วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2559

มะลิน้อยแห่งแดนภารตะ "มารีอัม เทรเซีย" ตอน 4


นักบุญมารีอัม เทรเซีย
St. Mariam Thresia
ฉลองในวันที่ : 6 มิถุนายน

วันหนึ่งแม่พระผู้ท่านมอบความรักให้ดุจเป็นมารดา ก็ทรงตรัสกับคุณพ่อวิทยาทิลผ่านท่านว่า พระนางปรารถนาให้สร้างอาศรมเพื่อพระนางขึ้นสักหลัง ดังนั้นในเดือนกรกฎาคม ค..1903 คุณพ่อวิทยาทิลจึงได้นำเรื่องนี้ไปแจ้งแก่พระสังฆราชเมนาเชรี ฉันไม่เชื่อเรื่องพวกนี้หรอก ถ้ามันมาจากพระเจ้าจริง มันควรจะได้รับการยืนยันด้วยเครื่องหมายสิ พระคุณเจ้ากล่าว และปฏิเสธที่จะให้สร้างอาศรม เพราะท่านมั่นใจว่าปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับท่านตลอดหลายปีนั้น เป็นการกระทำของปีศาจ

พระคุณเจ้าเคยเขียนถึงคุณพ่อว่า

คุณพ่อที่รักของฉัน

ถ้าสิ่งนี้มาจากพระเจ้าจริง ท่านก็สามารถที่จะขอให้เธอนบนอบต่อพระเจ้าในทุก ๆ สิ่ง และรับความทุกข์ทรมานทุกอย่างในนามของฉัน เพื่อว่าอาศัยการมอบตัวของเธอไว้ทั้งครบต่อพระนางมารีย์ผู้ปฏิสนธินิรมล และนักบุญยอแซฟ และการอารักษ์ของท่านทั้งสอง เธอจะไม่หลงผิดอีก

คำสั่งพิเศษจะถูกส่งไป ภายหลังปรึกษากับบรรดาซิสเตอร์ที่อลลูร์แล้ว

ดร. จอห์น เมนาเชรี



และด้วยต้องการทดสอบกระแสเรียก พระคุณเจ้าจึงลองใจท่านด้วยการแนะให้ท่านไปเข้าคณะฟรังซิสกัน กลาริส (คณะเดียวกันกับนักบุญอัลฟองซา นักบุญสตรีอินเดียองค์แรก) แต่ท่านปฏิเสธ เพราะท่านคิดว่าท่านมิได้ถูกเรียกให้เข้าคณะดังกล่าว และท่านปรารถนาจะอยู่แต่ลำพัง  พระคุณเจ้าจึงขอให้ท่านลองไปเข้าอารามพระแม่มารีย์ ที่ อลลูร์ ของคณะภคินีแห่งพระมารดาแห่งคาร์แมล ซึ่งเวลานั้นมีนักบุญอิวพาเซียแห่งพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า ดำรงตำแหน่งเป็นนวกจารย์ และมี ฯพณฯ เมนาเชรีเป็นวิญญาณารักษ์ เนื่องจากประสบการณ์พิเศษเหนือธรรมชาติของเธอ

ฝั่งท่านในวัย 36 ปีก็น้อมรับ และได้เดินทางมาถึงอารามพระแม่มารีย์ในวันที่ 26 พฤศจิกายน ค.. 1912 ท่ามกลางความยินดีของซิสเตอร์ทุกคนในอาราม ที่นั่นท่านได้รับมอบหมายให้อยู่ภายใต้ความดูแลของซิสเตอร์อิวพาเซีย ซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์ด้านวิญญาณชิดสนิทกับพระเป็นเจ้า ไม่ต่างอะไรไปจากท่าน และอายุอานามไล่เลี่ยกับท่าน (ซิสเตอร์เกิดหลังท่านปีหนึ่งแต่ไม่วายปัญหาและการทดลองต่าง ๆ ก็รุมเร้าเข้ามาหาท่าน ทั้งปัญหาเรื่องเลือดที่ไหลออกมาจากรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ทุกอาทิตย์ และปัญหาการรังควานของปีศาจ 


แต่ท่ามกลางปัญหาเหล่านั้น วิญญาณของท่านก็ฉายแสงแห่งความศักดิ์สิทธิ์ออกมา ซิสเตอร์หลายคนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า วิญญาณที่นบนอบ ถ่อมตน รับใช้ และการบำเพ็ญพรตของท่านเป็นแบบอย่าง และรู้สึกว่าเหตุการณ์เหนือธรรมชาติต่าง ๆ ของท่านไม่ได้เป็นเรื่องน่าอับอาย ตรงข้ามกลับเป็นสิ่งล้ำค่าสำหรับอาราม ดังนั้นซิสเตอร์ทุกคนจึงปรารถนาให้ท่านอยู่ที่อารามนี้ต่อ และยื่นข้อเสนอว่าพร้อมจะรับท่านโดยไม่เอาค่าสินสอดใด ๆ แต่พระคุณเจ้าได้ปรามไว้และขอให้พวกเธอรอสักระยะ

