วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

"ยัง ซาร์คันเดอร์" ชีวิตเพื่อศีลอภัยบาป


นักบุญยัง ซาร์คันเดอร์
St. Jan Sarkander
ฉลองในวันที่ : 17 มีนาคม

หมายเหตุ : เรื่องต่อไปนี้ไม่มีเจตนาโจมตีนิกายในทั้งสิ้น มีจุดประสงค์ก็เพียงเพื่ออ่านเสริมศรัทธาเท่านั้น เวลานั้นผมในฐานะคริสตังคนหนึ่งก็ยอมรับว่าพระศาสนจักรกระทำรุนแรงเกินไปกับพี่น้องต่างนิกาย  แต่เราไม่อาจแก้ไขอดีตได้ แต่เราสามารถทำปัจจุบันให้ดีขึ้นได้

คุณพ่อยัง เกิดในตระกูลชนขุนนางชั้นกลางที่เมืองสก็อคโซฟ ราชอาณาจักรโบฮีเมีย (ปัจจุบันตั้งอยู่ในจังหวัดชลางสเกีย ของประเทศโปแลนด์) เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ค..1576 บิดามารดาของท่านคือเจซโกรซา มาแชยา และเฮเลนี ซกูเรคกีค  ซึ่งภายหลังที่บิดาสิ้นใจในปี ค..1589 มารดาก็ตัดสินใจพาครอบครัวย้ายไปฟรีโบรา ในประเทศโมราวา(ประเทศทางประวัติศาสตร์ทางตอนกลางของยุโรป ปัจจุบันอยู่ในสาธารณรัฐเช็ก) และเป็นที่นั่นที่ท่านได้เข้าโรงเรียนของเขตวัด

จนเมื่อมีวัยได้ 23 ปี ท่านก็สมัครเข้าเรียนในคณะมนุษย์ศาสตร์ ณ มหาวิทยาลัยของคณะเยซูอิต ที่ โอโลมูนซู ด้วยบุคลิกนักศึกษาผู้เปี่ยมพรสวรรค์และขยันหมั่นเพียร หลังจากนั้นท่านจึงเข้าศึกษาต่อ ณ มหาวิทยาลัยชาร์ลส์ของคณะเยซูอิต ในปราก จนจบปริญญาเอกสาขาปรัชญาจากมหาวิทยาลัยนี้ในราวๆปี ค..1600 แต่แม้ในช่วงแรกท่านจะเชื่อว่าท่านมีกระแสเรียกการเป็นพระสงฆ์ ท่านก็ตัดสินใจไม่ศึกษาด้านเทววิทยาต่อและได้เข้าพิธีสมรส แต่อยู่กินกันได้ประมาณปีหนึ่งภรรยาที่เราไม่ทราบนามของท่าน ก็สิ้นใจลง

ท่านจึงแน่วแน่ว่าท่านมีกระแสเรียกเป็นพระสงฆ์จริงๆ ดังนั้นท่านจึงเข้าศึกษาต่อด้านเทววิทยา ณ มหาวิทยาลัยแห่งกราซ ในประเทศออสเตรีย และจบในราวปี ค..1608 และที่สุดท่านจึงได้รับศีลบรรพชาเป็นพระสงฆ์ของพระคริสต์ในปี ค..1609 ณ เมืองนั้น ก่อนจะกลับมาประจำในสังฆมณฑลโอโลมูนซู และได้ออกทำงานอภิบาลตามเมืองเพื่อปกป้องความเชื่อของพระศาสนจักรที่กำลังเผชิญกับกลุ่มเบรเธม กลุ่มนิกายปฏิรูปของเช็คในเวลานั้น ที่เข้มแข็งมาก

ซึ่งขอเล่าย้อนในเวลาไล่เลี่ยกันกับที่ท่านรับศีลอนุกรม บารอนชื่อ วลาดิสลาฟ ลอบกอวิทช์ ผู้ว่าการโมราเวีย ก็ได้ซื้อที่ดินในโฮเลสโชเวีย และด้วยความที่เขาเป็นคริสตังที่ร้อนรนอีกคนหนึ่ง เขาจึงตัดสินใจจะฟื้นฟูพระศาสนจักรขึ้น ณ ที่ดินที่เขาซื้อนี้ ด้วยการสั่งยึดคริสตจักรและวิทยาลัยของกลุ่มเบรเธมและยกให้พระศาสนจักร พระสังฆราชประจำสังฆมณฑลจึงมอบหมายให้คณะเยซูอิตเข้ามาดูแลวิทยาลัยและได้มอบให้ท่านเข้ามาเป็นพ่อเจ้าวัดที่นี่ตั้งแต่ปี ค..1616 เป็นต้นมา

