นักบุญเจลตรูเด โกเมนโซลี
St. Geltrude Comensoli
ฉลองในวันที่ : 18 กุมภาพันธ์
หมู่บ้านเบียนโน
เมืองเบรชชา แคว้นลอมบาร์เดีย ประเทศอิตาลี วันที่ 18 มกราคม ค.ศ.1847 ในครอบครัวของนายการ์โล ช่างเหล็ก กับ นางงอันนา
มารีอา มิเลซี
เด็กสาวตัวน้อยได้ถือกำเนิดและได้รับศีลล้างบาปในวันเดียวกันด้วยนาม “กาเตรีนา” เป็นลูกคนที่ห้าจากสิบคนของครอบครัว
ท่านเจริญวัยขึ้นมาท่ามกลางครอบครัวที่เงียบสงบ
พอประมาณและศรัทธา มารดาท่านพาลูกๆไปมิสซาทุกวัน ตั้งแต่เยาว์วัยพระเจ้าได้ทรงปลูกฝังความจำเป็นของการเป็นชิดสนิทสัมพันธ์กับพระองค์ในดวงใจน้อยๆอันบริสุทธิ์
บ่อยครั้งท่านถูกดึงจากความต้องการเพื่อสวดภาวนาและรำพึงอย่างล้ำลึก
จนมีคนถามท่านว่าทำอะไร ท่านตอบเพียงตอบสั้นๆว่า “หนูกำลังคิดค่ะ”
กระทั้งอายุได้
7 ปี ท่านก็ไม่สามารถต้านทานคำเชื้อเชิญของพระเยซูเจ้าได้อีกต่อไป
ดังนั้นในวันหนึ่งในช่วงเช้ามืด ท่านได้ออกจากบ้านไปพร้อมผ้าคลุมไหล่สีดำของมารดา
มุ่งหน้าสู่วัดเซนต์ แมรี่ และหยุดยืนอยู่ที่ราวบันได ก่อนได้รับ
ศีลมหาสนิทครั้งแรกอย่างลับๆ
หลังจากนั้นในวัดตอนเช้าเบื้องหน้าศีลมหาสนิท ท่านได้เผยสำแดงความปรารถนาของท่าน “พระองค์จะทรงเป็นเจ้าบ่าวของหนู
หนูสาบานกับพระองค์ล้านครั้งหนูจะเป็นของพระองค์ตลอดไป”
ท่านชอบที่จะใช้เวลากับพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท
ท่านต้องการนำพระองค์บนภูเขาสูงเพื่อให้ทุกคนสามารถมองเห็นและรักพระองค์
คติที่เป็นแบบแผนการดำเนินชีวิตของท่านคือ “พระเยซูเจ้า ลูกรักพระองค์และทำให้คนอื่นรักพระองค์เช่นกัน”
ต่อมาในปี ค.ศ.1862 ด้วยอายุราวๆ 15
ปี ท่านได้เข้าอารามคณะคณะเมตตาธรรมแห่งมิลานและกุมารีมารีอา ของนักบุญบาร์โทโลเมอา คาร์ปิตาเนียวและนักบุญวินเซนซา เจโรซาร์ ที่โลเวเร เมืองเบรชชา ณ จุดนี้ทุกคนต่างคิดว่าท่านจะต้องได้บวชแน่ๆ
แต่พระเจ้าทรงมีแผนการเตรียมไว้สำหรับท่านแล้ว เพราะในขณะเป็นโปสตุลันต์
ท่านก็ล้มป่วยหนักและถูกให้ออกจากคณะ
ท่านจำต้องหอบข้าวของกลับมาพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน
กระทั้งท่านหายดีแล้ว ค.ศ.1867 ในวัย 20 ปี ท่านก็ได้เข้าคณะอุร์สุลิน
คณะฆราวาทของเบรชชาที่ก่อตั้งโดยนักบุญอัญจลา เมริชี เพื่อช่วยหญิงสาวหลายๆคน และได้รับชุด
คณะในวันที่ 29 สิงหาคม ก่อนปฏิญาณตนในวันที่ 23 ธันวาคม ปีเดียวกัน
หลังจากนั้นท่านก็ได้รับตำแหน่งเป็นรองนวกจารย์ของกลุ่มเบียนโน ทำให้ท่านได้มีโอกาสทำงานด้านการศึกษาของเยาวชน
ซึ่งกลายเป็นประสบการณ์สำคัญที่จะเป็นประโยชน์ในอนาคต
เพราะปัญหาด้านการเงินของครอบครัวท่านในอายุ
22 ปีก็ออกจากบ้านเพื่อไปทำงานเป็นแม่บ้านที่บ้านของคุณพ่อจูวานี
บัตติสตา โรตา และหลังจากนั้นก็กับคุณหญิงเฟ วิตาลี ต่อจากนั้นในช่วงเทศกาลพระคริสคตสมภพ
ปี ค.ศ.1876