กลับมาที่ปุเทนชิระ เมื่อท่านจากไป ทั้งหมู่บ้านก็มีแต่ความทุกข์ ทุกคนคิดถึงท่านและต่างอยากให้ท่านกลับมาอยู่ที่นี่ ดังนั้นเพียงเดือนเดียวที่ท่านไป คุณพ่อเจ้าวัดจึงได้ส่งจดหมายขอให้ส่งตัวท่านกลับไปยังพระสังฆราชในทันที (ฝั่งท่านนั้นเองก็มิได้สนใจจะอยู่ในอารามนี่อยู่แล้ว) จนวันหนึ่งพระคุณเจ้าเมนาเชรีก็เดินทางมาที่อาราม และบอกกับท่านว่า มันไม่ใช่น้ำพระทัยของพระเจ้าที่ลูกจะอยู่ในอาราม ดังนั้นลูกจะได้กลับไปที่ของลูก คุณพ่อวิญญาณของลูกจะสร้างบ้านให้ลูกเอง


ดังนั้นเองเมื่อได้รับคำอนุญาตแล้ว ในวันที่ 27 มกราคม ค.ศ.1913 ท่านจึงได้ออกจากอารามอลลูร์แล้วเดินทางกลับไปยังปุเทนชิระพร้อมด้วยจดหมายอำลา ซึ่งมีเนื้อความมีว่าขอคำภาวนาให้มีความอดทน ความรักของพระเจ้า และขอให้ได้ตายอย่างมีความสุขจากซิสเตอร์อิวพาเซีย โดยทิ้งไว้แต่เพียงภาพของความศักดิ์สิทธิ์และความชื่นชมให้ผู้คนที่อลลูร์ได้จดจำ (ขณะท่านอยู่ที่อาราม ข่าวเรื่องรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ของท่านเป็นที่เลื่องลือมาก มีผู้คนมากมายแวะเวียนมาหาท่านด้วยความสนใจ ไม่เว้นแม้แต่พระสงฆ์)

และที่สุดหลังร้องขอมาสิบปี พระคุณเจ้าก็อนุญาตให้ท่านสร้างอาศรมตามที่แม่พระทรงปรารถนา เพราะพระคุณเจ้าได้แลเห็นถึงความอดทน ความนบนอบ และความถ่อมตนอันหนักแน่นของท่าน พระคุณเจ้าจึงหมดข้อสงสัยในตัวท่าน ดังนั้นเองเมื่อได้รับอนุญาตเช่นนี้ และได้รับบริจาคที่ดินจากอนาคตนักบวชของท่าน ชื่อ ศรี มาลีเอ็กกัล กูนัน โกชุวาร์เกย์ อิททูพ โครงการสร้างบ้านแห่งคำภาวนาจึงเริ่มขึ้น


แต่ไม่ทันจะได้ทำอะไร ปัญหาก็เข้ามาแทบจะทันที เมื่อบ้านหลังนี้ยังขาดแคลนเงินทุนอยู่ ทำให้คุณวิทยาทิลกลัดกลุ้มใจในเรื่องนี้เป็นอันมาก แต่ท่านก็ปลอบใจว่าท่านจะออกไปเรี่ยไรมา ฝั่งคุณพ่อยอมรับแม้จะไม่เต็มใจเท่าไรนัก ทำให้ในวันรุ่งขึ้นท่านพร้อมเพื่อนอีกสามคน จึงได้พากันออกไปเรี่ยไรเงิน จนที่สุดแล้วบ้านหลังนี้ก็สำเร็จเสร็จลงได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่ยังไม่ทันจะยินดีได้เท่าไร ปัญหาใหม่ก็ตามมาในทันที กล่าวคือเมื่อคุณพ่อวิทยาทิลส่งคำร้องขออนุญาตเสกบ้านหลังนี้ไปยังพระสังฆราช พระคุณเจ้าก็ไม่ได้ตอบกลับคำขอของคุณพ่อเสียที

แต่แทนที่ท่านจะผิดหวัง ตรงข้ามท่านสงบนิ่งและได้แจ้งกับคุณพ่อ ว่าท่านน้อมรับทุกสิ่งให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าสิ่งใดเล่าที่พระองค์ทรงประสงค์ คือสิ่งเดียวที่ลูกประสงค์ ขอให้พระประสงค์ของพระองค์จงสำเร็จไปเถิด และในวันรุ่งขึ้น คือ ในวันที่ 23 กันยายน ค..1913 พระคุณเจ้าจึงได้ส่งคุณพ่อจอห์น อุกคัน เลขานุการของพระคุณเจ้าให้มาเป็นผู้เสกบ้านหลังนี้ ซึ่งท่านให้นามว่า เอคันทะ ภวันหลังจากนั้นในวันที่ 7 ตุลาคม ท่านที่ขณะนี้มีอายุได้ 37 ปี จึงย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังใหม่ ก่อนในเดือนมกราคม ปีถัดมาเพื่อน ๆ ของท่านจึงตามเข้ามาสมทบ หลังผลัดกันมานอนเป็นเพื่อนท่านคนละคืนกันมาได้สักพัก


