วันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2556

แม่คือต้นแบบ "มรณสักขี แห่ง อัลเคเมซี"


บุญราศีมรณสักขี แห่ง อัลเคเมซี
Beatas Mártires de Algemesí
ฉลองในวันที่ : 25 ตุลามคม

อัลเคเมซี (Algemesí) คือ สถานย่านเมืองตำบลแห่งหนึ่งในแคว้นบาเลนเซีย ประเทศสเปน สถานอันอยู่ใต้การอารักข์ของแม่พระแห่งสุขภาพแห่งอัลเคเมซี อีกทั้งนั้นมันยังเป็นสถานที่ที่กำเนิดของนางเอกของเรื่องราวของเราที่จะเล่าต่อไปนี้ เรื่องราวที่มาจากเรื่องจริง เรื่องที่จะถูกขับต่อไปเช่นสายธารที่ไหลไป

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ อัลเคเมซี หนูน้อยมารีอา เทเรซา เฟรราคูด รอยจ์ ถือกำเนิดและได้รับการล้างบาปกำเนิดผ่านศีลล้างบาปจากมือพระสงฆ์ในเขตวัดนักบุญยากอบอัครสาวกในวันที่ 14 มกราคม ค..1853  ดังผืนผ้าขาวนวลเธอได้รับการแต่งแต้มด้วยสีต่างๆ สีแห่งวิถีคริสตชนที่ดี จากปลายพู่กันของครอบครัวเธอเอง



มารีอา เป็นหญิงที่เคร่งศาสนา  เธอรับพระกายพระคริสต์เจ้าผ่านศีลมหาสนิททุกวัน อดอาหารเป็นประจำเสริมสร้างวิญญาณผ่านกิจบริการเพื่อนบ้าน  เธอมีความเข็มแข็งด้วยการฝึกวิญญาณและอ่านพระคัมภีร์ นอกจากนั้นเธอยังอุทิศตัวของเธอแก่ศีลมหาสนิท แม่พระผ่านการสวดสายประคำและพระหฤทัยของพระเยซูเจ้า สวดภาวนาทุกวันพร้อมให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ยากไร้ในฐานะสมาชิกคณะวินเซนต์ เดอ ปอล ซึ่งภายเธอกลายมาเป็นประธานของกลุ่ม

เมื่อเธอเติบโตมาเป็นสาวแรกรุ่นเยาวมาลย์วัย 19 ปี เธอก็ได้เข้าประตูวิวาห์กับนายวิเซนต์ มาซิอา เฟรราคูด (Vicent Masià Ferragut) และร่วมกับวางรากฐานครอบครัวแห่งความเชื่อแก่ลูกๆของพวกเขา ในฐานะคุณแม่ของลูกๆเก้าคนที่รอดเพียงหกคนและภรรยาที่ดี ด้วยการวางรากฐานเช่นนี้ทำให้บรรดาลูกของเธอต่างได้ถวายตนรับใช้พระเจ้าทั้งสิ้น  ซึ่งจากสี่ในหกนั้นจะเป็นผู้สร้างตำนานพร้อมกับเธอเอง คือ



1. มารีอา วินเซนตา มาซิอา เฟรราคูด (Maria Vincenta Masià Ferragud) เกิดและได้รับการลบมลทินแต่บาปกำเนิดจากศีลล้างบาปโดยคุณพ่อยออากิม กาบาเนส เมื่อวันที่ 12 มกราคม ค..1882 และรับพระคุณ 7 ประการของพระจิตเจ้า ผ่านมือพระคุณเจ้าเซบาสเตียน เฆรเรโร เอสปิโนซา พระอัครสังฆราชประจำบาเลนเซียในเขตวัดนักบุญยากอบในวันที่  19 พฤษภาคม ค..1889 หลังจากนั้นด้วยวัย 18 ปี ในวันที่ 13 ธันวาคม ค..1900 เธอก็ได้เข้าอารามคณะกลาริสของอัลเคเมซี และปฏิญาณตนในวันที่ 26 มกราคม ค..1902 พร้อมนามใหม่ว่า ซิสเตอร์มารีอา เฆซุส

