บุญราศีอันโตเนีย เมซีน่า
Bl. Antonia Mesina
ฉลองในวันที่ : 17 พฤษภาคม
องค์อุปถัมภ์ :
ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการข่มขืน
เสียงขับขานทำนอนเพลงพื้นบ้านจากกลุ่มนักขับเมซินา
ดังก้องไปทั่วเมืองโอรโกโซโล(Orgosolo) เพื่อประกาศถึงเรื่องราววีรกรรมของเด็กสาวตัวน้อยๆจากเกาะซาดิเนียนาม
“อันโตเนีย เมซินา” ให้ผู้คนทั้งเมืองได้รับรู้ “อันโตเนีย เมซินา” เป็นบุตรคนที่สองจากสิบคนของครอบครัวที่นายตำรวจนาม อาโกสติโน เมซินา
กับ กราเซีย ลูบานู ท่านเกิดเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ค.ศ.1919 ณ เมืองที่ตั้งอยู่บนที่ราบสูงนาม “โอรโกโซโล” ในจังหวัดนูโอโร แคว้นปกครองตนเองซาร์ดิเนีย ประเทศอิตาลี และได้รับศีลล้างบาปในเขตวัดนักบุญเปโตร
ในวัยเด็กท่านเติบโตขึ้นมาท่ามกลางครอบครัวที่ศรัทธา
และได้รับศีลมหาสนิทเมื่ออายุได้ 7 ปี ท่านได้รับการศึกษาในโรงเรียนท้องถิ่นเพียงสี่ปี ท่านก็จำต้องออกมาช่วยงานบ้านของมารดาที่เริ่มป่วยจนต้องล้มหมอนนอนเสื่อ แต่แม้นจะเป็นเพียงเวลาไม่นานในโรงเรียน ความทรงจำในฐานะนักเรียนของท่านก็ไม่ได้เบือนหายไปไหน หนึ่งในครูที่สอนท่านได้กล่าวว่าท่านเป็นเด็กธรรมดาๆ มีบทบาท ใจกว้างเอื้อเฟื้อ มีชีวิตชีวา แต่อยู่ในโอวาท
เคารพทุกคนไม่ว่าจะบิดามารดา การศึกษาหรือเพื่อนๆ
นางกราเซียมารดาของท่านมักเรียกท่านว่า “ดอกไม้ในชีวิตของฉัน”
และยังกล่าวถึงท่านอีกว่า “ไม่เคยแย้งฉัน”
ท่านเป็นเด็กที่อยู่ในโอวาทและทำงานหนักด้วยความเต็มใจและขยันขันแข็งอยู่เสมอ ทั้งยังมีความรับผิดชอบเหมือนผู้ใหญ่ในการดูแลงานบ้านต่างๆอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการปรุงอาหาร อบขนมปัง ทำความสะอาด
ซักผ้า ดูแลน้องที่ทยอยตามออกมา หาบน้ำเข้าบ้าน และการหาฟืนในการอบขนมปัง ท่านก็ทำได้ไม่ขาดตกบกพร่อง
ท่านฟูมฟักความปรารถนาที่จะเจริญชีวิตเหมือนมารีอา
กอเร็ตตีให้งอกงามาตลอด จนกระทั้งในวันที่ 17 พฤษภาคม
ค.ศ.1935 ขณะท่านอายุ 16
ปี หลังจากจบพิธีมิสซาในตอนเช้าแล้วและกลับมาบ้านแล้ว ท่านก็ออกไปซื้อนมสำหรับอาหารเช้าของน้องฝาแฝดและมารดา
ก่อนแวะที่บ้านเพื่อนเพื่อซื้อเบคอนไม่กี่ออนซ์ กาแฟ น้ำตาลและแป้งสำหรับทำขนมปังกับพาสต้า
แต่เพราะไม่มีฟืนทำอาหาร ในช่วงบ่ายๆท่านกับอันเนตตา คัสตันเจียเพื่อนสาวของท่าน ก็ได้พากันไปเก็บฟืนสำหรับใช้ในบ้านกันที่บริเวณโอวัดดูไต
แต่ขณะท่านรวบรวมฟืนอยู่ดีๆในป่าของพระสงฆ์
ท่านก็ถูกชายวัย 21 ปี นามยูวานนี อิกนาซิโอ คาตยู ซึ่งหมายตาท่านตั้งแต่ขณะท่านกับเพื่อนเดินไปเก็บฟืนแล้ว จนได้โอกาสที่ท่านแยกลับเพื่อน เข้ามาและกล่าวกับท่านว่าท่านไม่ได้รับอนุญาตให้ทำเช่นนี้
