วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ดาราแห่งธิดาเมคคาธรรม "มาร์ทา"


บุญราศีมาร์ทา เวียซกา
Bl. Marta Wiecka
ฉลองในวันที่ : 30 พฤษภาคม

เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ดวงดาราแห่งคณะธิดาเมตตาธรรม บุตรีของนักบุญวินเซนต์ เดอ ปอล และ นักบุญหลุยส์ เดอ มารียัค สองผู้ก่อตั้งคณะ ได้รับเกียรติในฐานะบุญราศีของพระศาสนจักรอย่างสง่า โดยสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ ที่ 16 ดวงดาราที่ฉายแสงดวงนี้มีนามว่า มาร์ทา มารีอา เวียซคา

มาร์ธาเป็นลูกคนที่สามสิบสาม เกิดเมื่อวันที่ 12 มกราคม ค..1874 ที่หมู่บ้านนอวี วีซ จังหวัดพอดลาสเกีย ประเทศโปแลนด์ ในครอบครัวของสองสามีภรรยาผู้ร่ำรวยชื่อ มาเซ็ลโล เวียซกา กับ เปาลีนา คามรอฟสกา เวียซกา หลังจากนั้นหกวันหลังเกิดท่านจึงได้รับศีลล้างบาป



ขอเล่าถึงสภาพตอนนั้นของโปแลนด์ซักนิด โดยในตอนนั้นตั้งแต่ปี ค..1772 เป็นต้นมาโปแลนด์นั้นก็ถูกแบ่งและถูกครอบครองจากหลายๆประเทศเพื่อนบ้านที่มีอำนาจมากขึ้น ซึ่งในส่วนที่ท่านอาศัยอยู่ในความครอบครองของปรัสเซีย ซึ่งพยายามปราบปรามเอกลักษณ์และพระศาสนจักรคาทอลิกประจำชาติโปแลนด์ด้วยปฏิบัติการต่อความขัดแย้งทางวัฒนธรรม ทำให้โรงเรียนถูกห้ามไม่ให้สอนภาษาโปแลนด์ ประวัติศาสตร์โปแลนด์ และความเชื่อคาทอลิก แต่ครอบครัวของท่านนั้นยังคงเป็นเหมือนคนอื่นๆคือยังคงเป็นคริสตชนและชาวโปลิสที่แข็งขัน ดังนั้นท่านจึงได้เรียนรู้รากเหง้าของท่านและความเชื่อจากครอบครัวของท่านนี้ และได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยการภาวนาร่วมกันในครอบครัว การอ่านหนังสือฝ่ายจิต และการศึกษาบทเทศน์แต่ละอาทิตย์

ต่อมาเมื่อท่านมีอายุได้ 2 ปี ท่านก็เกิดล้มป่วยหนัก แม้นจะรักษาเพียงใดก็ไม่หาย เหตุนี้ครอบครัวของท่านจึงหันไปหาพระมารดาพระเจ้าแห่งปีเซ็คชโน เพื่อวิงวอนนามของท่าน และอัศจรรย์ก็บังเกิดขึ้น เมื่อท่านหายเป็นปลิดทิ้ง ซึ่งหากมองแล้วจะพบเลยว่าตลอดชีวิตของท่านนี้มีความผูกพันธุ์กับพระแม่มาก ท่านมีความรักที่ยิ่งใหญ่ต่อพระแม่ ยามใดที่ท่านต้องการความช่วยเหลือ ท่านก็จะหันไปหาพระนางเพื่อวิงวอน และก็ดูเหมือนว่าพระแม่จะไม่เคยเมินเฉยต่อคำวิงวอนของท่านซักครั้ง



