วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

"มารีอา โฟรตูนาตา" นักบุญผู้ยิ่งใหญ่ด้วยการไม่มีความหมาย


บุญราศีมารีอา โฟรตูนาตา
Bl.Maria Fortunata Viti
ฉลองในวันที่ : 20 พฤศจิกายน

ความถ่อมใจ นี้เป็นคุณธรรมแบบอย่างของมารีอา โฟรตูนาตา การไม่มีความหมายนี้คือความยิ่งใหญ่ของท่าน ทำให้เราได้ระลึกบทมักนีฟีกัตและคำพูดมากมายนี้ถึงฐานะของคริสตชนแท้และความเข้มข้นของจิตวิญญาณที่ครบครันของมารีอา โฟรตูนาตา ความอ่อนน้อมตนนั่นแหละคือข้อความของท่าน….” เสียงของสมเด็จพระสันตะปาปาปอลที่หก ดังก้องไปทั่วมหาวิหารอันงดงามที่หาใดเปรียบได้ในโลก ในระหว่างพิธีสถาปนาบุญราศีองค์ใหม่ของพระศาสนจักร ผู้มาจากคณะเบเนดิกติน ผู้คนมากมายอาจต่างพากันคิดว่าบุญราศีองค์ใหม่นี้คงต้องเป็นซิสเตอร์ที่ยิ่งใหญ่แบบนักบุญสกอลัสติกาแน่ๆ


ท่านคงต้องมาจากตระกูลที่ร่ำรวย ท่านต้องสร้างอัศจรรย์อาจปลุกคนตายให้ฟื้นมา หรือเป็นอธิการิณีที่ศักดิ์สิทธิ์แน่ๆ แต่ไม่ใช่เลยตรงข้ามชีวิตอันศักดิ์สิทธิ์นี้เริ่มขึ้นเมื่ออันนา โบโน ดิ เฟเรนตีโน ให้กำเนิดทารกเพศหญิง ผู้เป็นสมาชิกคนที่สามจากเก้าคนของครอบครัวของเธอกับลุยจิ วีติ เจ้าของที่ดิน พ่อนักพนันและนักดื่มจนพาครอบครัวจากพอกินไปสู่ความยากจน ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค..1827 ที่บ้านในเมืองเวรอลี ในแคว้นลาซีโอ ประเทศอิตาลี ทารกหญิงนี้ได้รับนามว่า มารีอา เฟลิเชีย วีติ

แต่อนิจจาเพียงท่านมีอายุได้ 14 ปี พระก็ได้ยกคุณแม่ของท่านไปอย่างสงบ ทำให้ท่านต้องคอยดูแลน้องๆที่คลานตามท่านมา และเพื่อจุนเจือครอบครัวท่านจึงไปทำงานเป็นแม่บ้านของครอบครัวโมบีลี ที่ มอนเต ซาน จูวานนี กัมปาโน แต่ที่สุดเมื่อเห็นว่าครอบครัวไม่จำเป็นต้องพึ่งท่านอีกต่อไป และด้วยใจที่รักพระยิ่ง  ในวันที่  21 มีนาคม ค..1851 ด้วยวัย 24 ปี ท่านจึงได้ตัดสินใจเข้าอารามซานตา มารีอา เด ฟรานโกนี ของคณะเบเนดิกตินประจำเมือง แม้ในเวลานั้นจะพ่อหนุ่มจากอาลาตรีมาขายขนมจีบพร้อมหยิบยื่นความมั่งมีในชีวิตแต่งงานให้ก็ตามที



มารีอา โฟรตูนาตาคือนามใหม่ในอารามของท่าน เอาตามตรงท่านแทบไม่รู้หนังสือเลยซักกะตัวบวกกับหลายๆเหตุผลทำให้ท่านไม่สามารถเป็นคณะนักขับในเวลาทำวัตรของอารามได้เลย ดังนั้นเองในงานในอารามสำหรับท่านจึงมีแต่งานแม่บ้านทั้งหลายได้แก่การปั่นด้าย เย็บผ้า ซักผ้า และปะชุนเสื้อผ้า ซึ่งแม้จะเป็นงานต่ำต้อย แต่ท่านก็ทำมันด้วยความขยัน เงียบสงบ ถ่อมตนอยู่เสมอดิฉันปรารนาจะเป็นนักบุญค่ะ คือความปรารถนาเมื่อเข้าอารามของท่าน