ท่านก็ได้ยืนยันถึงการอุทิศตนของท่านต่อพระเยซูเจ้าอีกครั้งและได้เขียนความต้องการในการดำเนินชีวิต
ซึ่งท่านยังคงยึดมั่นเสมอมิได้ขาด ท่านเริ่มงานแพร่ธรรมเรื่องศีลมหาสนิทของท่านกับกลุ่มเยาวชนหญิง
และส่งเสริมขบวนแห่ศีลมหาสนิท เหตุนี้กลุ่มเพื่อส่งเสริมความเคารพต่อพระหฤทัยจึงถือกำเนิดขึ้น
ซึ่งการอุทิศตนนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับชีวิตฝ่ายจิตของท่าน
จนกระทั้งวันสมโภชพระคริสต์วรกาย
ค.ศ.1878 คุณพ่อวิญญาณก็อนุญาตให้ท่านปฏิญาณตนถือพรหมจรรย์ได้
ดังนั้นท่านจึงได้ทำมันในตอนเช้าเบื้องหน้าศีลมหาสนิท
และโดยไม่ต้องละเลยหน้าที่ในฐานะคนรับใช้ ท่านก็ตัดสินใจที่จะสอนบรรดาเด็กๆในซาน
เจรวาซีโอ แบร์กาโม เพื่อนำทางพวกเขาไปสู่ชีวิตสัตย์ซื่อของคริสตชนและการอยู่ร่วมกัน
และผ่านการสวดภาวนา
การพลีกรรมอย่างขยันขันแข็ง การปฏิบัติกิจเมตตาและชีวิตภายในที่เข้มข้น ท่านก็พร้อมที่จะเดินตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
ยิ่งเมื่อไม่ต้องห่วงเรื่องทางบ้านอีกต่อไป เพราะบิดามารดาท่านได้สิ้นใจไปแล้ว
ท่านก็เริ่มหนทางที่จะบรรลุถึงอุดมคติเรื่องศีลมหาสนิทของท่าน ท่านเปิดใจของท่านต่อพระคุณเจ้าสเปรันซา
พระสังฆราช
แห่งแบร์กาโม ซึ่งในเวลานั้นมาเป็นแขกของคุณหญิงเฟ วิตาลี เมื่อทันทีที่คุณพ่อได้ฟัง
คุณพ่อก็ได้สนับสนุนท่านและยืนยันว่ามันคือน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้าจริงๆ
หลังจากนั้นในฤดูหนาวปี
ค.ศ.1880 ในฐานะแม่บ้านท่านก็ได้มีโอกาสติดตามคุณหญิงเฟ วิตาลี ไปกรุงโรม
และมีโอกาสได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 13 ท่านจึงได้เล่าถึงความตั้งใจของท่านให้พระองค์ฟัง
เรื่องคณะที่จะถูกตั้งขึ้นเพื่ออุทิศตนต่อความเคารพแด่ศีลมหาสนิท
เมื่อสดับดังนั้นพระองค์ก็ทรงแนะให้ท่านทำงานด้านกาอบรมของเยาวชนหญิงของคนงานด้วยซึ่งเป็นการชี้ทางให้ท่าน
แน่นอนว่ามันคือน้ำพระทัยของพระแน่นอน
เพราะ หลังจากนั้นไม่นานเมื่อท่านได้มีโอกาสไปที่วัดนักบุญอเล็กซานโด ที่ โคโลนนา
ท่านก็พบกับบุญราศีคุณพ่อฟรานเชสโก สปีเนลลี ผู้เต็มไปด้วยความร้อนรน
และกำลังมองหาหญิงสาวที่จะร่วมกับเขาในบ้านแห่งพระญาณสอดส่อง โดยบังเอิญ
ดังนั้นท่านจึงตัดสินใจร่วมงานกับคุณพ่อที่เล่าให้ท่านฟัง
และหลังจากตกลงกันอย่างลงตัวแล้วว่าคณะใหม่จะเป็นอย่างไร
เรื่องคณะใหม่จึงถูกเสนอให้พระคุณเจ้ากามิลโล กวินดานิ พระสังฆราชแห่งแบร์กาโม
ซึ่งได้อนุมัติและสนับสนุนคณะอย่างเต็มที่ให้ท่านและคุณพ่อทำงานร่วมกัน
ดังนั้นในวันที่
15 ธันวาคม ค.ศ.1882 ท่านและสตรีอีกสองคนจึงได้เริ่ม “คณะภคินีแห่งศีลมหาสนิทแห่งแบร์กาโม” อย่างเป็นทางการ ด้วยการอวยพรศีลมหาสนิท
สองปีจากนั้นในวันเดียวกันท่านจึงได้รับผ้าคลุม พร้อมนามใหม่ว่า “ซิสเตอร์มารีอา เจล์ตรูเด แห่ง ศีลมหาสนิท” พร้อมดำเนินงานด้านการอบรมเยาวชนหญิง