ตั้งแต่เยาว์วัยท่านมีความสุขที่จะช่วยมารดาของท่านทำงานบ้าน เพื่อนบ้านหลายคนต่างชื่นชมในการภาวนา อัชฌาสัยที่ดี ความเมตตา และการมองโลกในแง่ดีของท่านที่ท่านแสดงออกให้คนรอบข้างได้เห็น ทุกคนยังรู้ดีอีกว่าท่านมีความศรัทธาเป็นพิเศษต่อท่านนักบุญยอห์น เนโปมูเซน พวกเขามักเห็นท่านมักยืนภาวนาอยู่เงียบๆที่ด้านหน้าสักการสถานของท่านนักบุญข้างทางเสมอ ตลอดชีวิตของท่านยึดบทภาวนาของนักบุญองค์นี้ตามที่คุณพ่อเจ้าวัดสอนท่านตั้งแต่เด็กๆมาเสมอ

3 ตุลาคม ค..1866  นับเป็นวันที่สำคัญอีกครั้งในชีวิตของท่าน เพราะ เป็นวันรับศีลมหาสนิทครั้งแรกของท่าน เป็นวันที่พระเยซุเจ้ากลายมาเป็นศูนย์กลางในชีวิตของท่าน ยามใดก็ตามหากมีโอกาสร่วมมิสซาท่านก็ไม่ลังเลที่จะเดินถึง 12 กิโลเพื่อไปวัด ส่วนที่บ้านนั้นเวลาการการสวดภาวนานั้นนานพอดู ต่อมาเมื่อมารดาท่านล้มป่วยลง มันจึงลดลงมาบ้างเพราะท่านต้องดูแลน้องๆแทนมารดา ซึ่งน้องก็มักเรียกท่านว่า แม่รอง



เมื่ออายุได้ 16 ปี ท่านก็ตัดสินใจเข้าคณะธิดาเมตตาธรรม แต่เมื่อท่านเดินทางไปเยี่ยมอารามคณะที่เค็ลโม เมืองใกล้ๆ ท่านก็ต้องพบกับความผิดหวังเพราะถูกปฏิเสธเนื่องจากท่านยังเด็กเกินไป แต่ท่านก็ไม่ได้ล้มเลิกความตั้งใจที่จะเข้าคณะ ท่านรออยู่สองปีท่านจึงไปอีกครั้งพร้อมเพื่อนของท่านอีกคน แต่เนื่องจากรัฐบาลปรัสเซียนจำกัดจำนวนผู้สมัคร ดังนั้นท่านและเพื่อนจึงไปยังบ้านคณะในคราคูฟและได้เข้าคณะที่นั่น

ดังนั้นในวันที่ 26 เมษายน ค..1892 ในวัย 18 ปี ท่านจึงได้เริ่มเป็นโปสตุลันต์ของคณะที่บ้านเลขที่ 8 วาร์ชาฟสคา กรุงคราคูฟ หลังจากนั้นในวันที่ 12 สิงหาคม ปีเดียวกันท่านก็เข้าเป็นโนวิสของคณะ ก่อนในวันที่ 12 เมษายน ค..1893  ท่านจึงได้รับชุดคณะ หลังจากได้รับการอบรมถึงจิตตารมณ์ของคณะอันเป็นแนวทางในการเจริญชีวิตของท่านมาแล้วเป็น งานแรกของก็คือการไปประจำที่โรงพยาบาลในลวีฟ ประเทศยูเครน ที่นั่นด้วยความรวดเร็วท่านก็เป็นที่เลื่องลือว่าเป็นซิสเตอร์ที่มีความรักต่อผู้ป่วยของท่านและรับใช้อย่างไม่เคยเห็นแก่ตัวเอง



ท่านทำงานอยู่ที่นั่นได้ปีครึ่งในวันที่ 15 พฤศจิกายน ค..1894 ท่านจึงถูกย้ายให้มาทำงานที่โรงพยาบาลในโปดไฮเซอ และปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่นั่นเป็นระยะเวลาห้าปีในฐานะพยาบาลที่แสนดีและธิดาเมตตาธรรมอันซื่อสัตย์อย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย จากนั้นในวันที่ 15 สิงหาคม ค..1897 ท่านก็ได้เข้าพิธีปฏิญาณตน