2. มารีอา ยออากิมนา มาซิอา เฟรรากูด (Maria Joaquina Masià Ferragud) เกิดเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ค..1884 ได้รับศีลล้างบาปกำเนิดจากมือของคุณพ่อโยเซฟ ซานชิส เบเนฟิกิอาโด  (Josep Sanchis Beneficiado) และศีลกำลังในปี ค..1899 เช่นเดียวกันกับพี่สาวเธอได้สมัครเข้าอารามกลาริส และได้เข้าพิธีปฏิญาณตนพร้อมรับชุดคณะในวันที่ 18 มกราคม ค..1903 ในนาม ซิสเตอร์มารีอา เวโรนิกา 

3.มารีอา เฟลิซิดาด มาซิอา เฟรรากูด (Maria Felicitat Masià Ferragud) เกิดเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ค..1890 และเช่นเดียวกันกับพี่สาวทั้งสาม เมื่ออายุพอเธอก็สมัครเข้าอารามกลาริสที่เดียวกับพี่ ในวันที่ที่ 17 เมษายน ค..1909 และเข้าพิธีปฏิญาณตนตลอดชีพ เมื่อวันที่ 26 เมษายน ค..1913



4.โฆเซฟา ราโมนา มาซิอา เฟรรากูด (Josefa Ramona Masià Ferragud) เกิดเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ค..1897  เช่นเดียวกันกับพี่สาวเธอสัมผัสได้ถึงกระแสเรียกของเธอ แต่มันไม่ใช่กระแสเรียกการเป็นธิดาของนักบุญคลารา แต่มันคือกระแสเรียกการเป็นธิดาของนักบุญออกัสตินต่างหาก ประการฉะนี้เธอจึงตัดสินใจสมัครเข้าอารามออกัสติเนี่ยนไม่สวมรองเท้าที่เบนิคานอิม  และได้เข้าพิธีปฏิญาณตนและรับเครื่องแบบของคณะพร้อมชื่อใหม่ว่า ซิสเตอร์โฆเซฟา แห่ง การชำระ ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ค..1905

จากความทรงจำของซิสเตอร์ที่เคยอยู่อารามกลาริสเดียวกับพวกเธอกล่าวว่า พวกเธอไม่เคยบ่น พวกเธออ่อนน้อมถ่อมตนมากๆและพร้อมเสมอที่จะเสียสละตัวเองเพื่อซิสเตอร์คนอื่นๆ พวกเธอภาวนา อุทิศตนต่อศีลมหาสนิท แม่พระ และพระมหาทรมานของพระเจ้า พระเจ้าทรงแสดงองค์อยู่ในตัวพวกเธอ ส่วนจากความทรงจำของซิสเตอร์ในอารามออกัสติเนี่ยนเดียวกัน ก็กล่างถึงซิสเตอร์โฆเซฟา ว่าเธอเป็นคนขยัน เงียบๆ มีวิญญาณของความยากไร้จนน่าทึ่ง ซิสเตอร์โฆเซฟาเคยบันทึกไว้ว่า เพื่อความรักของพระองค์ พระเยซูเจ้าที่รัก ลูกปรารถนาจะเป็นคนบ้า เป็นคนโง่และคนที่ถูกดูหมิ่น(…)ดำเนินชีวิตอยู่โดยไม่ใครรู้จัก ซ่อนเร้นอยู่ในการทำงานท่ามกลางความเงียบและการนบนอบ และปฏิบัติตัวตามน้ำพระทัยของพระองค์



แต่แล้วในปี ค..1930 สงครามกลางเมืองประเทศสเปนก็โผล่ขึ้นมาพร้อมการกดขี่ทางศาสนาที่รุนแรง ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยจึงมีการส่งซิสเตอร์ทั้งสามกลับมาก่อน เพราะซิสเตอร์โฆเซฟาปรารถนาจะอยู่ในอารามที่รักของเธอ  แต่เพราะไม่ใครสนับสนุนเธอจึงจำต้องกลับมาอยู่บ้านพร้อมมารดาและพี่สาวทั้งสามของเธอ สถานที่ที่มารดาของพวกเธอก้างแขนอ้ารับลูกสาวของเธอด้วยความรักและความปรารถนาจะปกป้องพวกเธอ ให้บ้านเป็นดั่งอาราม และชีวิตทั้งหมดเพื่อการภาวนา