ณ ที่บ้านแห่งคำภาวนา ท่านได้ใช้เวลาส่วนมากไปกับการสวดภาวนา ตามความปรารถนาตั้งแต่ครั้งมารดาท่านเสียชีวิต โดยมิได้แผนการใด ๆ ชัดเจนว่าจะดำเนินการอะไรต่อ แต่ฝั่งคุณพ่อวิทยาทิลได้เล็งเห็นว่าชีวิตของพวกท่านจำต้องมีกฎระเบียบไม่ใช่อยู่ไปวัน ๆ โดยไม่มีระเบียบแบบแผน ดังนั้นคุณพ่อจึงได้ร่างกฎน้อย ๆ สำหรับท่านและเพื่อน โดยคุณพ่อได้แบ่งเวลาสวดภาวนา รำพึง สำรวจมโนธรรม และปฏิบัติกิจการเมตตาอย่างเป็นสัดเป็นส่วน ส่วนเวลานอนถูกกำหนดไว้เพียงสองชั่วโมงคือระหว่างสี่ทุ่มถึงเที่ยงคืน หลังจากนั้นตั้งแต่เที่ยงคืนถึงตีห้าก็จะเป็นเวลาในการรำพึงพระมหาทรมาน และการพลีกรรมตามคำอนุญาตของคุณพ่อวิทยาทิล ฝั่งท่านก็ปฏิบัติตามกฎเหล่านี้อย่างเคร่งครัด

ทำให้ทีละนิด บ้านหลังเล็ก ๆ ที่มีชื่อว่า เอคันทะ ภวัน กลายมาเป็นบ้านของคำภาวนา การชดเชยบาป และศูนย์กลางของชีวิตฝ่ายจิตอย่างแท้จริง และไม่เพียงเท่านั้น เพราะไม่เพียงพวกท่านจะเอาแต่สวดภาวนาอยู่เช้าค่ำ ท่านและเพื่อนก็ยังคงแวะเวียนคนยากไร้และคนเจ็บป่วย ดังเช่นที่ปฏิบัติกันมาตั้งแต่ก่อนมีบ้านหลังนี้ จึงทำให้เอคันทะ ภวัน ยังเป็นบ้านแห่งความเมตตาโดยแท้จริงไปด้วย


เอคันทะยังคงเป็นบ้านของสตรีกลุ่มหนึ่งที่มีท่านเป็นหัวหน้า อยู่จนในวันที่ 13 พฤษภาคม ค..1914 พระคุณเจ้าเมนาเชรีที่เดินทางมาเยี่ยมบ้าน และพอใจกับวิถีชีวิตของสตรีทั้งสี่ พระคุณเจ้าจึงตัดสินใจบอกกับคุณพ่อวิทยาทิลระหว่างพูดคุยกันว่า พระคุณเจ้าตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนบ้านเอคันทะ ภวัน เป็นคณะนักบวชหญิงพื้นเมืองใหม่นามว่า คณะพระวิสุทธิวงศ์ ดังนั้นในวันรุ่งขึ้น ท่ามกลางพระสงฆ์นักบวช ณ วัดประจำปุเทนชิระ พระคุณเจ้าเมนาเชรีจึงได้ประกาศตั้งคณะพระวิสุทธิวงศ์ขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยให้คุณพ่อวิทยาทิลรับหน้าที่เป็นจิตตาภิบาลคนแรกของคณะ และท่านเป็นอธิการิณีที่ได้รับนามใหม่หลังปฏิญาณตนว่า  ภคินีมารีอัม เทรเซีย แห่ง แม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์’ วันเดียวกันครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ยังได้ประจักษ์มาสนทนากับท่านอีกด้วย

คณะใหม่เริ่มด้วยท่านและโปสตุลันต์สามคน พร้อมธรรมนูญใหม่ซึ่งจัดทำโดยพระคุณเจ้าเมนาเชรีด้วยตัวเอง โดยพระคุณเจ้าได้นำเอาธรรมนูญของภคินีคณะพระวิสุทธิวงศ์แห่งบอร์โดซ์ ซึ่งมาตั้งอารามอยู่ที่ศรีลังกามาและดัดแปลง เวลานั้นแม้นเอคันทะจะพัฒนาเป็นคณะนักบวชพื้นเมืองแล้ว คณะก็ยังไม่มีทรัพย์สินใด ๆ เลย แต่กระนั้นก็ตาม คุณแม่อธิการคนนี้ก็สามารถจัดหาทรัพย์สิน และวิธีเก็บมันได้อย่างน่าแปลกประหลาด คุณพ่อวิทยาทิลบันทึกไว้ว่า เมื่ออาหารขาดแคลนมาก ๆ และไม่มีความช่วยเหลือจากใคร เธอจะสวดภาวนาต่อพระเจ้าอย่างเร่าร้อน แล้วนักบุญยอแซฟก็จะนำอาหารมาให้ และเอาเงินไปใส่ไว้ในกล่องของเธอ แต่บางเวลาก็ไว้ใต้เสื่อนอนเธอ บางเวลาก็ในมือของเธอเลย


