วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

"คุณพ่อเซราฟีโน" พ่อเจ้าวัดคิวโซ


บุญราศีเซราฟีโน โมรัซโซเน
Bl. Serafino Morazzone
ฉลองในวันที่ : 13 เมษายน

สิ้นเสียงการประกาศของพระคาร์ดินัล อันเยโล อามาโต เจ้ากระทรวงเพื่อกการแต่งตั้งเป็นนักบุญจบลง ตามด้วยเสียงปรบมือจากบรรดาผู้ร่วมพิธีทั้งหลาย ท่ามกลางประจักษ์พยานมากมายหน้าลานของอาสนาวิหารซานตา มารีอา มาสเชนเต อาสนวิหารอันงดงามประจำเมืองมิลาน ในวันที่ 26 มิถุนายน ค..2011 ผ้าคลุมสีขาวขุ่นที่ถูกแขวนไว้ที่มุขของอาสนวิหารก็ค่อยๆถูกดึงลงอย่างช้า คลอไปด้วยทำนองเพลงออร์แกนที่บ่งบอกถึงความยินดี

จนค่อยๆเผยให้เห็นภาพของบุญราศีใหม่สามองค์ที่ได้รับการแต่งตั้งในวันนี้ที่ประกอบด้วยภาพพระสงฆ์ท่านหนึ่งมีกริยาน่าเคารพกำลังโน้มศีรษะลงเบื้องหน้าไม้กางเขน พร้อมดวงตาจับจ้องไปยังพระมหาไถ่ผู้ถูกตรึงกางเขน ณ กัลวาลีโอ  ซึ่งดูแตกต่างจากภาพอีกสองภาพที่เหลืออยู่ข้างๆ ด้วยเป็นภาพเขียนเพียงภาพเดียว ในหมู่ภาพทั้งสามในวันนี้ ชวนให้คิดว่าพระสงฆ์ผู้คือใครกัน ถึงได้มีบุญได้เป็นบุญราศีเช่นนี้ และคำตอบก็เผยว่าภาพนั้นคือ บุญราศีเซฟารีโน โมรัซโซเน พระสงฆ์ประจำเขตวัดธรรมดาๆ ผู้เจริญชีวิตอย่างศักดิ์สิทธิ์ และสิ้นใจเกือบๆ 200 ปี ที่แล้ว



ชีวิตใหม่อีกหนึ่งชีวิตเริ่มขึ้นในครอบครัวที่จัดได้อีกว่ายากจนและยังมีขนาดใหญ่ ฟรังเชสโกหัวหน้าครอบครัวนี้มีเงินเลี้ยงชีพและครอบครัวจากธุรกิจขายเมล็ดพืชเล็กๆ พวกเขาอาศัยในอพาร์ทเมนเล็กๆ ในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค..1747 เมื่อเซฟารีโนถือกำเนิดขึ้น เราไม่อาจล่วงรู้ถึงชีวิตนับจากนั้นต่อไปของทารกเซฟารีโนนี้เท่าไรนัก เราทราบแต่เพียงว่าตั้งแต่เยาว์วัยท่านก็ปรารถนาจะเป็นพระสงฆ์มาตลอด

แต่ก็ติดปัญหาด้านการเงินที่จะใช้สำหรับเป็นค่าเล่าเรียน แต่เหมือนพระทรงจัดเพราะคณะเยซูอิตได้ยื่นมือช่วยเหลือท่านด้วยการออกค่าใช้จ่ายให้ในโรงเรียนเบรรา หลังจากนั้นท่านจึงได้รับบเสื้อหล่อ , ศีลโกน ,ศีลน้อยครั้งแรก ขณะอายุ 13 , 14 และ 16 ปี ตามลำดับ  ก่อนในวัย 18 ปี เพื่อหาเงินค่าเรียนท่านจึงไปทำงานเป็นผู้ช่วยพิธีกรรมในอาสนวิหารและได้ค่าเหนื่อยเดือนละ 10 ลีร์ โดยท่านจะไปทำงานนี้ในช่วงเช้าก่อนในช่วงบ่ายท่านจึงจะเข้าเรียนเทววิทยาต่อไป ท่านปฏิบัติเช่นนี้อยู่แปดปีด้วยความซื่อสัตย์ ตรงต่อเวลา สุภาพและรอยยิ้มได้ และในวัย 24 ปี ท่านจึงได้รับศีลน้อยครั้งที่สอง และถูกส่งไปช่วยงานที่คิวโซ เขตวัดเล็กๆที่มีประชากร 185 คนในเวลานั้น ชุมชนที่ไร้ซึ่งความมักใหญ่ เป็นระยะเวลาสองปี ซึ่งท่านก็ทำได้อย่างดี แต่กระนั้นท่านก็ยังคงไม่ได้เป็นพระสงฆ์