จนกระทั้งวันที่ 19 ตุลามคม เวลาประมาณ 16.00. กลุ่มกบฏก็ได้นำหมายจับแม่ชีมายังบ้านของเธอ ด้วยสัญชาตญาณความเป็นแม่ของ มารีอา เทเรซา แม้จะถูกสั่งให้หลับไป เธอก็ไม่หลบและยังคงยืนหยัดที่จะปกป้องลูกสาวน้อยๆของเธอ พลางประกาศด้วยเสียงแห่งความรักว่า นี่คือบุตรสาวของดิฉัน จะต้องเป็นดิฉัน



ด้วยเหตุนี้เธอและลูกสาวทั้งสี่คนจึงถูกจับและขังไว้อารามคณะซิสเตอร์เซียน ของอัลเคเมซี เป็นระยะเวลาแปดวัน ท่ามกลางความสงบทุกคนรู้ดีว่าพวกเขาต้องตายเป็นแน่แล้ว ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้นเพราะในวันสมโภชพระคริสต์กษัตริย์สากลจักรวาล ที่ 25 ตุลาคม ..1930 ทหารก็ได้ยื่นขอเสนอการเป็นอิสระแก่คุณแม่มารีอาที่สูงอายุมากแล้ว แต่ไม่คุณแม่ยังคงยืนยันที่จะไปกับลูกสาวทั้งสี่ของเธอเช่นเดิม ดังนั้นพวกเธอจึงถูกพาขึ้นรถบรรทุกที่มุ่งหน้าไปสู่กางเขนเก่าแก่ที่ตั้งอยู่นอกเมืองบาเลนเซีย  สถานที่ใช้เป็นเครื่องหมายทางภูมิศาสตร์ในศตวรรษที่สิบสี่ ที่ผู้คนเรียกว่าครูซ คูเบียรตา (Cruz Cubierta)

เมื่อมาถึงพวกเขาก็หมายจะยิงคุณแม่มารีอา เทเรซาผู้ชรา เป็นคนแรก แต่ด้วยอาจะเป็นความรักและความห่วงใยลูกทั้งสี่ของเธอ เธอจึงกล่าวกับพวกเขาว่า ดิฉันอยากจะทราบว่าพวกคุณจะทำอะไรกับลูกสาวของดิฉันและถ้าคุณกำลังจะยิง ดิฉันปรารถนาให้ดิฉันเป็นคนสุดท้าย ก่อนจะหันไปให้โอวาทครั้งสุดท้ายกับลูกๆของเธอว่า ลูกเอ๋ย จงซื่อสัตย์ต่อคู่สมรสของลูกในสวรรค์ของลูกและอย่าประสงค์หรือยอมรับในคำเยินยอของพวกเขา อย่ากลัว ความตายเป็นเรื่องของช่วงเวลาและสวรรค์นั้นนิรันดร์ ก่อนที่ทุกคนจะถูกพรากลมหายใจไปทีละคนด้วยกระสุนสังหาร พร้อมคำประกาศกึกก้องธรณินท์และนภาที่ตอนนี้ฉาบไปด้วยสีดำแห่งราตรีด้วยใจที่ให้อภัยว่า ขอพระคริสต์ราชา ทรงพระเจริญเทอญ



แม่วัย 83 ปีคนหนึ่งตอนนี้กำลังมองลูกสาวตัวน้อยล้มไปกองกับพื้นทีละทีละคน และที่ที่สุดก็ถึงคิวเธอ แต่ก่อนที่เขาจะเหนี่ยวไกปืนอยู่ๆก็มีคนถามเธอว่า พี่สาว ไม่กลัวตายหรือไง ทันทีเธอตอบ ทั้งชีวิตของดิฉัน ดิฉันอยากจะทำอะไรเพื่อพระคริสต์บ้างและตอนนี้ดิฉันจะไม่หันกลับไปแล้ว โปรดฆ่าดิฉันด้วยเหตุผลเดียวกับพวกเธอเถิด สำหรับการเป็นคริสตชน ที่แห่งใดหนอลูกสาวของดิฉันกับดิฉัน  ปัง ปัง ปัง ขอพระคริสต์ราชา ทรงพระเจริญเทอญ