ด้วยเล็งเห็นว่าการศึกษาในโรงเรียนเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการปลูกฝังคุณค่าของพระวรสาร และจริยธรรมในสังคมให้เด็ก ๆ และเล็งเห็นว่าที่ปุเทนชิระยังขาดโรงเรียน ทำให้เด็ก ๆ หลายคนในหมู่บ้าน โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงขาดโอกาสทางการศึกษา ท่านจึงนำเรื่องที่จะตั้งโรงเรียนนี้ไปปรึกษากับคุณพ่อวิทยาทิล ซึ่งคุณพ่อก็เห็นด้วย และได้ส่งเรื่องไปยังพระคุณเจ้าเมนาเชรี ฝั่งพระคุณเจ้าก็อนุมัติ  ทำให้ในสภาพที่ไม่มีอะไรเลยไม่ว่าจะเงิน หรือบุคลากรที่ได้รับการอบรม โรงเรียนประถมขนาดสองชั้นเรียนจึงถูกเปิดขึ้นในชื่อ โรงเรียนประถมศึกษาพระวิสุทธิวงศ์ ในปี ค..1915 โดยอาศัยการดัดแปลงอาคารที่ท่านพักมาเป็นที่เรียน 

แต่เนื่องจากไม่มีใครในอารามของท่านมีประสบการณ์ด้านนี้โดยตรบ ท่านจึงได้ขอให้พระคุณเจ้าเมนาเชรีช่วย ซึ่งพระคุณเจ้าก็ได้จัดส่งซิสเตอร์สองคนจากคณะภคินีแห่งพระมารดาแห่งคาร์แมลมาสอนที่โรงเรียนเป็นระยะเวลาหนึ่งปี แต่ยังไม่ทันไร ปัญหาก็เกิดขึ้นเมื่อโรงเรียนของท่านก็ไม่ถูกนับว่าเป็นโรงเรียนจากทางภาครัฐ เพราะโรงเรียนขาดคุณสมบัติหลายประการ กระนั้นก็ดี ด้วยพระญาณสอดส่องของพระเจ้า ในเวลาต่อมาครูผู้ชำนาญการสองคนก็ถูกพามาสอนจากทั้งที่โกซีโกเดและก็อตตายัม และเมื่ออาคารเรียนแล้วเสร็จ ภาครัฐจึงอนุมัติการเป็นสถานศึกษาของโรงเรียนของคณะ งานของคณะจึงดำเนินต่อไปได้อย่างไม่มีอุปสรรค


วันเวลาล่วงไป ทีละเล็กละน้อยจากสมาชิกเพียงสี่คน ก็ค่อย ๆ เพิ่มจำนวนขึ้นตามจำนวนสตรีที่มาคอยติดตามท่านในทุก ๆ ปี จนทำให้อารามหลังเดิมที่มีอยู่ไม่อาจจะรองรับจำนวนของสมาชิกคณะได้อีกต่อไป แต่ในสภาวะการณ์ดังนี้ ท่านก็ไม่อาจจะแก้ปัญหาตรงนี้ได้ในทันที เนื่องจากในเวลานี้แม้คณะจะเริ่มมีสมาชิกเพิ่มมากขึ้น แต่คณะก็ยังขาดเงินทุนสำหรับการขยายอาราม รวมถึงที่ดินที่จะรองรับโครงการนี้ ดังนั้นบรรดานักบวชหญิงจึงอยู่ในสถานการณ์อันยากลำบากอีกหน และแต่ก็เช่นทุกครั้งที่ท่านพบปัญหา ท่านได้หันหน้าไปขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า เฝ้าสวดภาวนาทั้งเช้าค่ำด้วยความเชื่อและความวางใจ ต่อพระเจ้าและครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ให้แก้ปัญหานี้

จนวันหนึ่งคุณพ่อจอห์น อัมบูเก็น ก็ได้เดินทางมายังอาราม และได้เสนอที่จะยกที่ดินรกร้างขนาดแปดไร่ที่หมู่บ้านกุสิกกัตตุสเสรี ซึ่งอยู่ในความดูแลของเขตปุเทนชิระให้คณะ รวมถึงยินดีจะช่วยเหลือด้านการเงินในการสร้างอารามหลังใหม่นี้ให้ด้วย ฝั่งพระคุณเจ้าเมนาเชรีเมื่อทราบเรื่อง ก็ได้จัดการซื้อที่ดินผืนดังกล่าว และได้เดินทางมาประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์อารามและวัดน้อย ในวันที่ 2 กรกฎาคม ค..1917 จึงเป็นอันว่าปัญหาเรื่องอารามไม่สามารถรองรับการเติบโตของคณะได้รับการแก้ไขไปในเบื้องต้น