ดังนั้นท่านจึงได้รับการบวชเป็นสังฆานุกร และในวันที่ 9 พฤษภาคม ค..1773 ท่านจึงได้รับบวชเป็นพระสงฆ์ในวัดซานตา มารีอา ใน ซาตีโร หลังจากนั้นในวัดถัดมาท่านก็เลือกไปประจำยังคิวโซและประจำอยู่ที่นั่นจนท่านสิ้นใจ แม้ว่าท่านจะมีทางเลืองมากมายที่หากเลือกจะเต็มไปด้วยเกียรติยศ แต่ท่านก็เลือกที่จะเป็น ผู้บำบัดวิญญาณที่ดีของคิวโซ ไปเสมอมิเปลี่ยนแปลง และ ณ ที่นี้เองสัตบุรุษต่างได้ประจักษ์ถึงความศักดิ์สิทธิ์ของท่านนี้ ไม่ว่าจะเป็นการที่ท่านคุกเข่าเป็นเวลานานๆในวัด หรือการไม่เคยเหนื่อยที่จะเปิดบ้านของพระรับบรรดาผู้เป็นทุกข์ถึงบาปผิดได้เข้ามารับศีลแห่งความเมตตา ในห้องแก้บาป ซึ่งมีมาทั้งจากเลกโกและเมืองใกล้ๆ

ดั่งเช่นที่อารส์ ผู้คนต่างหลั่งไหลมาแก้บาปกับท่านที่พวกเราต่างเรียกว่า บุญราศีเซราฟีโน แต่ท่านกลับมิหลงใหลไปกับคำเยินยอนี้ ตรงข้ามท่านกลับถือว่าท่านเป็นเพียงคนบาปผู้น่าสงสารผู้ต้องการพระเมตตาจากพระเจ้าและคำภาวนาจากคนอื่นๆ ท่านไม่เคยสังเกตว่าหลายๆครั้งท่านได้ก่ออัศจรรย์ เพราะท่านยุ่งไปกับการพยายามที่จะไม่ละเลยลูกวัดทุกคน เพียงแค่บอกว่าป่วยเท่าแหละ ท่านก็จะรีบไปเยี่ยมเขาในตอนเย็นไม่ก็ตอนกลางคืน หากท่านทำไม่ในตอนกลางวัน ไปๆมาๆอย่างนี้ทุกๆวันจนกว่าเขาจะหายไม่ก็สิ้นใจในศีลในพรไปเลย



ไม่เพียงแต่นำความบรรเทาฝ่ายจิตเท่านั้น ท่านยังนำความบรรเทาฝ่ายกายไปมอบให้บุคคลเหล่านั้น ไม่ว่าคนป่วยหรือคนยากไร้ อาทิคราวหนึ่งท่านก็ได้ยกฟูกนอนของท่านให้แก่คนยากจนคนหนึ่งไป แล้วท่านก็หันมานอนบนพื้นไม้กระดานไปตลอดชีวิตแทน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ท่านปฏิบัติจนชินตาชนิดไม่เห็นว่าเป็นกิจการเมตตาอันใด นอกจานี้ท่านยังได้ก่อตั้งโรงเรียนประถมฟรีขึ้นสำหรับเด็กๆในหมู่บ้าน เพื่อจะให้เด็กๆได้มีความรู้ทั้งในการอ่าน เขียน นับ นอกเหนือจากการเรียนคำสอน