จากนั้นในปี ค..1899 ท่านก็ถูกให้มาประจำที่บ้านคณะในโบคเนีย ที่นี่มีซิสเตอร์มารีอา คาบัว เป็นแม่อธิการ ผู้ซึ่งจะกลายมาเป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญของท่าน ในเวลานี้เองที่ท่านได้เห็นนิมิตพระเยซูเจ้าบนไม้กางเขน พระองค์องค์ทรงเร่งเร้าให้ท่านมีความอดทนต่อความทุกข์ยากและสัญญาว่าวันหนึ่งท่านจะได้อยู่กับพระองค์ เหตุการณ์นี้ช่วยกระตุ้นการอทิศตนของท่านในการปฏิบัติศาสนกิจของท่านและแรงบัลดาลใจในการปรารถนาสวรรค์ของท่าน



ไม่นานหลังจากภาพนิมิตนี้ ความทุกข์ยากดั่งกล่าวก็ปรากฏขึ้น เมื่อคนป่วยเป็นโรคจิตคนหนึ่งได้รับการปล่อยตัวออกจากโรงพยาบาลที่ท่านปฏิบัติหน้าที่อยู่ เริ่มป่าวประกาศไปทั่วว่าท่านกำลังตั้งท้องหลังจากไปมีความสัมพันธ์กับผู้ป่วยของท่านเอง(นักเรียนผู้เป็นหลานชายของคุณพ่อเจ้าวัด) ในตอนนี้เองที่ซิสเตอร์มารีอา ได้มีบทบาทในการทำให้ท่านอยู่ที่นี้ต่อเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของท่าน แม้จะโดนพายุเช่นนี้ท่านก็ไม่หยุดดูแลผู้ป่วยด้วยความอ่อนโยนตามปกติของท่าน ท่านแบกรับการดูหมิ่น การนินทา ไว้ด้วยความอดทนอันเงียบสงบภายใต้การชิดสนิทกับพระเป็นเจ้าตลอดเวลา

จนเมื่อข่าวโคมลอยนี้จบลงแล้ว ท่านก็ส่งไปประจำที่โรงพยาบาลในสไนตึน ประเทศยูเครน ไม่นานชื่อเสียงความศักดิ์สิทธิ์ของท่านก็ดึงดูดพระสงฆ์ท้องถิ่น ไม่ช้าพวกเขาก็เริ่มติดต่อท่านเมื่อพบปัญหาหรือวิกฤตฝ่ายจิต ในตัวท่านพวกเขาพบว่าพวกเขาต้องการความช่วยเหลือทั้งเรื่องฝ่ายกายและฝ่ายจิต ท่านทำสิ่งเหล่านี้ควบคู่ไปกับการปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ในโรงพยาบาล



ท่านรักกระแสเรียกของท่าน ท่านปฏิบัติหน้าที่ดูแลผู้ป่วยของท่านด้วยความยินดีและความพอใจ ท่านยิ้มเสมอและเปี่ยมไปด้วยความอดทนและความดี ท่านพบเวลาที่จะสอนคำสอนเพื่อเตรียมพวกเขาให้พร้อมสำหรับการรับศีลศักดิ์สิทธิ์และเวลาที่จะร่วมสวดภาวนาพร้อมพวกเขา และเมื่อใดก็ตามที่ท่านจัดให้มีเดินรูปที่วัดน้อยของโรงพยาบาลก็จะมีผู้ป่วยถึง 40 คนที่จะมาร่วม ท่านมีพระหรรษทานในการเป็นสะพานที่จะช่วยคนให้คืนดีกับพระเจ้า ไม่มีใครเลยในแผนกของท่านที่สิ้นใจทั้งๆที่ไม่ได้รับศีลอภัยบาป บ่อยครั้งที่ป่วยชาวยิวของท่านขอรับศีลล้างบาป สำหรับท่านแล้วผู้ป่วยทุกคนเท่าเทียมกันหมดไม่ว่าคุณจะเป็นโปแลนด์, ยูเครน, ยิว , ออร์โธดอกซ์หรือคาทอลิกก็ตาม ท่านปฏิบัติกับพวกเขาด้วยความรัก ขับเคลื่อนชีวิตไปด้วยคำภาวนา