ที่ใช้คำว่า ในเบื้องต้น เพราะว่าแม้จะได้ที่ดินและเริ่มโครงการสร้างอารามใหม่ มันก็ไม่ได้ดำเนินไปอย่างราบรื่น เนื่องจากในเวลาที่เริ่มก่อสร้างอารามหลังใหม่นั้น ประจวบเหมาะพอดีกับช่วงเป็นช่วงข้าวยากหมากแพง และค่าเงินรูปีอ่อนตัวอันเป็นผลหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้การหาความช่วยเหลือทางด้านเงินทุนในการก่อสร้างเป็นเรื่องยากพอสมควร กระนั้นก็ตามพระเจ้าก็มิได้ทรงปล่อยให้งานของพระองค์ล่มลงเสียกลางทาง เพราะท่ามกลางความยากลำบากนั้น มหาราชาแห่งโกชิน ผู้ปกครองดินแดนชาวฮินดูก็ได้ทรงบริจาคไม้สำหรับใช้ก่อสร้างอาราม เพราะพระองค์ทรงชื่นชมชีวิตที่ศักดิ์สิทธิ์และกิจการเมตตาของท่าน และเวลาเดียวกันก็มีการบริจาคมากมายหลั่งไหลมาจากบรรดาผู้ใจบุญทั้งหลาย

ซิสเตอร์โรส มารีอัม ซึ่งรู้จักท่านตั้งแต่ปี ค..1918 เล่าถึงเวลานั้นว่า คุณแม่มารีอัม เทรเซียทำงานหนัก เพื่อการเติบโตและการพัฒนาของคณะที่พึ่งก่อตั้งขึ้นใหม่ เกือบทุกวันท่านเดินถึงห้ากิโลจากปุเทนชิระไปยังกุสิกกัตตุสเสรี เพื่อกำกับดูแลการก่อสร้างอารามใหม่ และเพื่อทำงานร่วมกับบรรดาคนงาน ตั้งแต่ก่อนเวลาอาหารกลางวัน ซิสเตอร์เทรเซีย ที่มีโอกาสติดตามท่านในช่วงระหว่างการก่อสร้างอยู่บ่อยๆ  เล่าว่า บางครั้งเมื่อเงินจ่ายค่าแรงคนงานไม่มี ท่านก็ยังคงมีความกล้าหาญ และความวางใจที่ไม่ธรรมดา ท่านเดินหน้างานก่อสร้างอารามและวัด ด้วยการวางความวางใจของท่านไว้ในการอารักษ์ขาเช่นบิดาของพระเจ้า ผู้ทรงสรรพานุภาพ ในประวัติของท่าน มีบันทึกว่า ท่านดูแลการก่อสร้างอาราม ด้วยวิธีการทำงานหนักตลอดห้าปี โดยไม่เคยสนดวงอาทิตย์ ฝน อาการเจ็บป่วยออด ๆ แอด ๆ ตามปกติ หรืออาการเจ็บป่วยใหม่ที่ส่งผลต่อร่างกายของท่าน


ระหว่างการก่อสร้างอารามใหม่ ท่านก็ตระหนักรู้ในทันทีว่าการพัฒนาพันธกิจด้านการศึกษา จะไม่มีทางเป็นไปได้เลยหากขาดทีมของซิสเตอร์ด้านการศึกษา ท่านเข้าใจดีถึงความจำเป็นของภาษาอังกฤษ อันเป็นสิ่งที่ท่านไม่มี ดังนั้นในปี ค..1918 ท่านจึงเช่าอาคารที่เมืองทริชชูร์ เพื่อใช้เป็นหอพักสำหรับผู้ที่ท่านส่งไปศึกษาต่อที่โรงเรียนภาษาอังกฤษเมืองทริชชูร์  หลังจากนั้นท่านจึงจัดส่งซิสเตอร์จำนวนสี่คน และเด็กหญิงอีกยี่สิบคนไปศึกษาต่อในระดับสูงขึ้นไป  นอกนี้แล้ว ท่านยังมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล และมีความคิดที่ชัดเจนว่าจะให้คณะใหม่ของท่านดำเนินงานควบคู่ไปทั้งกับโรงเรียนและครอบครัว เพราะท่านตระหนักดีเช่นกันว่าการศึกษาต้องเริ่มต้นที่ครอบครัวเป็นอันดับแรก

การก่อสร้างอารามหลังใหม่แล้วเสร็จในปี ค..1922 แต่เนื่องจากพระคุณเจ้าเมนาเชรีได้สิ้นใจไปก่อนหน้านั้นแล้ว ดังนั้นอารามหลังใหม่จึงถูกเปิดเสกโดยพระสังฆราชคนใหม่ของสังฆมณฑลทริซชูร์ นั่นคือพระคุณเจ้าฟรานซิส วาชาปิลลี ซึ่งก็เป็นผู้อนุญาตให้ท่านและคณะย้ายมาอยู่ที่อารามใหม่หลังนี้ ท่านนั้นเมื่อมองเห็นเหตุการณ์ดำเนินไปเช่นนี้แล้ว ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก บัดนี้อารามที่กุสิกกัตตุสเสรีได้กลายเป็นบ้านแม่หลังที่สองของคณะนี้แล้ว และคณะสามารถดำเนินพันธกิจต่อไปได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องที่ทางอีกต่อไป


ไม่นานหลังการย้ายอาราม ท่านก็เริ่มขยายขนาดอาคาร และจัดได้ตั้งโรงเรียนประถมศึกษาตอนต้นขึ้น มีคำบรรยายถึงประวัติในการดำเนินงานด้านการศึกษาของท่านที่ไพเราะว่า แม้ว่าข้ารับใช้พระเจ้าจะไม่เคยได้รับการศึกษาในโรงเรียน ท่านก็เอาจริงและให้ความสนใจกับเรื่องการศึกษาของคนอื่น ๆ มาก ๆ เมื่อใดก็ตามที่พวกซิสเตอร์เปิดอารามใหม่ พวกเธอก็ร้อนรนยิ่งที่จะสร้างโรงเรียน

