัดสินให้ท่านถูกรัดคอในที่สุด  ท่านจึงได้จบชีวิตลงสมดั่งใจปรารถนาขณะอายุได้ประมาณ 13 ปี ซึ่งวันนั้นคือวันที่ 21 ตุลาคม ค..1839 ชื่อของท่านได้รับการบันทึกไว้กับบรรดามรณสักขีผู้ใหญ่ทั้งหลายในฐานะบุญราศีเมื่อวันที่  5 กรกฏาคา ค..1925 โดยสมเด็จพระสันตะปาปาปีโอที่ 11 และเนื่องในวโรกาสครบรอบ 200 ปี แห่งพระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศเกาหลี  สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ก็ได้ทรงสถาปนาท่านพร้อมบรรดามรณสักขีคนอื่นเป็นนักบุญ ณ ยออีโด กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เป็นนักบุญแบบฉบับเยาวชนอีกคนของเกาหลีและของโลก

ขอพระวาจาของพระคริสตเจ้าสถิตอยู่ในท่านอย่างเต็มเปี่ยม จงสอนและตักเตือนกันด้วยปรีชาญาณ จงขอบพระคุณพระเจ้าโดยการขับร้องบทเพลงสดุดี เพลงสรรเสริญ และบทเพลงศักดิ์สิทธิ์ต่างๆจากใจจริง(โคโลสี 3:16) พระวาจาสถิตในเราคืออะไรคำตอบบางทีอาจคือการที่เรานำพระวาจานั้นไปปฏิบัติจริงๆ  ชีวิตของท่านเราอาจมองเห็นว่าท่านได้ปฏิบัติตามพระวาจาของพระเจ้าจริงๆ บทเพลงที่ท่านสรรเสริญพระเจ้าคือการรับกางเขนด้วยใจน้อมรับ ซึ่งล้ำค่ามากกว่าการยอมละทิ้งพระองค์เพื่อรักษาชีวิตไว้อันไม่เที่ยง แต่ท่านเลือกชีวิตนิรันดร์ทางไปนั้นต้องไปทางพระเยซูเจ้าตามที่พระองค์ตรัสไว้คือ เราคือหนทาง ความจริงและชีวิต ไม่มีบทเพลงไหนใดโลกหรอกจะเทียมเท่าบทเพลงแห่งใจน้อมรับ จึงไม่แปลกอะไรที่ใบหน้าน้อยๆของท่านจะคงมีรอยยิ้มเสมอเพราะท่านรู้ดีว่าท่านได้ปฏิบัติตามพระวาจาของพระเยซูเจ้าแล้วจริงๆ



และในที่นี่ผู้เขียนขอขบคุณคุณ Nicolas Rattapakorn Fak-on ที่สละเวลาแปลจากต้นฉบับภาษาเกาหลีมาเป็นภาษาไทยให้ผู้เขียนที่ไม่มีภูมิเรื่องภาษาเกาหลีเลย มีบางอันทีลองเทียบกันฉบับอังกฤษที่พบแล้วไม่ตรงก็เลยขอตัดออกไป จึงขอขอบคุณและขออภัยมา ณ ที่นี่ ขอท่านนักบุญ เปโตร ยู แท ชอล อวยพรคุณนิโคลัสมากๆนะครับ



ข้าแต่ท่านนักบุญ เปโตร ยู แท ชอลและบิดา ช่วยวิงวอนเทอญ



ข้อมูลอ้างอิง




'เบร์นาร์โด ฟรานซิสโก' ให้ชีวิตนี้เป็นสะพานนำรักพระองค์ไป ตอนจบ

บุญราศีเบร์นาร์โด ฟรานซิสโก เด โอโยส เด เซญา Bl. Bernardo Francisco de Hoyos de Seña วันฉลอง: 29 พฤษจิกายน ผู้ใหญ่ในคณะคนแรก ๆ ที่ท่านแสวงหา...