ซึ่งด้วยความร่วมมือจากคณะเยซูอิต ท่านก็สามารถทำให้ผู้คนกว่าสองร้อยคนที่ไม่ใช่คริสตังได้กลับใจ มาสู่คอกแกะของพระศาสนจักร อันนับเป็นเรื่องน่ายินดีแก่พระศาสนจักร แต่เรื่องนี้ไม่ใช่กับบารอน บีโทฟสกา เพื่อนบ้านของวลาดิสลาฟ ซึ่งเป็นลูเธอร์ลัน ที่ยิ่งเห็นการกลับใจมากขึ้นก็ยิ่งทวีความโกธรและความมุ่งมั่นที่จะดึงคนเหล่ากลับมานับถือตามเดิมเท่านั้น แต่อย่างไรๆ เขาก็หาหนทางมาไม่ได้ซักทีกระทั้ง….


ท่านเป็นคนอย่างไร จากประวัติฉบับหนึ่งได้เขียนเอาไว้ว่า ไม่ค่อยกินอาหาร ผู้รับใช้พระเจ้าผู้สัตย์ซื่อ แต่งตัวง่ายๆ อัครสาวกของพระคริสตเจ้า ภาพสะท้อนของคุณธรรมทั้งหลาย นักบุญใจศรัทธา พยานถึงความเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  เป็นเหมือนลูกแกะ - เงียบงัน ท่านเป็นคนถ่อมตน เวลาเดียวกันก็เป็นคนที่ร้อนรนในการตักเตือนถึงสิทธิ์ของพระศาสนจักร ท่านทำให้คนสงสัยได้กลับใจและคนทุกข์โศกให้ได้รับความบรรเทาใจ ท่านคอยช่วยคนยากจน แต่เหนือสิ่งอื่นใดที่กล่าวมาคือท่านร้อนรนต่อกระแสเรียกและการปกป้องความเชื่อของพระศาสนจักร

เมื่อสงครามสามสิบปี (..1618-..1648) อันเป็นสงครามระหว่างกลุ่มโปรแตสแตนต์ภาคกลางยุโรปกับกลุ่มคาทอลิก ในปี ค..1619 โมราเวียก็ถูกปกครองด้วยรัฐบาลจากกลุ่มโปรแตสแตนต์ การเบียดเบียนพระศาสนจักรในโมราเวียจึงเริ่มขึ้น ท่านที่ทราบดีว่าตนเองเป็นเป้าสำคัญ จึงได้ตัดสินใจหลบหนีออกจากโฮเลสโชเวีย และได้ไปแสวงบุญที่วัดแม่พระฉวีดำในโปแลนด์ ก่อนจะซ่อนตัวอยู่ที่ริบนิคและคราคูฟตามลำดับ แต่เพียงไม่กี่เดือน ท่านก็ตัดสินใจกลับมาที่โฮเลสโชเวียอีกครั้ง


เหตุการณ์ความคัดแย้งยิ่งเลวร้ายลงเรื่อยๆ ในสงครามครั้งนี้ พระเจ้าซิกมุนตา ที่ 3 แห่ง โปแลนด์ ก็ได้มีบัญชาส่งกลุ่มทหารคอสแซคจำนวน 4000 นายไปช่วยรบกับฝ่ายคาทอลิก ฉะนั้นอเล็กซานดรา ลีโซฟสเกโก จึงคุมคอสแซคทั้งสี่พันนายออกเดินทางในทันที จนลุถึงชายแดนโมราเวีย พวกเขาก็ได้ทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนที่ไหนด้วยการเริ่มปล้นสะดมและเผาเมืองและหมู่ทุกที่ผ่านในแดนโมราเวีย จนมาในเดือนกุมภาพันธ์ ค..1620 พวกเขาก็มาใกล้โฮเลสโชเวีย

นับเป็นโอกาสเหมาะ ศัตรูของท่านจึงเริ่มเที่ยวประกาศไปทั่วว่าท่านเป็นคนพาพวกคอสแซคเหล่านั้นมา แต่ท่านไม่เกรงกลัวและได้จัดขบวนแห่ศีลไปเผชิญหน้ากับพวกทหารคอสแซคในทันที และเนื่องจากพวกคอสแซคเป็นชาวโปแลนด์ ซึ่งต่างล้วนยึดมั่นในพระศาสนจักร พวกเขาจึงไม่ได้เขาทำร้ายใคร แต่กลับลงจากหลังม้าและคุกเข่าลง พลางให้สัญญาว่าจะไม่ทำลายหมู่บ้านนี้ ส่งผลให้โฮเลสโชเวียจึงรอดปลอดภัยจากการทำลาย


