วันพุธที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

คุณแม่นักบุญ "พัก อากี"


นักบุญอันนา พัก อากี
St. 박아기 안나
ฉลองในวันที่ : 24 พฤษภาคม 

อันนาเกิดในครอบครัวคริสตชนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆริมแม่น้ำฮันราวๆปี ค..1782 ท่านไม่ได้ถึงกับฉลาดมาก ดังนั้นท่านจึงมีปัญหาในการเรียนรู้คำสอนและบทภาวนาต่างๆ แต่กระนั้นหัวใจของท่านก็เปี่ยมไปด้วยความรักต่อพระเจ้า ท่านมักกล่าวว่า ฉันไม่สามารถรู้จักพระเจ้าได้มากกว่าที่ฉันต้องการได้ แต่ฉันสามารถพยายามจะรักพระองค์ด้วยสุดหัวใจของฉันได้

ต่อมาเมื่ออายุได้ 18 ปี ท่านก็สมรสกับฟรานซิส แท มุน แฮออง และมีลูกชายด้วยกันสองคนและลูกสาวอีกสามคนซึ่งท่านก็คอยสอนพวกเขาอยู่ในความเชื่อ แม้ครอบครัวจะไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากแต่ทุกคนก็พยายามเจริญชีวืตอยู่ในหลักศีลธรรม ท่านนั้นยังมีอุทิศตนเป็นพิเศษต่อพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้าและคราใดท่านรำพึงถึงบาดแผลทั้งห้าของพระองค์ในดวงตาของท่านก็จะเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาเสมอ



เมื่อท่านได้ยินข่าวเรื่องการเบียดเบียนคริสตชน ท่านก็อธิบายให้ลูกๆของท่านฟังเกี่ยวกับเรื่องมรณสักขีและแสดงความปรารถนาที่จะเป็นเช่นนั้นเป็นมรณสักขี ท่านพร้อมสามีและลูกชายคนโตถูกจับกุมในประมาณเดือนมีนาคมหรือเดือนเมษายน ในปี ค..1836

สามีและลูกชายของท่านนั้นมิอาจทนถูกทรมานไหวจึงได้ยอมละทิ้งพระคริสตเจ้าเสีย แต่ตรงข้ามกันแม้ท่านจะถูกทรมานอย่างโหดร้ายมากแค่ไหนท่านก็ยังมั่นคงในพระคริสตเจ้า ความเจ็บปวดจากการทรมานนี้เทียบไม่ได้เลยจากความเจ็บปวดที่ได้เห็นสามีและลูกชายของท่านที่ถูกปล่อยตัวไปหลังจากละทิ้งความเชื่อ กลับมาเยี่ยมท่านทุกวันเพื่ออ้อนวอนให้ท่านทำเช่นพวกเขา ละทิ้งพระคริสตเจ้า พวกเขาเล่าถึงชะตากรรมของครอบครัวทีขาดท่านไปมากมาย



แต่ท่านก็สามารถเอาชนะสิ่งล่อใจนี้ได้ ท่านปฏิเสธพวกเขาทั้งน้ำตาและขอให้พวกเขากลับใจเสียใหม่ มีเพื่อนของท่านบ้างคนตระหนักถึงสถานการณ์บ้านของท่าน จึงมาเยี่ยมท่านและพยายามที่จะเกลี้ยกล่อมท่านอีกครั้ง ท่านรับฟังและตอบว่า มันคุ้มค่าแล้วหรือที่จะเสี่ยงเสียชีวิตนิรันดร์ไปในการมีชีวิตอยู่เพียงไม่กี่วัน แทนที่จะเซ้าซี้ให้ฉันละทิ้งความเชื่อเธอควรกลับใจเสียใหม่ เธอควรจะอิจฉาความโชคดีของฉันด้วยซ้ำนะ

