วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2556

"อันโตเนีย เมซีน่า" บุปผาชาติแห่งโอรโกโซโล




บุญราศีอันโตเนีย เมซีน่า
Bl. Antonia Mesina
ฉลองในวันที่ : 17 พฤษภาคม
องค์อุปถัมภ์ ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการข่มขืน

เสียงขับขานทำนอนเพลงพื้นบ้านจากกลุ่มนักขับเมซินา ดังก้องไปทั่วเมืองโอรโกโซโล(Orgosolo) เพื่อประกาศถึงเรื่องราววีรกรรมของเด็กสาวตัวน้อยๆจากเกาะซาดิเนียนาม อันโตเนีย เมซินาให้ผู้คนทั้งเมืองได้รับรู้ อันโตเนีย เมซินา เป็นบุตรคนที่สองจากสิบคนของครอบครัวที่นายตำรวจนาม อาโกสติโน เมซินา  กับ กราเซีย ลูบานู ท่านเกิดเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ค.ศ.1919 ณ เมืองที่ตั้งอยู่บนที่ราบสูงนาม โอรโกโซโลในจังหวัดนูโอโร แคว้นปกครองตนเองซาร์ดิเนีย ประเทศอิตาลี และได้รับศีลล้างบาปในเขตวัดนักบุญเปโตร

ในวัยเด็กท่านเติบโตขึ้นมาท่ามกลางครอบครัวที่ศรัทธา และได้รับศีลมหาสนิทเมื่ออายุได้ 7 ปี ท่านได้รับการศึกษาในโรงเรียนท้องถิ่นเพียงสี่ปี ท่านก็จำต้องออกมาช่วยงานบ้านของมารดาที่เริ่มป่วยจนต้องล้มหมอนนอนเสื่อ แต่แม้นจะเป็นเพียงเวลาไม่นานในโรงเรียน ความทรงจำในฐานะนักเรียนของท่านก็ไม่ได้เบือนหายไปไหน หนึ่งในครูที่สอนท่านได้กล่าวว่าท่านเป็นเด็กธรรมดาๆ มีบทบาท ใจกว้างเอื้อเฟื้อ มีชีวิตชีวา แต่อยู่ในโอวาท เคารพทุกคนไม่ว่าจะบิดามารดา การศึกษาหรือเพื่อนๆ 


นางกราเซียมารดาของท่านมักเรียกท่านว่า ดอกไม้ในชีวิตของฉัน  และยังกล่าวถึงท่านอีกว่า ไม่เคยแย้งฉัน ท่านเป็นเด็กที่อยู่ในโอวาทและทำงานหนักด้วยความเต็มใจและขยันขันแข็งอยู่เสมอ ทั้งยังมีความรับผิดชอบเหมือนผู้ใหญ่ในการดูแลงานบ้านต่างๆอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการปรุงอาหาร อบขนมปัง ทำความสะอาด ซักผ้า ดูแลน้องที่ทยอยตามออกมา หาบน้ำเข้าบ้าน และการหาฟืนในการอบขนมปัง ท่านก็ทำได้ไม่ขาดตกบกพร่อง

เมื่ออายุได้ 10 ปี ท่านก็ได้เข้าร่วมกับกลุ่มเยาวชนที่ชื่อว่า กลุ่มกิจการคาทอลิกและเป็นสมาชิกจนถึงปี ค..1931 (ท่านคิดว่ามันคือประสบการณ์ที่สวยงามซึ่งในฐานะสมาชิก ท่านก็เป็นที่รักใคร่ของเพื่อนๆ  ท่านปฏิบัติหน้าที่ในฐานสมาชิกของกลุ่มอย่างกระฉับกระเฉง แถมยังคอยชักชวนบรรดาเยาวชนในหมู่บ้านให้มาเข้าร่วมกลุ่มอีกด้วย 