ในอารามแม้จะผ่านสงครามครั้งใหญ่กับเจ้าปีศาจมาแล้ว มันก็หาได้เลิกระรานท่านไม่ เพียงแค่มันลดระดับการรังควานลง ซิสเตอร์โยฮันนาเป็นพยานว่า ฉันมักสังเกตเห็นว่าอาหารที่เธอกำลังตักเข้าปาก จะถูกผลักออกออกไปด้วยพลังบางอย่างที่มองไม่เห็น บ่อยครั้งพวกเรามักได้ยินเสียงคร่ำครวญ และร้องไห้อย่างทุกข์ทรมานของเธอ  พยานลำดับที่ 18 ให้การว่าตนเห็นอากาศเย็นกระหวัดไปที่ดวงตาของท่าน เหมือนมีแรงบางอย่างกระทำอยู่ คืนและวันในชีวิตนักบวชของท่าน จึงผ่านพ้นไปอย่างทุกข์ทน แต่ท่านก็ต่อสู้กับอย่างกล้าหาญและน้อมรับมัน ด้วยความเชื่อความหวังในพระเจ้า ในการเดินตามน้ำพระทัยของพระองค์เช่นกัน ดั่งเห็นชัดในข้อความจากจดหมายของท่านถึงคุณพ่อวิทยาทิลที่ว่า คุณพ่อที่เคารพของลูก ลูกไม่รู้จะอธิบายความเจ็บปวดลูก และลูกรู้สึกอย่างไรได้อย่างไร เอาง่าย ๆ ความเจ็บปวดของลูกเหมือนท้องทะเลที่ปั่นป่วน พระเจ้าทรงประสงค์ให้เป็นดังนั้นแก่ลูก

คุณแม่อธิการผู้แสนดี 

ในการจัดการอาราม ท่านรู้วิธีที่จะรับมือกับทุกคนด้วยความกรุณาและความเข้าใจ ท่านรู้ข้อจำกัดของตัวเองดี ท่านเปิดอ้ารับทุกความคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการดูแลอาราม สัตบุรุษหลายคนจดจำได้ถึงความเคารพและการช่วยเหลือของท่านกับบรรดาซิสเตอร์ได้เป็นอย่างดี การปฏิบัติตัวของท่านต่อผู้อยู่ใต้บังคัญบัญชาถือเป็นแบบฉบับที่ดี กล่าวคือท่านไม่เคยถือตัว หรือเอาแต่ใจ หรือเผด็จการ ทุกคนสามารถเป็นตัวของตัวเองได้เมื่อพบท่าน และสามารถไปหาท่านเสมอ

นอกนี้ท่านยังเอาใจใส่สมาชิกใหม่ของคณะ บุคลิกภาพและแบบฉบับของท่านมีส่วนในการเติบโตของสมาชิกใหม่มากกว่าคำแนะนำหรือคำชี้แนะของท่าน และแม้ท่านจะมีการศึกษาน้อย ท่านจึงอ่านหนังสือภาวนาได้ไม่มาก และไม่อาจจะสอนคำสอนชีวิตจิตและชีวิตนักพรตได้มากเท่าไรนัก ท่านก็เป็นศูนย์รวมของชีวิตฝ่ายจิต ท่านมักแนะนำให้นวกะเณรีของคณะถึงวิธีร่วมมิสซา ซึ่งนั่นก็คือวิธีรำพึงถึงพระมหาทรมานของพระคริสตเจ้าระหว่างมิสซาแบบของท่านเอง

คำแนะนำของท่านเปี่ยมไปด้วยเทววิทยาที่ลึกซึ้ง ซึ่งเป็นรูปธรรมและปฏิบัติได้อย่างชัดเจน ซิสเตอร์บางคนได้บันทึกแนวทางปฏิบัติของท่านไว้ดังนี้

. ปฏิบัติตามธรรมนูญ
. ในช่วงเวลาของโรคภัยไข้เจ็บหรือความทุกข์ยาก อยากทำหน้าบึ้งตึง
. เมื่อผู้ใหญ่ตักเตือนเธอ มันไม่ดีที่จะพูดโต้ตอบอันใด
. อย่าอิจฉาผู้มีสิ่งล้ำค่า
. อย่าสูญเสียเป้าหมาย
. มอบถวายให้กับพระกุมารเยซู ด้วยมงกุฎ, สร้อยข้อมือ, แหวนและเครื่องประดับอื่น ๆ
. อย่าเผลอหลับ และไม่มองที่นั่นที่นี่ในระหว่างมิสซา
. อย่าหลับในระหว่างรำพึง ถ้าหลับจงมาคุกเข่าอยู่ตรงกลางวัดแล้วเหยียดแขนออกเป็นรูปกางเขน
. อย่าหัวเราะเมื่อผู้ใหญ่ติเธอ หรือขัดจังหวะพวกท่านเหล่านั้น
. ของขวัญที่ได้รับจากทางบ้าน ควรจะมอบให้กับคณะ
. เมื่อเธอเดินรูป มันเป็นเรื่องดีแก่วิญญาณที่จะมองเห็นพระมารดามหาทุกข์ทุก ๆ ภาคที่เดินไป
. มอบความศรัทธาเป็นพิเศษต่อแม่พระมารดาของพระเจ้าและนักบุญยอแซฟ
.เมื่อเกิดเหตุการณ์พิเศษระหว่างเสิร์ฟอาหาร จงมองเพียงเล็กน้อย
. ในห้องอาหารให้จูบเท้าของพวกซิสเตอร์และแบกกางเขน ให้รักษาความเงียบหลังจากสัญญาณนอนในเวลากลางคืน

