วันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

อัครเทวดามีคาแอลกับแอซเท็กผู้ต่ำต้อย



อัครเทวดามีคาแอลกับแอซเท็กผู้ต่ำต้อย
San Miguel del Milagro
สักการสถานซาน มีเกล เดล มีลาโกร  ซาน เบรนาเด เมืองนาตีวีตัส รัฐตลัซกาลา ประเทศเม็กซีโก

ดีเอโก ลาซาโร เป็นชาวแอซเท็กแต่กำเนิด เขาเกิดในบ้านไร่ของซาน เบรนาเด เมืองนาตีวีตัส รัฐตลัซกาลา ประเทศเม็กซีโก เขาได้กลับใจและรับศีลล้างบาปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน ค..1613 และตามธรรมเนียมของชาวแอซเท็กที่ประมาณอายุราว 17 ปี เขาก็ได้แต่งงานกับฟรังเชสกา กาสติลลัน ซูคิตล์  แต่ก็มิได้ปรากฏว่าเขากับเธอมีลูกด้วยกัน เพื่อนบ้านกล่าวถึงดีเอโกว่า เขามีนิสัยที่น่าชื่นชม เขาเป็นคนเงียบๆและพอประมาณ เขาเข้าเรียนคำสอน มิสซา และให้ตัวอย่างที่ดีแก่ทุกคนด้วยการปฏิบัติที่ดีของเขาเอง

ต่อมาในวันที่ 25 เมษายน ค..1631 ขณะดีเอโกร่วมขบวนแห่วันฉลองนักบุญมาระโก ของวัดซานตา มารีอา นาตีวีตัส ขณะขับบทเร้าวิงวอน อัครเทวดามีคาแอลก็ได้ประจักษ์มาหาดีเอโกเป็นการส่วนตัวและกล่าวกับดีเอโกด้วยภาษาแอซเท็กว่า



ลูกจงรู้ไว้ ลูกชายของเรา ว่าเราคืออัครเทวาดามีคาแอล เรามาเพื่อแจ้งให้ลูกทราบว่ามันคือพระประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าและของเรา ที่ให้ลูกจะบอกแก่บรรดาเพื่อนบ้านในเมืองนี้และบริเวณโดยรอบว่าที่ในหุบเขาลึกมีลักษณะเป็นเนินเขาสองลูก ที่หันหน้าไปทางสถานที่แห่งนี้ พวกเขาจะพบน้ำอัศจรรย์สำหรับโรคภัยทั้งหมด ณ ที่ใต้ก้อนหินขนาดใหญ่มาก อย่าได้สงสัยในสิ่งที่เราบอกลูกและละเลยที่จะทำงานตามที่เราสั่งลูกเลย ตรัสเสร็จอัครเทวามีคาแอลก็ได้หายไป ทิ้งไว้แต่ดีเอโก ลาซาโร ที่ยังงุนงงและสับสน

ดีเอโก รู้สึกว่าคงไม่มีเชื่อเขาแน่เพราะเขาเป็นเพียงชาวแอซเท็กที่ยากไร้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะเก็บเรื่องนี้ไว้และลืมคำสั่งของอัครเทวดามีคาแอลเสีย โดยที่เขาไม่ทราบเลยว่าคุณพ่อฟรานซิสกันหลายคนสังเกตเห็นอาการผิดปกติที่เขาแสดงออกมานั้น พวกท่านจึงเป็นคนที่คอยแนะนำท่านและช่วยเหลือเขามาตลอด ตั้งแต่ก่อนการประจักษ์จะเป็นที่ยอมรับเสียอีก โดยพวกท่านทั้งมักสอดแทรกลงในบทเทศน์ ทั้งยังมักจัดขบวนไปยังบ่อนำและถวายมิสซา ณ ที่นั่น


และเนื่องจากการไม่เชื่อฟังของดิเอโก หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ล้มป่วยลงด้วยการไข้ตัวร้อน จนเกือบจะถึงวาระสุดท้าย ดีเอโกต้องนอนซมอยู่แต่ภายในกระโจมของเขา รายล้อมไปด้วยบรรดาญาติพี่น้องเพื่อมาช่วยเตรียมใจให้เขาจากไปอย่างสงบ ในช่วงประมาณคือที่เจ็ดถึงแปดพฤษภาคม ปีนั้น ขณะญาติทุกคนกำลังอยู่ที่นั่นก็พลันบังเกิดแสงสว่างส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา เหมือนแสงของสายฟ้า จนทำให้บรรดาญาติของเขาตกใจหนีเตลิดออกทิ้งไว้แต่ดีเอโกที่นอนลุกไปไหนไม่ได้