ท่านจึงโต้เขาไปว่ามันเป็นเรื่องปกติในชนบทที่จะเก็บกิ่งไม้แห้งที่อยู่ตามพื้น
สิ้นคำตอบนั้นเอง เจตนาที่ชัดเจนของเขาก็เผยออก
เขาต้องการจะขืนใจท่าน ด้วยความกลัวท่านจึงร้องด้วยความกลัวจนทำให้อันเน็ตตาเพื่อนของท่านรีบตามมาดู ฝั่งยูวานนีเมื่อเองขณะที่ท่านส่งเสียงเรียกเพื่อน ก็ตรงหรี่เข้าไปพยายามจะค่อมท่านลงกับพื้น แต่ท่านก็พยายามขัดขืนเขาอย่างสุดชีวิต พร้อมๆกับส่งเสียเรียกเพื่อนและบิดาอย่างสุดกำลัง แต่ก็ไร้ผล เพราะแม้เสียงนี้จะเรียกอันเน็ตตามา แต่เด็กหญิงก็ไม่อาจช่วยเพื่อนได้ คงทำได้แต่ร้องไห้ออกมาอย่างหวาดกลัว พร้อมๆกับตะโกนว่า “ลุงอาโกสติโน ลุงอาโกสติโน” ด้วยคิดว่าการตะโกนเช่นนี้จะทำให้เจ้าผูู้ร้ายละจากเพื่อนของตนไป พลางรีบวิ่งออกมาพร้อมกรีดร้องทั้งน้ำตา โดยเชื่อว่าท่านจะสามารถหลบหนีออกมาได้ เธอวิ่งมาเรื่อยๆกระทั้งมาหยุดที่ก้อนหินก้อนหนึ่ง เธอจึงปีนขึ้นไปเพื่อดูว่าเป็นยังไงต่อ แต่ “ดิฉันไม่เห็นอะไรเลย ได้ยินก็เพียงแต่เสียงร้องที่สิ้นหวังเป็นสัตว์ที่ฆ่า”
ตัดกลับไปที่ป่าที่เกิดเหตุ ไม่กี่นาทีเมื่อกี้
ฆาตกรหนุ่มก็ได้ตัดสินใจลงมือทุบท่านซ้ำแล้วซ้ำด้วยหิน ด้วยความโกธรสุดขีดหลังจากท่านพยายามขันขืนเขาถึงสามครั้งใหญ่และพยายามหนี(แต่ก็ดันมาล้มลงไปเสียก่อน) แต่ก็ไม่อาจฆ่าชีวิตท่านได้ในทันที เขาจึงตัดสินใจอำพรางหลักฐานด้วยการลากร่างชุ่มไปด้วยเลือดของท่านที่นอนหายใจรวยรินไปยังบ่อย่ำองุ่นและซ่อนท่านไว้หลังพุ่มไม้ที่ลับตาคน แล้วจึงลงมือทุบท่านด้วยหินอีกครั้งเพื่อปิดปากท่านเสีย กระทั้งเก็นว่าท่านขาดใจแน่นอน เขาก็จึงทิ้งร่างไร้วิญญาณของท่านไป เพื่อเอาเสื้อผ้าเปรอะเลือดของท่านไปล้างที่ลำธารบริเวณใกล้เคียงเพื่ออำพรางคดี
กลับมาที่ฝั่งอันเน็ตตาเมื่อสิ้นเสียงกรีดร้องของท่านแล้ว ก็รีบมารายงานเรื่องแก่ชาวบ้าน ทำให้ทั้งตำรวจ ทหาร ญาติ และไทมุงที่ทราบเรื่องก็ต่างพากันแห่ไปยังที่เกิดเหตุพร้อมอันเนตตา เพื่อค้นหาศพของท่าน กระทั้งพบศพท่านนอนหงายในสภาพหัวและใบหน้าแหลกจนน่ากลัวจากบาดแผลถึง 74 แผล ใกล้กันปรากฏกองเลือดพร้อมหินเปื้อนเลือดขนาดใหญ่ และระยะสามเมตรจากกองเลือดพวกเขาพบต่างหูของท่านกับหิน และในระยะสามสิบฟุตจากนั้นก็พบหินก้อนเล็กที่เปื้อนเลือด พร้อมผ้าคลุมของท่าน
เอวังเมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนั้น ร่างของข้ารับใช้พระเจ้าผู้ได้ใช้ชีวิตของตนเพื่อยืนยันถึงความบริสุทธิ์ตามแบบฉบับของมารีอา กอแร็ตตีจึงได้รับการนำกลับไปประกอบพิธีปลงศพท่ามกลางความเสียใจของครอบครัว และคำสดุดีวีรกรรมของชาวบ้าน ส่วนเจ้าฆาตรกรร้ายที่คิดจะหลบหนีความผิดก็ถูกจับกุมได้ในไม่กี่วันต่อมา และถูกสั่งประหารชีวิตในปี ค.ศ.1937