ไม่เพียงแต่ซิสเตอร์ในอารามที่ท่านดูแล คนงานและคนใช้ในอารามท่านก็ดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี ท่านให้เงินเขาตรงเวลา ทั้งยังให้ความรักกับพวกเขาอย่างเคยถือตัว ท่านคอยมอบอาหารให้เขาทุกวัน และแสดงให้พวกเขาเห็นความเห็นอกเห็นใจดุจมารดา เชวาเย่ แก็คชัคโก อดีตคนงานในอาราม เล่าถึงท่านว่า ท่านระมัดระวังมากในเรื่องอาหารของเรา แม้ท่านจะมีกิจธุระมากท่านก็ให้ความใส่ใจในการจัดหามัน ท่านรักที่จะทำงานร่วมกับพวกเรา ท่านชอบเล่นกับเราและชอบให้กำลังใจเรา ท่านแบ่งอาหารของท่านให้เราทุกวัน ท่านรักพวกเรามาก เวลาท่านได้ของขวัญอะไรมา ท่านก็จะเอามาแบ่งให้เด็ก ๆ กับคนงานในอาราม เหมือนที่ท่านแบ่งให้ซิสเตอร์คนอื่น ๆ 

มารดา 

จากคำพยานมากมาย หลายคนมักจะพูดถึงกิจการเมตตาของท่านต่อผู้ยากไร้ ก่อนจะทันถูกถามจากสอบสวนในกระบวนการขอแต่งตั้งท่านเป็นนักบุญเสียอีก ซึ่งหนึ่งในกิจเมตตาเหล่านั้นก็คืองานเมตตาต่อเด็กกำพร้า  โดยทุก ๆ ครั้งที่ท่านพบเด็กคนใดถูกปฏิเสธหรือไม่ได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อแม่ ท่านก็จะตรงไปนำพวกเขาเหล่านั้นไปยังอารามในทันที ดั่งเรื่องที่มีบันทึกว่า คุณแม่มารีอัม เทรเซียทราบว่ามีอัมบัตตธี (สตรีในวรรณะต่ำ)ในปุเทนชิระคนหนึ่งกำลังกำลังจะตาย และรีบไปดูแลเธอในเร็วพลันหลังจากเธอสิ้นใจ ทารกเพศหญิงตัวน้อยคลานไปหาร่างกายไร้วิญญาณของมารดา ดังนั้นท่านจึงก้มตัวลงอุ้มเด็กกำพร้านั้น และพาเธอไปยังอาราม ท่านได้จัดให้เธอรับศีลล้างบาป และตั้งชื่อเธอว่า บริยิต

ท่านดูแลเด็กๆกำพร้าเหล่านั้นดุจมารดาแท้ของพวกเขา ท่านมีความรักของแม่อย่างแท้จริง แอนนี่ หนึ่งในเด็กกำพร้าที่ท่านดูแล เขียนเล่าในภายหลังว่า ท่านเป็นคุณแม่ตลอดชีวิตของดิฉัน ท่านทั้งอาบน้ำ หวีผม และแต่งตัวให้ฉันเวลาไปโรงเรียน เมื่อดิฉันกลับมาจากโรงเรียน คุณแม่ก็จะเอาอาหารบางส่วนของท่านให้ดิฉัน

ความศรัทธาพิเศษต่อแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ฯ 

ในเรื่องนี้พยานหลายคนก็ได้ให้การถึงสิ่งนี้ พยานลำดับที่เก้าได้ให้การว่า ฉันสังเกตว่าวันฉลองแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์จะเป็นวันแห่งความสุขของท่าน ท่านแสดงถึงสิ่งนี้ด้วยการให้ของขวัญแก่เด็ก ๆ และใช้เวลาทำกิจกรรมสันทนาการตลอดทั้งวัน ซึ่งในเรื่องความศรัทธานี้ ท่านจะเตรียมจิตใจของท่านเพื่อฉลองด้วยการอดอาหาร พลีกรรม และสวดวันทามารีย์สี่สิบบทติดต่อกัน 25 วัน

พยานอีกคนเล่าว่า ท่านสอนพวกเราว่าพระเจ้าทรงดูแลทุกความต้องการของเรา และสอนให้เราสวดบทภาวนาสั้นๆว่า ‘ข้าแต่พระมารดาของลูก ความวางใจของลูก ท่านแนะให้เราสวดมันบ่อย ๆ ระหว่างทำกิจการต่าง ๆ