ศีลมหาสนิทและการอุทิศตนแด่พระหฤทัยของพระเยซูเจ้าและดวงหฤทัยนิรมลของแม่พระ คอยผลักดันความแข็งแกร่งของวิญญาณท่านในทุกๆวัน นอกนี้ท่านยังพัฒนาชีวิตแห่งความเชื่อและความรัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณธรรมในด้านการถือครองพรหมจรรย์มาโดยตลอก ท่านรักการสวดสายประคำ ยูลิโอน้องชายของให้การในระหว่างกระบวนการว่า หลายๆครั้งที่ผมพบเธอคุกเข่าอยู่ในห้องของเธอกับสายประคำในมือ

จากพยานที่มีโอกาสได้อยู่ร่วมสมัยกับท่าน ยังทำให้เราทราบอีกว่าท่านเป็นเด็กสาวที่ค่อนข้างแปลก ท่านไม่ชอบความบันเทิง การแต่งการด้วยเสื้อผ้าสีฉูดฉาดและเป็นที่ชื่นชอบของผู้ใหญ่ ท่านจึงใส่ชุดพื้นเมืองของท่านได้ไม่กี่ครั้ง ท่านก็ยกให้คนอื่นที่ต้องการไป แต่กระนั้นก็เราก็ยังมีภาพท่านใส่ชุดประจำหมู่บ้านอยู่ของมารดา ซึ่งถ่ายโดยศาสตราจารย์ผู้หนึ่งเพื่อให้บิดาของท่านเก็บไว้ ก่อนท่านจากไปเพียงสามเดือนหลงเหลือมาอยู่จนถึงปัจจุบัน


หากจะกล่าวถึงชีวิตของท่าน แล้วไม่กล่าวถึงเรื่องของนักบุญมารีอา กอแร็ตตีก็จะเป็นการผิดพิธีไป ในชีวิตสั้นๆของท่าน ท่านรู้จักมารีอา กอแร็ตตีเป็อย่างดี และมีหนังสือประวัติของเธอเก็บไว้ ในคราหนึ่งท่านมีโอกาสร่วมสมนาหัวข้อ สงครามครูเสดเพื่อพรหมจรรย์ที่ริเริ่มโดยกลุ่มเยาวชนสตรีแห่งกิจการคาทอลิกที่ท่านอยู่ ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากวีรกรรมอันกล้าหาญของมารีอา และในเวลาอื่นๆ ท่านยังถูกคนมักทักบ่อยๆว่าท่านเองก็จะชีวิตเช่นเดียวกับมารีอา และท่านเองก็มีความปรารถนาจะเป็นเช่นนั้น  ท่านเคยบอกกับเพื่อนของท่านว่าท่านปรารถนาจะทำในสิ่งเดียวกันกับเธอ และกล่าวกับมารดาของท่านอีกหลายครั้งว่า ตายดีกว่าทำบาป หนูชอบที่จะตายและถูกแยกเป็นชิ้นๆ เสียดีกว่าขัดเคืองพระทัยของพระเจ้าค่ะ

ท่านฟูมฟักความปรารถนาที่จะเจริญชีวิตเหมือนมารีอา กอเร็ตตีให้งอกงามาตลอด จนกระทั้งในวันที่ 17 พฤษภาคม ค..1935 ขณะท่านอายุ 16 ปี หลังจากจบพิธีมิสซาในตอนเช้าแล้วและกลับมาบ้านแล้ว ท่านก็ออกไปซื้อนมสำหรับอาหารเช้าของน้องฝาแฝดและมารดา ก่อนแวะที่บ้านเพื่อนเพื่อซื้อเบคอนไม่กี่ออนซ์ กาแฟ น้ำตาลและแป้งสำหรับทำขนมปังกับพาสต้า แต่เพราะไม่มีฟืนทำอาหาร ในช่วงบ่ายๆท่านกับอันเนตตา คัสตันเจียเพื่อนสาวของท่าน ก็ได้พากันไปเก็บฟืนสำหรับใช้ในบ้านกันที่บริเวณโอวัดดูไต  แต่ขณะท่านรวบรวมฟืนอยู่ดีๆในป่าของพระสงฆ์ ท่านก็ถูกชายวัย 21 ปี นามยูวานนี อิกนาซิโอ คาตยู  ซึ่งหมายตาท่านตั้งแต่ขณะท่านกับเพื่อนเดินไปเก็บฟืนแล้ว จนได้โอกาสที่ท่านแยกลับเพื่อน เข้ามาและกล่าวกับท่านว่าท่านไม่ได้รับอนุญาตให้ทำเช่นนี้ ท่านจึงโต้เขาไปว่ามันเป็นเรื่องปกติในชนบทที่จะเก็บกิ่งไม้แห้งที่อยู่ตามพื้น