กลับมาที่ฝั่งอันเน็ตตาเมื่อสิ้นเสียงกรีดร้องของท่านแล้ว ก็รีบมารายงานเรื่องแก่ชาวบ้าน ทำให้ทั้งตำรวจ ทหาร ญาติ และไทมุงที่ทราบเรื่องก็ต่างพากันแห่ไปยังที่เกิดเหตุพร้อมอันเนตตา เพื่อค้นหาศพของท่าน กระทั้งพบศพท่านนอนหงายในสภาพหัวและใบหน้าแหลกจนน่ากลัวจากบาดแผลถึง 74 แผล ใกล้กันปรากฏกองเลือดพร้อมหินเปื้อนเลือดขนาดใหญ่ และระยะสามเมตรจากกองเลือดพวกเขาพบต่างหูของท่านกับหิน และในระยะสามสิบฟุตจากนั้นก็พบหินก้อนเล็กที่เปื้อนเลือด พร้อมผ้าคลุมของท่าน
เอวังเมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนั้น ร่างของข้ารับใช้พระเจ้าผู้ได้ใช้ชีวิตของตนเพื่อยืนยันถึงความบริสุทธิ์ตามแบบฉบับของมารีอา กอแร็ตตีจึงได้รับการนำกลับไปประกอบพิธีปลงศพท่ามกลางความเสียใจของครอบครัว และคำสดุดีวีรกรรมของชาวบ้าน ส่วนเจ้าฆาตรกรร้ายที่คิดจะหลบหนีความผิดก็ถูกจับกุมได้ในไม่กี่วันต่อมา และถูกสั่งประหารชีวิตในปี ค.ศ.1937
ร่างของท่านถูกฝังยังสุสานของหมู่บ้าน
สถานอันเป็นที่สร้างวีรกรรมของท่านกลายเป็นที่แสวงบุญของคนในหมู่บ้าน
จากนั้นในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1939 ร่างของท่านก็ถูกขุดขึ้นมาและถูกฝังในโลงใหม่ ณ
สุสานเดิม ภายใต้อนุสาวรีย์ที่เป็นเกียรติแด่ท่าน ก่อนในวันที่ 4 ตุลาคม ค.ศ.1983 ร่างของท่านจะถูกขุดขึ้นอีกครั้งเพื่อย้ายไปไว้ในวัดของโอรโกโซโล
พร้อมๆกับการตั้งไม้กางเขนขึ้นที่จุดวีรกรรมของท่าน และหลังจากการยื่นเสนอวีรกรรมของท่าน คารวียะอันโตเนีย
เมสซินา ก็ถูกบันทึกนามในสารบบบุญราศี โดยสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 เมื่อวันที่ 4 ตุลามคม ค.ศ.1987
ท่านเป็นถืออีกเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของเยาวชนที่ดี
ลูกที่ดีของบิดามารดาและพระด้วยการเชื่อฟัง ท่านรู้ว่าการทำบาปเป็นสิ่งที่ผิด
ท่านจึงพยายามปกป้องตัวของท่านให้พ้นจากบาปทั้งหลายตามแบบฉบับของนักบุญมารีอา
กอเร็ตตี ดังคำในจดหมายของนักบุญเปาโลที่ว่า “โอ ผู้เป็นคนของพระเจ้า
แต่ท่านจงหลีกหนีเสียจากสิ่งเหล่านี้ จงมุ่งมั่นในความชอบธรรม ในทางของพระเจ้า
ความเชื่อ ความรัก ความอดทน และความอ่อนสุภาพ” (1
ทิโมธ 6:11)
พี่น้องที่รักการเป็นลูกที่ดีของพระตามแบบฉบับของท่านคือการไม่กระทำการใดเป็นที่ขัดเคืองพระทัยของพระบิดานิรันดร์ด้วยใจที่พร้อมแบกกางเขนตามมรรคาสู่สวรรค์
“ข้าแต่ท่านบุญราศีอันโตเนีย เมสซีน่า ช่วยวิงวอนเทอญ”
ข้อมูลอ้างอิง