พระเจ้าทรงประทานการพักผ่อนนิรันดร์แก่มารดาและบุตรทั้งสี่ภายใต้นภาสีดำแล้ว ร่างไร้วิญญาณของพวกเขาถูกฝังในอาซิรา ก่อนถูกย้ายกลับเขตวัดนักบุญยากอบในปี ค..1961 และถูกย้ายอีกครั้งไปยังเขตวัดนักบุญปีโอ ที่ 10  จากนั้นเรื่องราวของพวกเธอก็รับการเปิดกระบวนการขอแต่งตั้งเป็นบุญราศีและที่สุดสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ในวันที่ 11 มีนาคม ค..2001 ในกลุ่มของมรณสักขีแห่งบาเลนเซีย


รายนามมรณสักขีครอบครัวเฟรรากูด
1.บุญราศีมารีอา เทเรซา เฟรราคูด รอยจ์ ขณะสิ้นใจอายุได้ 83 ปี
2.บุญราศีซิสเตอร์มารีอา เฆซุส (มารีอา วินเซนตา มาซิอา เฟรราคูด) ขณะสิ้นใจอายุได้ 58 ปี
3.บุญราศีซิสเตอร์มารีอา เวโรยิกา (มารีอา ยออากิมนา มาซิอา เฟรรากูด) ขณะสิ้นใจอายุได้ 56 ปี
4.บุญราศีซิสเตอร์มารีอา เฟลิซิดาด มาซิอา เฟรรากูด ขณะสิ้นใจอายุ 40 ปี
5.บุญราศีซสเตอร์โฆเซฟา แห่ง การชำระ (โฆเซฟา ราโมนา มาซิอา เฟรรากูด) ขณะสิ้นใจอายุ 33 ปี

และท่านจงสอนถ้อยคำเหล่านั้นแก่บุตรหลานของท่าน และจงพูดถึงถ้อยคำเหล่านั้นเมื่อท่านนั่งอยู่ในบ้าน เดินอยู่ตามทาง นอนลงหรือลุกขึ้น (เฉลยธรรมบัญญัติ 6 : 7) คือหน้าที่ของพ่อแม่คริสต์ชนที่ดี หน้าที่ซึ่งมิอาจจะละเลยได้เลย หน้าที่ที่จะสั่งสอนลูกให้อยู่ในมรรคาศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า ผ่านพระวาจา เรื่องเล่าง่ายๆ การปฏิบัติที่ไม่ตึงเกินและไม่หย่อนเกินไป บุญราศีมารีอา เทเรซา คือตัวอย่างของมารดาที่ดีดั่งพระวาจา เธอสอนลูกๆของเธอให้ศรัทธา เธอเป็นตัวอย่างแก่พวกเขา เช่น การไปมิสซาทุกวัน การภาวนา ด้วยการชวนเขาทำตาม มันจึงเป็นดั่งรากฐานของชีวิตลูกของเธอจนใครก็ต่างกล่าวถึงครอบครัวเธอว่า ในครอบครัวของเขาทุกคนล้วนศักดิ์สิทธิ์ จึงสรุปได้ว่าความศรัทธาและกระแสเรียกที่ดีเริ่มต้นที่บ้าน



ข้าแต่ท่านบุญราศีมรณสักขี แห่ง อัลเคเมซี ช่วยวิงวอนเทอญ
ขอพระคริสต์ราชา ทรงพระเจริญเทอญ

ข้อมูลอ้างอิง

'เบร์นาร์โด ฟรานซิสโก' ให้ชีวิตนี้เป็นสะพานนำรักพระองค์ไป ตอนจบ

บุญราศีเบร์นาร์โด ฟรานซิสโก เด โอโยส เด เซญา Bl. Bernardo Francisco de Hoyos de Seña วันฉลอง: 29 พฤษจิกายน ผู้ใหญ่ในคณะคนแรก ๆ ที่ท่านแสวงหา...