แต่แม้จะหยุดกลุ่มคาทอลิกไม่ให้ทำลายหมู่บ้านได้ ท่านก็ไม่อาจหยุดกลุ่มโปรแตสแตนต์ได้ บีโทฟสกาได้โอกาสกล่าวหาว่าท่านเป็นกบฏ พร้อมยกว่าการไปแสวงบุญที่วัดแม่พระฉวีดำของท่านเป็นข้ออ้างเพื่อการไปติดต่อกับพวกกองกำลังต่างชาติ ท่านจึงต้องหนีไปซ่อนในปราสาท แต่ก็ถูกคนหักหลัง จนท่านต้องหนีหัวซุกหัวซุนเข้าไปในป่า และถูกจับ ถูกขัง ก่อนถูกนำขึ้นไต่สวนในศาลของโอโลมูนซู ที่นั่นท่านถูกบังคับให้ยอมรับสารภาพตามข้อหากบฏสามครั้งคือในวันที่ 13 , 17 และ 18 กุมภาพันธ์ เพื่อพวกเขาจะมีข้ออ้างในการข่มเหงคริสตัง แต่ท่านปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ พวกเขาจึงทรมานท่านด้วยการจับมัดขากับพื้น แล้วมัดมือด้วยเชือกที่เชื่อมกับล้อที่จะถูกหมุนเพื่อให้กระดูกหลุดจากข้อต่อหรือเส้นเอ็นขาด

ท่านน้อมรับการทรมานซ้ำๆนี้หลายๆครั้งด้วยความอดทน และยังคงหนักแน่นที่จะยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ผู้ทำการทรมานจึงหันมาใช้คบไฟลนตามข้างตัวของท่าน และบีบศีรษะของท่านด้วยเครื่องบีบศีรษะ แต่ก็ยังไร้ผล ทหารของพระคริสตเจ้ายังคงนิ่งเงียบเช่นเดิม ลุถึงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ผู้สอบสวนได้ถามท่านว่า มันจะเป็นไปได้อย่างไรกันที่แกจะไม่รู้เรื่องนี้ แกบอกเราไม่ได้เลยหรือว่าเจ้าลอบกอวิทช์นายของแกพูดอะไรมั่งในระหว่างแก้บาป  ฟังดังนั้นท่านในฐานะสงฆ์ที่ต้องรักษาความลับของศีลอภัยบาป ก็ตอบอย่างกล้าหาญว่า ในฐานะที่มันคือความลับของศีลอภัยบาป พ่อไม่สามารถเปิดเผยมันได้ ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่พ่อรู้ และพ่อก็ไม่อยากรู้ ไม่อยากคิดหรือจดจำมันด้วยซ้ำ และยิ่งเป็นตราประทับอันศักดิ์สิทธิ์ที่มิอาจล่วงเกินได้ของศีลศักดิ์สิทธิ์นี้ด้วย ดังนั้นแม้พ่อจะรู้ พ่อก็ขอเลือกถูกทรมานจนตายและกลับไปเป็นผงคุลีเสียดีกว่า นี่เป็นพระหรรษทานของพระเจ้าที่จะทนทรมาน ดีกว่าทำบาปด้วยการทุรจารธรรมล้ำลึกนี้เพียงชั่วครู่



ท่านจึงถูกทรมานต่อ แต่กระนั้นตลอดเวลาท่านเฝ้าสวดภาวนาอยู่เสมอเพื่อขอความเพียร ความอดทน และความกล้าหาญ ท่านคอยขาน เยซู มารีย์ แต่ผู้ทรมานท่านเข้าใจว่าท่านกำลังฝึกคาถาอยู่ พวกเขาจึงตัดสินใจจะล้างมนต์ดำตามที่เขาเข้าใจ ด้วยการโกนขนแมว โกนผมละหนวดของท่าน พร้อมเล็บเท้าของท่านมาเผาให้เป็นขี้เถ้า แล้วจึงนำมาผสมกับน้ำให้ท่านดื่ม หลังจากนั้นจึงค่อยนำตัวท่านออกจากเครื่องทรมานนั้น แล้วโยนเข้าไปในคุกในสภาพหมดสติ ปล่อยให้นอนรอความตายบนกองฟางในคุก

วันเวลาผ่านไปกับการสวดภาวนาและความบริสุทธิ์ใจ  จนลุถึง 17 มีนาคม ค..1620 ท่านก็ถึงแก่มรณกรรมอย่างสงบด้วยอายุ 43 ปี ร่างของท่านถูกฝัง ณ วัดพระนางมารีย์ โอโลมูนซู ตรงวัดน้อยนักบุญลอเรนซ์ ในฐานะมรณสักขี ผู้คนค่อยๆทยอยมาสวด ณ  หลุมของท่านเรื่อยๆ ยิ่งหลังสงครามสามสิบปีจบลงก็มีมากขึ้น ที่สุดจึงมีการเสนอนามท่านเป็นนักบุญ กระทั้งในวันที่ 6 พฤษภาคม ค..1860 ท่านจึงได้รับการบันทึกนามในสารบบบุญราศี โดยสมเด็จพระสันตะปาปาปีโอ ที่ 9 หลังจากนั้นเมื่อสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ทรงมีแผนจะเสด็จเยือนสาธารณรัฐเช็ค พระองค์ก็ทรงมีพระประสงค์จะสถาปนาท่านขึ้นเป็นนักบุญ