หลังจากเหตุการณ์ผ่านไปได้ซักพักญาติๆทุกคนจึงเริ่มกลับไปที่กระโจมที่ดีเอโกนอนป่วยอยู่ ว่าเป็นอะไรบ้างหรือเปล่าเพราะสร้างจากฟาง แต่พวกเขาพบเพียงดีเอโก ที่ลืมตาขึ้นมานั่งและพูดกับทุกคนว่า อย่ากลัวไปเลยสำหรับจุดหมายของฉันเลย อัครเทวามีคาแอลได้ประจักษ์มาหาฉัน เพื่อมอบสุขภาพให้แก่ฉันและนำฉัน(ฉันไม่รู้ว่าอย่างไร)ไปยังหุบเขาใกล้ๆที่นี่ ท่านนำหน้าฉันเพื่อกรุยทาง เมื่ออยู่ในหุบเขาแล้วท่านกล่าวว่า : ที่ที่เราแตะพื้นด้วยคทานี้ (มันเป็นคทาสีทองที่ท่านถืออยู่ในมือของท่านกับกางเขนที่ด้านบน)คือน้ำพุของน้ำที่เราบอกกับลูก เมื่อลูกเดินอยู่ในขบวนแห่ จงเปิดเผยมัน ด้วยเหตุนี้ หากลูกมิยอมทำตามแล้ว ลูกจะต้องได้รับการลงโทษอย่างรุนแรง



จากนั้นก็มีสว่างอันยิ่งใหญ่ส่องลงมาจากท้องฟ้ามาเหนือสถานที่ของน้ำพุ แสงที่ลูกได้เห็นนั้นลงมาจากสวรรค์ เป็นคุณธรรมที่องค์พระเจ้าได้ทรงถ่ายทอดมายังน้ำพุนี้ เพื่อเยียวยาและบรรเทาของผู้ป่วย และสิ่งจำเป็นอื่นๆ จงทำการรู้จักนี้ไปสู่ทุกคน เหตุการณ์นี้เป็นข้อพิสูจน์ว่าการประจักษ์ครั้งนี้มิใช้เรื่องโกหก

หลังจากนั้นดีเอโกก็ได้รับคำแนะนำจากภารดาเอร์นันโด การ์เซีย เรนโดน คุณพ่อฟรังซิสกันของอารามนาตีวีตัส ก่อนเขาจะเดินทางไปยังตลัซกาลาเพื่อแจ้งสารของอัครเทวดามีคาแอลต่อผู้ว่าราชการจังหวัดของชาวพื้นเมืองชื่อ ดอน เกรโกรีโอ นาเซียนเซโน เพราะการได้รับการยินยอมจากหัวหน้าเผ่าโดยอุปราชเป็นสิ่งสำคัญมาก มันเป็นที่ยอมรับและเกรงกลัวโดยชาวพื้นเมือง และทันทีที่เขาทราบเรื่องของดีเอโก เขาก็บอกว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่อัครเทวดามีคาแอลจะประจักษ์มาหาคนแอซเท็กผู้ยากไร้ เมื่อมีทั้งนักบวช พระสังฆราช และขุนนางจำนวนมากมายที่สมควรจะได้รับเกียรตินี้ ทั้งนั้นเขายังสั่งให้หนึ่งในข้าราชการของเขาไปตรวจสอบกรณีและผลที่ได้คือเป็นภัย สำหรับในที่แห่งนั้นมีน้ำพุอยู่ตลอด และที่ต่ำลงไปเล็กน้อยยังมีน้ำนิ่งที่เรียกกันว่า Tzopiloatl หรือ น้ำของอีแร้ง ด้วยหลักฐานเหล่านี้เองที่ทำให้ผู้ราชการขู่ว่าจะลงโทษดีเอโกถ้าเขายังคงเชื่อเรื่องนี้อยู่



แต่แม้จะโดนคำตอบรุนแรงเช่นนี้ดีเอโก ก็มิได้ย่อท้อ เมื่อเขากับมาบ้านเขาก็ได้ตัดสินใจไปยังสถานที่นั้นพร้อมบิดามารดาและภรรยาของเขา ซึ่งสถานที่แห่งนี้มีลักษณะเป็นเนินเขาที่ถูกแบ่งออกด้วยหุบเขาหรือเงื้อมผาที่คนโบราณเรียกกันว่า Tzopilotitlan แปลว่าดินแดนของอีแร้ง และตั้งชื่อแอ่งน้ำนั้นว่า Tzopiloatl หรือ น้ำของอีแร้ง ซึ่งสูงขึ้นไปหน่อย พวกเขาก็พบจุดที่อัครเทวดามีคาแอลได้ใช้คทาแตะพื้น มันถูกหินภูเขาไฟขนาดใหญ่มากชนิดเปราะที่เรียกกันว่า tepetate ทับอยู่ ทั้งสี่จึงช่วยกันเลือนหินนี้ออก พยานบางคนบอกว่ามันหนักราว 500 quintales