ความเชื่อท่านนั้นดุจศิลาแม้นยามคุมคุกจะพูดกับท่านว่า สามีและลูกแกถูกปล่อยตัวและได้กลับบ้านไปแล้ว ด้วยแค่คำเดียวแกก็ทำเช่นนั้นได้ แกคงใจแข็งน่าดูถึงไม่เอนเอียงไปตามคำขอร้องของพวกมัน แกยังมีชีวิตอีกยาวจริงไหมท่านก็สวนไปขึ้นว่า การละทิ้งของสามีและลูกชายฉันคือเรื่องของพวกเขา จะทำอะไรกับฉันได้ละ ฉันน่ะตัดสินใจจะรักษาความเชื่อของฉันไว้และตายเพื่อมันด้วย



ท่านถูกเฆี่ยนตีจนหนังแตกจนเห็นกระดูก ท่านก็ยังคงคุกเข่าสวดภาวนาอยู่ตลอด เมื่อข้าหลวงเห็นว่าไม่สามารถจะเปลี่ยนใจท่านได้ เขาจึงตัดสินใจย้ายท่านมาขังยังคุกของศาล และดำเนินการทรมานท่านต่อไป และเช่นเดียวกันผู้พิพากษาก็นำเรื่องเดียวกันมาใช้ในการโน้มน้าวท่านว่า สามีและลูกแกก็ได้รับการปล่อยตัวแล้ว แค่คำเดียวแกก็สามารถเพลิดเพลินไปกับความสุขเดียวกันได้แล้วน่า ทันทีท่านตอบ ต่างคนต่างชอบเจ้าค่ะ ส่วนความปรารถนาของฉันคือการตายเพื่อพระเจ้าค่ะ

จนที่สุดหลังสามปีในคุก ในวันที่ 10 พฤษภาคม ค..1839 ท่านก็ถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยโทษ สำหรับการอ่านหนังสือต้องห้ามและพกภาพชั่วร้ายท่านถูกนำตัวไปนอกประตูน้อยทางตะวันตก และถูกบั่นศีรษะพร้อมคริสตชนอีกแปดคนในวันศุกร์ ที่ 24 พฤษภาคม ค..1839 ท่านสิ้นใจตามความปรารถนาของท่านในวัย 54 ปี



นาม อันนาของท่านได้รับการบันทึกไว้กับบรรดามรณสักขีผู้ใหญ่ทั้งหลายในฐานะบุญราศีเมื่อวันที่  5 กรกฏาคม ค..1925 โดยสมเด็จพระสันตะปาปาปีโอที่ 11 และเนื่องในวโรกาสครบรอบ 200 ปี แห่งพระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศเกาหลี  สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2ก็ได้ทรงสถาปนาท่านพร้อมบรรดามรณสักขีคนอื่นเป็นนักบุญ ณ ยออีโด กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้

องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรายิ่งใหญ่ ทรงสรรพานุภาพ พระปรีชาญาณของพระองค์ไม่มีขอบเขต(สดุดี 147:5) ชีวิตของท่านได้ยืนยันถึงเรื่องนี้ด้วยชีวิต ด้วยโลหิต แม้ท่านจะไม่ได้รู้อะไรมาก แต่ท่านรู้แน่นอนว่าท่านรักพระองค์ พระองค์ยิ่งใหญ่ที่สุด ท่านจึงกล้ายืนยันถึงพระองค์ เราต้องเป็นมรณสักขี แต่ก็ใช่ว่าเราต้องไปตายเพื่อยืนยันความเชื่อ เราต้องเป็นมรณสักขีในทุกๆวินาทีของชีวิต เป็นพยานถึงพระองค์ ไม่ใช่ด้วยความรู้ แต่ด้วยการน้อมรับน้ำพระทัยพระเป็นเจ้าในทุกๆขณะของชีวิต ให้ทุกคนได้รับรู้ถึงพระองค์ผ่านตัวเราแล้วร้องสรรเสริญพระองค์ดังๆว่า อัลเลลูยา อัลเลลูยา


ข้าแต่ท่านนักบุญอันนา พัก อากี ช่วยวิงวอนเทอญ

ข้อมูลอ้างอิง

คือปัสกาของ 'การ์โลส มานูเอล' ตอนจบ

บุญราศีการ์โลส มานูเอล เซซิลิโอ โรดริเกซ ซันติอาโก Bl. Carlos Manuel Cecilio Rodríguez Santiago วันฉลอง: 13 กรกฎาคม และ 4 พฤษภาคม (ในปวยร์โต...