สิ้นคำตอบนั้นเอง เจตนาที่ชัดเจนของเขาก็เผยออก เขาต้องการจะขืนใจท่าน ด้วยความกลัวท่านจึงร้องด้วยความกลัวจนทำให้อันเน็ตตาเพื่อนของท่านรีบตามมาดู ฝั่งยูวานนีเมื่อเองขณะที่ท่านส่งเสียงเรียกเพื่อน ก็ตรงหรี่เข้าไปพยายามจะค่อมท่านลงกับพื้น แต่ท่านก็พยายามขัดขืนเขาอย่างสุดชีวิต พร้อมๆกับส่งเสียเรียกเพื่อนและบิดาอย่างสุดกำลัง แต่ก็ไร้ผล เพราะแม้เสียงนี้จะเรียกอันเน็ตตามา แต่เด็กหญิงก็ไม่อาจช่วยเพื่อนได้ คงทำได้แต่ร้องไห้ออกมาอย่างหวาดกลัว พร้อมๆกับตะโกนว่า ลุงอาโกสติโน ลุงอาโกสติโน  ด้วยคิดว่าการตะโกนเช่นนี้จะทำให้เจ้าผูู้ร้ายละจากเพื่อนของตนไป พลางรีบวิ่งออกมาพร้อมกรีดร้องทั้งน้ำตา โดยเชื่อว่าท่านจะสามารถหลบหนีออกมาได้ เธอวิ่งมาเรื่อยๆกระทั้งมาหยุดที่ก้อนหินก้อนหนึ่ง เธอจึงปีนขึ้นไปเพื่อดูว่าเป็นยังไงต่อ แต่ ดิฉันไม่เห็นอะไรเลย ได้ยินก็เพียงแต่เสียงร้องที่สิ้นหวังเป็นสัตว์ที่ฆ่า

ตัดกลับไปที่ป่าที่เกิดเหตุ ไม่กี่นาทีเมื่อกี้ ฆาตกรหนุ่มก็ได้ตัดสินใจลงมือทุบท่านซ้ำแล้วซ้ำด้วยหิน ด้วยความโกธรสุดขีดหลังจากท่านพยายามขันขืนเขาถึงสามครั้งใหญ่และพยายามหนี(แต่ก็ดันมาล้มลงไปเสียก่อน) แต่ก็ไม่อาจฆ่าชีวิตท่านได้ในทันที เขาจึงตัดสินใจอำพรางหลักฐานด้วยการลากร่างชุ่มไปด้วยเลือดของท่านที่นอนหายใจรวยรินไปยังบ่อย่ำองุ่นและซ่อนท่านไว้หลังพุ่มไม้ที่ลับตาคน แล้วจึงลงมือทุบท่านด้วยหินอีกครั้งเพื่อปิดปากท่านเสีย กระทั้งเก็นว่าท่านขาดใจแน่นอน เขาก็จึงทิ้งร่างไร้วิญญาณของท่านไป เพื่อเอาเสื้อผ้าเปรอะเลือดของท่านไปล้างที่ลำธารบริเวณใกล้เคียงเพื่ออำพรางคดี 