แม้จะไม่โดดเด่นอะไรเลยในภายนอก แต่ปีศาจก็พยายามราวีท่านหลายต่อหลายครั้งทั้งในระหว่างภาวนาหรือทำงาน เช่นคราหนึ่งขณะกำลังจะเดินไปจัดเครื่องเรือนในวัดน้อยของอาราม จู่ๆทางเดินที่เคยเห็นเป็นตามปกติก็พลันก็มืดลงและคราคุ้งไปด้วยหมอกหนาที่มาพร้อมกับกลิ่นน่าสะอิดสะเอียนชวนอ้วก จนทำให้ท่านรู้สึกหายใจลำบากมากขึ้น ทันทีแม้จะไม่มีความรู้อะไรมากท่านก็ตระหนักทันทีว่านี่คือแผนงานของพวกปีศาจอย่างแน่นอน ท่านจึงรีบเปล่งพระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้าในทันที พร้อมทำสำคัญมหากางเขนด้วยความมั่นใจ พลันหมอกหนาที่เคยคละคลุ้งไปทั่วไปสลายหายไป



แต่เอาจริงๆเจ้าพวกปีศาจทั้งหลายมักเอาเรื่องกระแสเรียก ความโง่เขลา ความเซ่อซ่าของท่านมาติติงท่านอย่างเมามัน ท่านถึงกับเคยปรับทุกข์กับเพื่อนซิสเตอร์อารามเดียวกันด้วยกันถึงการรังควานของเจ้าพวกปีศาจทั้งหลายทั้งกลางวันและกลางคืนทั้งเยาเย้ยท่านบ้าง ตีท่านบ้างเพื่อทดลองความอดทนอดกลั้นและความถ่อมตนของท่าน คุณพ่อแก้บาปของท่าน คุณพ่อยอห์น ปาสกัวลีตี ได้บันทึกไว้ว่า พร้อมกับหยาดน้ำตาในดวงตาของเธอ ซิสเตอร์โฟรตูนาตาปรับทุกข์กับผมว่า เจ้าปีศาจได้โจมตีเธอด้วยความต่ำช้าและสำนวนที่หยาบกระด้างที่สุด บ่อยครั้งมันคุกคามและทำให้ชีวิตของเธอยากขึ้น แต่กระนั้นเธอก็ไม่เคยหมดหวัง การสบประมาทเหล่านี้กลายเป็นบ่อยขึ้นเรื่อยๆเมื่อท่านนักบุญอยู่ใกล้มรณกรรมของเธอ การรบกวนหลายต่อหลายสิ่งเหล่านี้ได้ยินและได้เห็นโดยเพื่อนซิสเตอร์ทั้งหลายของเธอเอง

นอกนี้แล้ว พระเป็นเจ้ายังทรงประทานพระพรแห่งการหยั่งรู้ให้ท่านในหลายๆโอกาส เช่นเรื่องราวเรื่องหนึ่งที่เล่าสืบๆกันมาว่าวันหนึ่งขณะท่านร่วมพิธีมิสซาของอารามตามปกติ หยาดน้ำตาหยดใสๆมากกมายก็เริ่มพลั่งพรูออกมาจากดวงตาคู่นั้นของท่านระหว่างพิธีมิสซา ซึ่งก็เป็นเพราะท่านเห็นภาพว่าพระสงฆ์ผู้กำลังหันหลังประกอบพิธีมิสซาอย่างสง่าภายใต้กาซูลาปักลายงามผืนนี้กำลังจะทิ้งกระแสเรียกอันศักดิ์สิทธิ์ผู้แทนของพระคริสตเจ้าไปเสียนี่ ท่านรู้สึกทรมานเพื่อเขาจริงๆ นอกจากนี้ยังมีเรื่องอีกเรื่องว่าท่านได้เคยทำนายว่าพระสงฆ์องค์หนึ่งจะออกจากสมณะศักดิ์ผู้แทนของพระคริสตเจ้า แต่เขาจะสำนึกได้และกลับมาในที่สุด