ซึ่งแม้จะทำอย่างไรๆหินก็มิขยับซักที แต่อยู่ๆก็ปรากฏมีชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งอาสามาช่วย ชายหนุ่มคนนั้นเพียงใช้มือหินก้อนนั้นก็ขยับและกลิ้งตกลงไปในหุบเขาโดยง่าย หลังจากนั้นชายหนุ่มผู้นั้นก็หายไป เมื่อหินได้ถูกผลักออกไปแล้วทั้งสี่ก็ช่วยกันขุดลงไปในดินด้วยมือ ปรากฏว่าก็มีน้ำไหลออกมาจากน้ำพุมีลักษณะใส



หลังจากนั้นเมื่อเวลาผ่านไปดีเอโกก็ได้มีโอกาสร่วมงานฉลองนักบุญดีดากุส แห่ง อัลกาลา ซึ่งคือวันที่ 13 พฤศจิกายน ปีนั้น ในระหว่างมิสซา ดีเอโกก็รู้สึกว่าถูกมือที่มองไม่เห็นทุบตีด้วยไม้เท้า จนทำให้เขากระดูกเคล็ด และเมื่อเขากลบไปบ้าน ดีเอโกก็กลายเป็นล้มป่วยหนัก อัครเทวดามีคาแอลก็ได้ประจักษมาหาเขาอีกครั้งพร้อมกล่าวว่า ทำไมลูกถึงเป็นคนขี้ขลาดและละเลยในสิ่งที่เราฝากฝังไว้กับลูกละ หรือลูกต้องการให้เราลงโทษลูกด้วยวิธีอื่นสำหรับการไม่เชื่อฟังของลูกใช่หรือไม่ จงลุกขึ้น และขยันในการทำให้รู้ถึงสิ่งที่เราได้สั่งลูกไว้

เมื่อถูกตำหนิเช่นนี้ดีเอโกจึงตัดสินใจไม่สนคำของมนุษย์ และมุ่งหน้าไปตักน้ำจากน้ำพุมา ก่อนเดินทางไปหาพระสังฆราชแห่งปูเอบลา พระคุณเจ้าดอน กูลเตียร์เร เบร์นาร์โด กีโรซ พระสังฆราชผู้ใจดีจะรับฟังเรื่องราวของเขา ทันทีพระคุณเจ้าก็ระลึกได้ว่าพระเจ้าทรงเปิดเผยอาณาจักรของพระองค์แก่คนต่ำต้อยเสมอ พระคุณเจ้าเห็นถึงความจริงใจของดีเอโก และรับที่จะดูแลเรื่องนี้ให้เอง หลังจากนั้นพระคุณเจ้าก็ได้กระจายน้ำนี้ไปยังโรงพยาบาลราชและผู้ป่วยในความดูแลของพระคุณเจ้าเอง ซึ่งเป็นอัศจรรย์เพราผู้ที่ดื่มน้ำนี้ต่างหายจากโรคที่เคยเป็น ข่าวนี้แพร่ไปทำให้ไม่นานทุกคนจึงเริ่มหลั่งไหลมายังหุบเขาแห่งนี้



หลังจากนั้นก็ได้มีการสอบสวนอัศจรรย์จนกลายเป็นที่ยอมรับ กลับมาที่ดีเอโก ภายหลังเขาก็ได้ใช้ชีวิตเป็นคนดูแลวัดหลังแรกที่ถูกสร้างขึ้น คอยรับทั้งอัครเทวดามีคาแอลและผู้คนที่มาแสวงบุญ ในฐานะฤาษีตลอดสามปี ดีเอโกขยันในการรับใช้ผู้ป่วยและคอยพูดหนุนใจพวกเขา เขาเจริญชีวิตอย่างเคร่งครัดและเป็นทุกข์ถึงบาป เขาใชเวลาสวดภาวนาเป็นเวลานาน อย่างไรเรื่องการเจริญชีวิตของเขาก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ ดีเอโก สิ้นใจอย่างสงบในวัย 20 ปี ในวันนั้นเชื่อกันว่าจู่ๆระฆังก็ดังเองโดยที่ไม่มีใครไปตี

*หมายเหตุ ดีเอโก ลาซาโร เป็นคนละคนกับ นักบุญฆวน ดีเอโก


ข้าแต่ท่านอัครเทวาดมีคาแอล และ ท่านดีเอโก ลาซาโร ช่วยวิงวอนเทอญ

ข้อมูลอ้างอิง

คือปัสกาของ 'การ์โลส มานูเอล' ตอนจบ

บุญราศีการ์โลส มานูเอล เซซิลิโอ โรดริเกซ ซันติอาโก Bl. Carlos Manuel Cecilio Rodríguez Santiago วันฉลอง: 13 กรกฎาคม และ 4 พฤษภาคม (ในปวยร์โต...