กลับมาที่ฝั่งอันเน็ตตาเมื่อสิ้นเสียงกรีดร้องของท่านแล้ว ก็รีบมารายงานเรื่องแก่ชาวบ้าน ทำให้ทั้งตำรวจ ทหาร ญาติ และไทมุงที่ทราบเรื่องก็ต่างพากันแห่ไปยังที่เกิดเหตุพร้อมอันเนตตา เพื่อค้นหาศพของท่าน กระทั้งพบศพท่านนอนหงายในสภาพหัวและใบหน้าแหลกจนน่ากลัวจากบาดแผลถึง 74 แผล ใกล้กันปรากฏกองเลือดพร้อมหินเปื้อนเลือดขนาดใหญ่ และระยะสามเมตรจากกองเลือดพวกเขาพบต่างหูของท่านกับหิน และในระยะสามสิบฟุตจากนั้นก็พบหินก้อนเล็กที่เปื้อนเลือด พร้อมผ้าคลุมของท่าน

เอวังเมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนั้น ร่างของข้ารับใช้พระเจ้าผู้ได้ใช้ชีวิตของตนเพื่อยืนยันถึงความบริสุทธิ์ตามแบบฉบับของมารีอา กอแร็ตตีจึงได้รับการนำกลับไปประกอบพิธีปลงศพท่ามกลางความเสียใจของครอบครัว และคำสดุดีวีรกรรมของชาวบ้าน ส่วนเจ้าฆาตรกรร้ายที่คิดจะหลบหนีความผิดก็ถูกจับกุมได้ในไม่กี่วันต่อมา และถูกสั่งประหารชีวิตในปี ค..1937 


ร่างของท่านถูกฝังยังสุสานของหมู่บ้าน สถานอันเป็นที่สร้างวีรกรรมของท่านกลายเป็นที่แสวงบุญของคนในหมู่บ้าน จากนั้นในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ค..1939 ร่างของท่านก็ถูกขุดขึ้นมาและถูกฝังในโลงใหม่ ณ สุสานเดิม ภายใต้อนุสาวรีย์ที่เป็นเกียรติแด่ท่าน ก่อนในวันที่ 4 ตุลาคม ค..1983 ร่างของท่านจะถูกขุดขึ้นอีกครั้งเพื่อย้ายไปไว้ในวัดของโอรโกโซโล พร้อมๆกับการตั้งไม้กางเขนขึ้นที่จุดวีรกรรมของท่าน และหลังจากการยื่นเสนอวีรกรรมของท่าน คารวียะอันโตเนีย เมสซินา ก็ถูกบันทึกนามในสารบบบุญราศี โดยสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 เมื่อวันที่ 4 ตุลามคม ค..1987

ท่านเป็นถืออีกเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของเยาวชนที่ดี ลูกที่ดีของบิดามารดาและพระด้วยการเชื่อฟัง ท่านรู้ว่าการทำบาปเป็นสิ่งที่ผิด ท่านจึงพยายามปกป้องตัวของท่านให้พ้นจากบาปทั้งหลายตามแบบฉบับของนักบุญมารีอา กอเร็ตตี ดังคำในจดหมายของนักบุญเปาโลที่ว่า โอ ผู้เป็นคนของพระเจ้า แต่ท่านจงหลีกหนีเสียจากสิ่งเหล่านี้ จงมุ่งมั่นในความชอบธรรม ในทางของพระเจ้า ความเชื่อ ความรัก ความอดทน และความอ่อนสุภาพ (1 ทิโมธ 6:11)  พี่น้องที่รักการเป็นลูกที่ดีของพระตามแบบฉบับของท่านคือการไม่กระทำการใดเป็นที่ขัดเคืองพระทัยของพระบิดานิรันดร์ด้วยใจที่พร้อมแบกกางเขนตามมรรคาสู่สวรรค์


ข้าแต่ท่านบุญราศีอันโตเนีย เมสซีน่า ช่วยวิงวอนเทอญ

ข้อมูลอ้างอิง

'เบร์นาร์โด ฟรานซิสโก' ให้ชีวิตนี้เป็นสะพานนำรักพระองค์ไป ตอนจบ

บุญราศีเบร์นาร์โด ฟรานซิสโก เด โอโยส เด เซญา Bl. Bernardo Francisco de Hoyos de Seña วันฉลอง: 29 พฤษจิกายน [ย้อนกลับไปอ่าน  “‘เบร์นาร์โด ฟรา...