ภายหลังจากการอุทิศชีวิตเพื่อให้ลูกวัดทุกคนมีใจศรัทธาและรักศีลมหาสนิท ตลอด 49 ปี ไม่ไปไหน ในวันที่  13 เมษายน ค..1822 ร่างของท่านถูกฝัง ณ วัดนักบุญยอห์น ที่ท่านเป็นเจ้าวัดตลอดชีวิตของท่าน  กระบวนของท่านเริ่มขึ้นในปี ค..1864 แต่ก็ต้องหยุดชะงัก กระทั้งที่สุดบุญราศีพระคาร์ดินัล อิลเดฟอนโซ ได้เริ่มกระบวนการอีกครั้งในปี ค..1951 และหลังจากมีการรับรองอัศจรรย์ในวันที่ 26 มิถุนายน ค..2011 ท่านก็ได้รับการบันทึกนามในสารบบบุญราศี



ในเมื่อเราซึ่งเป็นทั้งองค์พระผู้เป็นเจ้าและอาจารย์ยังล้างเท้าให้ท่าน ท่านก็ต้องล้างเท้าให้กันและกันด้วย(ยอห์น 13:14) พระวรสารข้อนี้เป็นอีกข้อเช่นกันที่เรียกให้เรารับใช้เพื่อนมนุษย์ของเรา เพราะขนาดพระเยซูเจ้าซึ่งเป็นพระเจ้าผู้ทรงสร้างเรามา ยังทรงลดพระองค์ลงมาทำงานที่ต่ำที่สุดนั่นคือ การล้างเท้าให้บรรดาศิษย์ แล้วเราละเป็นใครกัน ทำไมถึงไม่ควรถ่อมตนรับใช้ผู้อื่นละ ในเมื่อผู้สร้างเรายังทรงทำเช่นนี้ได้ ลูกน้อยไม่ควรจะปฏิบัติตามสิ่งที่บิดามารดาทำงั้นหรือ คริสตชนไม่ควรเป็นภาพสะท้อนของพระคริสตเจ้างั้นหรือ เรื่องราวสั้นๆของคุณพ่อเซราฟีโนกำลังบอกเราเช่นเดียวกับข้อพระวรสารนี้ ตลอดชีวิตในฐานะพระสงฆ์เจ้าวัด ท่านได้อุทิศตนรับใช้สัตบุรุษทุกคนทั้งฝ่ายกายและฝ่ายจิต ท่านเรียกร้องให้พวกเราในฐานะคริสตชนไม่ว่าสถานะไหน อายุเท่าใด เป็น ธรรมทูตแห่งความเมตตา ที่จะนำพระคริสตเจ้าไปสู่คนรอบข้างผ่านการลดอัตตาของเราลง เพื่อรับใช้ในสิ่งที่คนอื่นต้องการ เพื่อที่ว่าเราจะได้สมกับหน้าที่ ประกาศกตามที่เราได้รับแล้ว เมื่อครั้งได้รับศีลล้างบาป อัลเลลูยา อัลเลลูยา

ท่านเป็นคนศรัทธาทั้งในความคิดของท่าน คำพูดของท่าน ในผลงานทั้งหมดของท่านด้วย ความรักอย่างแรงกล้าของพระเจ้าและมนุษย์ประจักษ์ในตัวท่าน การอภิบาลตามหน้าที่ของท่านและความนึกคิดในการอภิบาลของท่านเป็นอะไรที่ดีที่สุด
คำกล่าวของหนึ่งในผู้เคยแก้บาปกับท่าน อเลสซานโดร มันโซนี นักเขียน กวี และนักเขียนบทละคร ชาวอิตาลี


ข้าแต่ท่านบุญราศีเซฟารีโน โมรัซโซเน ช่วยวิงวอนเทอญ


ข้อมูลอ้างอิง

'เบร์นาร์โด ฟรานซิสโก' ให้ชีวิตนี้เป็นสะพานนำรักพระองค์ไป ตอนจบ

บุญราศีเบร์นาร์โด ฟรานซิสโก เด โอโยส เด เซญา Bl. Bernardo Francisco de Hoyos de Seña วันฉลอง: 29 พฤษจิกายน [ย้อนกลับไปอ่าน  “‘เบร์นาร์โด ฟรา...