ปรากฏการณ์พิเศษในอาราม

ใบหน้าเรืองแสงสว่าง

หลายต่อหลายครั้งใบหน้าของท่านจะเรืองแสงออกมาภายหลังท่านรับศีลมหาสนิท ซิสเตอร์โยฮันนา ซึ่งอยู่กับท่านให้การเป็นลายลักษร์อักษรว่า หลังจากรับศีลแล้ว เธอก็เข้าสู่ภวังค์ และใบหน้าของเธอก็สว่างขึ้น ฉันเป็นพยานถึงเหตุการณ์ดั่งกล่าวในมิสซาเสมอ ฉันชอบหันกลับไป และมองใบหน้าของเธอในเวลานั้น

กลิ่นหอมพิเศษ

หลาย ๆ คนที่เข้าใกล้ท่านมักได้กลิ่นหอมประหลาดฟุ้งออกมาจากตัวของท่าน ซิสเตอร์โยฮันนา เป็นพยานถึงปรากฏการณ์กลิ่นหอมเกิดขึ้นถึงสามครั้งที่วัดน้อย เมื่อท่านเปิดตู้ศีล และเชิญให้เด็ก ๆ ในโรงเรียนประจำมาสวดภาวนาเป็นพิเศษร่วมกับท่าน 

อดีตเด็กหญิงที่พักอยู่ที่หอพักในอารามกุสิกกัตตุสเสรี เป็นพยานว่าเมื่อมีการรักษาอาศัยคำเสนอวิงวอนของท่าน ก็จะบังเกิดมีกลิ่นหอมประหลาดให้ผู้คนที่ร่วมสวดอยู่กับท่านได้กลิ่น ดั่งเช่นคราวหนึ่งที่มีซิสเตอร์คนหนึ่งในอารามกุสิกกัตตุสเสรีป่วยเป็นไข้ทรพิษ และจวนเจียนจะสิ้นใจเต็มที ท่านก็นำซิสเตอร์และทุกคนในอารามที่ต่างพากันหวาดกลัวโรคร้ายจะแพร่ระบาดเข้าไปในวัดน้อยเพื่อสวดภาวนา ท่านได้ตรงไปเปิดตู้ศีลและสวดภาวนาร่วมกับทุกคนอย่างร้อนรน พวกเราทุกคนได้กลิ่นหอมหวานไปทั่วทั่ววัดน้อย ที่สุดซิสเตอร์ผู้นั้นก็หาย และไม่มีใครได้รับผลกระทบใด ๆ เลย พยานที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นกล่าวสรุป

รอยแผลศักดิ์สิทธิ์

ที่อารามท่านใช้วิธีปกปิดรอยแผลของท่านด้วยการสวมใส่เครื่องแบคณะยาว ๆ และกำมือไว้ มีพยานเล่าถึงเวลานั้นว่า ฉันรูเรื่องรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ของท่าน ตั้งแต่ก่อนที่ท่านจะมาบ้านของฉันตอนฉันอายุแปดขวบ ทำให้ฉันอยากเห็นมัน ดังนั้นเอง เมื่อคนอื่น ๆ กำลังคุยกับท่านอยู่ ฉันจึงผละออกมาจากแถวนั้นและมายืนอยู่ใกล้ ๆ ท่าน และมองไปที่ฝ่ามือของท่าน ข้ารับใช้พระเจ้าคงเข้าใจดีว่าฉันกำลังมองมันอยู่และฉันคิดว่าท่านก็อนุญาต ฉันเห็นหลังมือของท่านเป็นแผลเป็นตรงรอยแผล ซึ่งฉันพบว่ามันเป็นเหมือนกันทั้งที่มือและเท้าทั้งสองข้าง วันเดียวกันคุณป้าของฉันที่นอนอยู่ใกล้ ๆ ท่าน เห็นคราบเลือดเป็นรอยแบบมงกุฎหนามที่ผ้าคลุมศีรษะของท่าน ท่านเล่าให้ฉันฟังในวันถัดมา ซิสเตอร์อากาธา ที่คอยดูแลอาหารให้ข้ารับใช้พระเจ้า ยังเล่าให้ฉันฟังว่าเธอเคยเห็นท่านรับทรมานในระยะต่าง ๆ ของพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้าอีกด้วย ประสบการณ์พระมหาทรมานของท่านเกิดในวันศุกร์เทศกาลมหาพรต

ข้าแต่ท่านนักบุญมารีอัม เทรเซีย ช่วงวิงวอนเทอญ



ข้อมูลอ้างอิง

'เบร์นาร์โด ฟรานซิสโก' ให้ชีวิตนี้เป็นสะพานนำรักพระองค์ไป ตอนจบ

บุญราศีเบร์นาร์โด ฟรานซิสโก เด โอโยส เด เซญา Bl. Bernardo Francisco de Hoyos de Seña วันฉลอง: 29 พฤษจิกายน [ย้อนกลับไปอ่าน  “‘เบร์นาร์โด ฟรา...