แต่แล้วก็ในปี ค.ศ.1889 พายุใหญ่ก็ซาซัดเข้ามายังคณะท่านอีกครั้งเมื่อคณะประสพปัญหาด้านเศรษฐกิจอย่างรุนแรงชนิดที่ว่าคณะอาจต้องยุบกันเลยทีเดียว
ท่านต้องออกจากแบร์กาโม
แต่จากคำแนะนำของพระคุณเจ้ากามิลโล ท่านก็ได้ย้ายไปหลบภัยบ้านที่โลดี
ในแคว้นลอม
บาร์ดี ซึ่งที่นั่นพระคุณเจ้าโรตา
พระสังฆราชแห่งโลดีก็ให้การต้อนรับท่านเป็นยังดี และมอบบ้านคณะให้ในลาวัจนา ดิ
โกมาซโซ วึ่งกลายเป็นบ้านแม่ของคณะชั่วคราว กระทั้งพระสังฆราชแห่งโลดีได้อนุมัติคณะของท่านให้เป็นที่ยอมรับในวันที่
8 กันยายน ค.ศ.1891 เหตุนี้ในวันที่ 28 มีนาคม ค.ศ.1892 ท่านจึงกลับสู่แบร์กาโม
หลังจากผ่านการทดลองนี้
แม้จะมีสุขภาพที่ไม่ดีนัก
ท่านก็ไม่หยุดที่จะฝึกบรรดาซิสเตอร์เพื่อนำสู่จิตวิญญาณแห่งศีลมหาสนิท
และทำทุกสิ่งที่ท่านทำได้เพื่อให้คณะเติบโตและพัฒนา ท่านเป็นวิญญาณแห่งการสวดภาวนา
การพลีกรรม การเสียสละ การนบนอบ การถ่อมตน และกิจการเมตตาต่อผู้ยากไร้
คำกำฉับสุดท้ายของท่านคือ “จงรักษากฎ … ความเงียบ … การเสียสละ … ความยากจน … ความนบนอบไว้”
หลังจากนั้นท่านจึงมองตู้ศีลผ่านทางหน้าต่างบานเล็กๆในห้องของท่าน เพื่อให้ได้เห็นพระแท่น
“ความเคารพจะคงอยู่อีกต่อไหมหนอ” ท่านถามและหลังจากได้รับคำตอบแล้ว
ท่านจึงกล่าวขอบคุณ พลางคลี่ยิ้มและปิดตาลง พร้อมคืนวิญญาณแด่พระเป็นเจ้าด้วยอายุ 56 ปี
ท่านสิ้นใจอย่างสงบในวันที่
18 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1903 ก่อนจะได้เห็นคณะได้รับการอนุมัติจากสมเด็จพระสันตะปาปาเพียงสามปี
แน่นอนต้องมีการดำเนินเรื่องท่านเพื่อการเป็นนักบุญ จนในรัชสมัยพระสันตะปาปายอห์น
ปอล ที่ 2 พระองค์ทรงสถาปนาท่านเป็นบุญราศี ในวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ.1989 และหลังจากนั้นอีก 20 ปี
นามท่านก็จึงได้รับการบันทึกไว้ในสารบบนักบุญอย่างสง่าในฐานะซิสเตอร์ผู้ก่อตั้งคณะที่มีศูนย์กลางชีวิตคือศีลมหาสนิทและมีพันธกิจในการให้การอบรมเยาวชน
ณ ที่ลานมหาวิหารนักบุญเปโตร กรุงโรม เมื่อวันที่ 26 เมษายน ค.ศ.2009 โดยสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ ที่ 16
“จงดำเนินชีวิตในความจริงด้วยความรัก
เจริญเติบโตขึ้นจงบรรลุความสมบูรณ์ในพระคริสตเจ้าผู้ทรงเป็นพระเศียร”(เอเฟซัส 4:15)
ชีวิตของท่านเป็นแบบอย่างของการมีพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิทเป็นศูนย์กลางชีวิต
ซึ่งเป็นชี
วิตของคริสตชน ถูกแล้วเราต้องมีศีลมหาสนิทเป็นศูนย์กลางของชีวิต
เพราะศีลมหาสนิทคือพระเยซูเจ้า เราคริสตชนต้องดำเนินชีวิตด้วยความรักทั้งในพระผู้สถิตในศีลมหาสถิต
รักในเพื่อนพี่น้อง เราต้องท่องเสมอว่า “เราต้องครบครัน
เราครบครัน” ครบครันด้วยการรักทุกคน รักพระ ขอให้ทุกคนสำเร็จในความครบครันตามสไตล์ของทุกคน
พระอวยพร
“ข้าแต่ท่านนักบุญเจลตรูเด โกเมนโซลีง ช่วยวิงวอนเทอญ”
ข้อมูลอ้างอิง