แต่เมื่อพระคุณเจ้าปาเวล เซเตตานา ทราบก็ทูลทัดทานไว้เนื่องจากเกรงจะเป็นการเปิดแผลเก่า แต่เมื่อทรงทราบดังนั้นพระองค์ก็ทรงตอบพระคุณเจ้าว่าพระองค์มีประสงค์จะแต่งตั้งบุญราศียังเป็นนักบุญก็เพราะต้องการแสดงถึงความอยุติธรรมและความขาดเมตตาจิตในอดีตของทั้งสองฝั่งควรจะถูกลืม และมีการขออภัยซึ่งกันและกัน ฉะนั้นในวันที่ 21 พฤษภาคม ค..1995 ในพิธีสถาปนาท่าน พระองค์จึงได้ทรงตรัสว่าในวันนี้ ข้าพเจ้า พระสันตะปาปาแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ในนามของคริสตชาคาทอลิกทุกคน มาขออภัยสำหรับความผิดที่ได้ทำร้ายผู้ไม่ได้เป็นคริสตชนคาทอลิกในประวัติศาสตร์อันยาวนานของชนชาตินี้ เวลาเดียวกันข้าพเจ้าก็ขอมัดจำด้วยการอภัยจากพระศาสนจักรคาทอลิกสำหรับการเบียดเบียนบรรดาบุตรและธิดาของเธอ(พระศาสนจักร)”

ท่านทั้งหลายอภัยบาปของผู้ใดบาปของผู้นั้นก็ได้รับการอภัย ท่านทั้งหลายไม่อภัยบาปของผู้ใดบาปของผู้นั้นก็ไม่ได้รับการอภัยด้วย(ยอห์น 20:23) ผ่านพระวาจาข้อนี้พระสงฆ์จำนวนมากได้รับตราแห่งการอภัยบาป คุณพ่อยังก็คือหนึ่งในนั้น ท่านได้ตระหนักดีถึงข้อพระวาจานี้ ว่าท่านไม่เพียงแต่ต้องอภัยบาปตามที่พระเยซูเจ้าทรงประทานให้เท่านั้น แต่ท่านต้องปกปิดบาปเหล่านั้นตามที่พระศาสนจักรประกาศด้วย ดังนั้นแม้จะต้องแลกกับชีวิตของท่าน ท่านก็ยอม ซึ่งจากการอ่านเรื่องราวของท่านนี้ ท่านไม่เพียงแต่เป็นแบบอย่างของพระสงฆ์ที่ดี แต่ยังท่านยังกำลังเรียกร้องให้เราในฐานะคริสตชน ให้เข้าไปร่วมในการทำให้รหัสธรรมแห่งศีลอภัยบาปนี้ศักดิ์สิทธิ์ไป ด้วยการไปแก้บาปด้วย ใจ ไม่ใช่ด้วย ความเคยชินท่านกำลังเรียกร้องให้พวกเราให้เข้าไปหาพระคริสต์ในห้องแก้บาปด้วยใจเวทนาในสภาพวิญญาณของเราเอง ไม่ใช่ไปเพราะคนอื่นบอก และกำลังเรียกร้องให้เราเป็นมรณสักขีหรือพยานถึงพระเมตตาในศีลอภัยบาป เพื่อที่ว่า อัศจรรย์แห่งพระเมตตาได้ปรากฏขึ้นอย่างเต็มที่”(เทียบพระวาจาของพระเยซูเจ้าต่อนักบุญโฟสตินา) วันนี้ให้เราถามตนเองว่าในวันที่เราเข้าไปที่ห้องแก้บาปเรากำลังไปเพราะอะไร เพราะใจหรือคนอื่น อัลเลลูยา อัลเลลูยา


ข้าแต่ท่านนักบุญยัง ซาร์คันเดอร์ ช่วยวิงวอนเทอญ

ข้อมูลอ้างอิง

'เบร์นาร์โด ฟรานซิสโก' ให้ชีวิตนี้เป็นสะพานนำรักพระองค์ไป ตอนจบ

บุญราศีเบร์นาร์โด ฟรานซิสโก เด โอโยส เด เซญา Bl. Bernardo Francisco de Hoyos de Seña วันฉลอง: 29 พฤษจิกายน [ย้อนกลับไปอ่าน  “‘เบร์นาร์โด ฟรา...