หากเรามองข้ามฝ่ายกายของท่านไปในวิญญาณของท่านเราก็จะพบว่าวิญญาณของท่านนั้นเบ่งบานสู่ความรุ่งโรจน์อันงดงาม ผ่านการสวดภาวนาทุกๆเวลาแม้ในเวลาที่ยากลำบากที่สุดของวิญญาณ ท่านวิงวอนพระองค์ด้วยความรักและอุทิศตน ท่านอุทิศตนต่อศีลมหาสนิท พี่น้องในอารามหรือแม้บรรดาฆราวาส ท่านมักอุทานเป็นนิสัยว่า ความรักและพระอำนาจของพระเจ้า เมื่อรำพึงถึงสวรรค์ ดวงอาทิตย์ ยามได้แลเห็นความงดงามของธรรมชาติที่ถูกแต่งแต้มบนโลก

ท่านอยู่อารามได้ราวเจ็ดสิบปีท่านก็เริ่มป่วยด้วยโรคไขข้อจนต้องนอนแต่ที่เตียง ในวัย 95 ปี ท่านกลายเป็นซิสเตอร์ผู้ตาบอด หูหนวกและเป็นอัมพาต ที่สุดในวันที่ 20 พฤศจิกายน ค..1922 ซิสเตอร์ธรรมดาๆ ผู้เรียบง่าย ผู้ไม่เคยดำรงตำแหน่งใดเลยในอารามตลอดเจ็บสิบปี เป็นแค่ซิสเตอร์เย็บผ้า คนดูแลห้องพยาบาลและคนรับแขกของอารามคราหนึ่งที่ปลอบประโลมผู้คนที่มาหาด้วยพระพรที่แห่งความหยั่งรู้ แม้จะพยายามหลบคนก็ไปหา ก็ได้จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับอย่างสงบ 



ทันทีในวันถัดมาร่างของท่านก็ถูกฝังอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่มีใครทราบนอกจากบรรดาซิสเตอร์ ไม่มีพิธีรีตองอะไร ไม่มีชาวเมืองแห่แหนมาดูร่าง พร้อมสายประคำหรือผ้าเพื่อสัมผัสร่าง กระทั้งสิบสามปีต่อมาอัศจรรย์มากมายก็ได้เกิดผ่านการเสนอวิงวอนของซิสเตอร์ผู้ไม่ได้เด่นดีอะไรเลย  ทำให้ร่างของท่านถูกขุดขึ้นมาและได้ฝังอย่าสง่าในวัดท่ามกลางความปรีดีของชาวเมือง และที่สุดซิสเตอร์ผู้ธรรมดาก็ได้รับเกียรติยกขึ้นเป็นบุญราศี ณ มหาวิหารนักบุญเปโตร โดย สมเด็จพระสันตะปาปาปอล ที่ หก เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ค..1967 

ความเย่อหยิ่งย่อมนำหน้าหายนะ ความถ่อมตนนำหน้าเกียรติยศ(สุภาษิต 18:12)  เรามองดูชีวิตท่านเราอาจเรียกได้เลยว่าธรรมดาสุดๆ ท่านไม่เคยดำรงตำแหน่งอะไรเลย ท่านดำเนินชีวิตในความเรียบง่าย คือ ทำหน้าที่ด้วยความขยัน แต่ดั่งพระวาจาด้วยความเรียบง่ายนี้ก็ทำให้ท่านยิ่งใหญ่ได้ ความยิ่งใหญ่แท้จริงของคริสตชนไม่ได้มาจากการหยิ่งยโสโอหังถือทิฐิตามแนวทางของพวกปีศาจ แต่มันมาจากความถ่อมตนรับฟังคนอื่น รับฟังพระเจ้า ให้พระองค์นำในทางกางเขนที่ต้องอาศัยความถ่อมตนเป็นที่สุด ดังนั้นขอเพียงเราถ่อมใจวางใจพระแม้จะยากแต่นั่นแหละคือหนทางสู่สวรรค์นิรันดร์


ข้าแต่ท่านบุญราศีมารีอา โฟรตูนาตา ช่วยวิงวอนเทอญ

ข้อมูลอ้างอิง

'เบร์นาร์โด ฟรานซิสโก' ให้ชีวิตนี้เป็นสะพานนำรักพระองค์ไป ตอนจบ

บุญราศีเบร์นาร์โด ฟรานซิสโก เด โอโยส เด เซญา Bl. Bernardo Francisco de Hoyos de Seña วันฉลอง: 29 พฤษจิกายน ผู้ใหญ่ในคณะคนแรก ๆ ที่ท่านแสวงหา...