ท่านเจริญชีวิตด้วยความความรักที่ไม่เห็นแก่ตัวมาตลอด แม้ชีวิตก็ยอมแลกได้ ซึ่งแสดงให้เห็นเมื่อมีการระบาดของโรคไข้ไทฟอยด์ มีชายคนหนึ่งซึ่งเป็นทั้งบุรุษพยาบาลและพ่อคน ต้องไปประจำในห้องฆ่าเชื้อของผู้ป่วยด้วยโรคไข้ไทฟอยด์ ท่านเห็นความกลัวต่อตัวเขาเองและครอบครัวของเขา ท่านจึงอาสาเข้าไปทำแทน จนติดเชื้อไข้ไทฟอยด์และล้มป่วยในที่สุด ข่าวนี้แพร่ไปในขณะที่ต้องล้มหมอนนอนเสื่อทุกคนที่ทราบก็ต่างร่วมกันสวดภาวนาให้ท่านหาย แม้ชาวยิวจากศาลาธรรมในท้องถิ่นก็จัดการสวดภาวนาพิเศษเพื่อท่าน



ผู้ที่อยู่ร่วมในวันสุดท้ายของท่านเล่าว่าหลังจากพระสงฆ์ส่งศีลแล้ว ท่านก็ตกอยู่ในสภาวะเข้าฌาน ท่านสิ้นใจอย่างสงบในวันที่  30 พฤษภาคม ค..1904 ด้วยวัย 30 ปี และถูกฝังที่เมืองนั้น ไม่นานหลุมศพท่านก็กลายเป็นที่แสวงบุญอีแห่งหนึ่ง ด้วยเวลาได้พิสูจน์แล้ว่าท่านคือนักบุญ จนมีอัศจรรย์นำไปสู่การบันทึกนามท่านไว้ในสารบบบุญราศีในวันที่ 24 มีนาคม ค..2008 ณ ลวีฟ ประเทศยูเครน

ท่านต้องมีความพากเพียรในการทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า เพื่อจะได้รับบำเหน็จตามพระสัญญา (ฮีบรู 10:36) น้ำพระทัยของพระเป็นเจ้านั้นคือกางเขนในชีวิตของเรา เราต้องแบกกางเขนอย่างพากเพียร อย่างร้อนรน อย่างอดทน เหมือนท่านที่แบกกางเขนอันคือข้อกล่าวหาอันไร้ซึ่งเค้ามูล จนต้องถูดูแคลนจากคนรอบข้าง ในบางที ใช่ กางเขนนั้นนำพามาแต่ความยากลำบากนั่นคือมองด้วยสายตาของผู้ขลาดเขลา  แต่สำหรับผู้รักพระแล้ว กางเขนคือความรอด ที่กางเขนเราพบความรอด ที่กางเขนนั้นเราได้รับความรอด ดังนั้นในฐานะคริสตชนมันจึงจำเป็นมากๆที่เราต้องแบกและแบกกางเขน ในทุกๆวินาทีของชีวิตเพื่อสุดท้ายในเมืองสวรรค์เราจะได้ร้องเพลงสรระเสริญพระเจ้าพร้อมกัน อัลเลลูยา


ข้าแต่ท่านบุญราศีมาร์ทา เวียซกา ช่วยวิงวอนเทอญ


ข้อมูลอ้างอิง

คือปัสกาของ 'การ์โลส มานูเอล' ตอนจบ

บุญราศีการ์โลส มานูเอล เซซิลิโอ โรดริเกซ ซันติอาโก Bl. Carlos Manuel Cecilio Rodríguez Santiago วันฉลอง: 13 กรกฎาคม และ 4 พฤษภาคม (ในปวยร์โต...