บุญราศีมาริโอ เวรการา และ บุญราศีอิสิโดโร งึย โก
ลัต
Bl. Mario Vergara and Isidoro Ngei Ko Lat
สาละวินเจ้าไหลริน
มานานกาล
เป็นพยานแห่งศรัทธาอันคงมั่น
สองกายาได้พักในธารนั้น สุดจะกลั้นน้ำตาความตรึงใจ
คุณพ่อมาริโอ
เวรการา เป็นชาวอิตาลีโดยกำเนิด ที่เกิดเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ. 1910 ในฐานะบุตรคนสุดท้องจากเก้าคนของครอบครัวและได้รับศีลล้างบาปในอีกสองวันถัดมา
ใน ฟรัตตามาจูเร จังหวัดเนเปิลส์ ในแคว้นกัมปาเนีย ประเทศอิตาลี หลังจากนั้นในวัย
11 ปี คุณพ่อก็ได้เข้าสามเณรราลัยของอาเวร์ซา และเมื่ออายุได้
17 ปี คุณพ่อก็ได้เข้าสามเณรราลัยโปซิลลิโปของคณะเยซูอิต
ที่ทำให้คุณพ่อสัมผัสได้ถึงกระแสเรียกการเป็นธรรมทูต และในระหว่างที่เรียนอยู่นั้นเอง ในประเทศพม่าทารกเพศชายก็ได้ถือกำเนิดขึ้นอาฮ์เตต
ตาวโปน รัฐกะเหรี่ยง
ในปี ค.ศ.1918 ด้วยนาม งึย โก ลัต
กลับมาที่อิตาลี หลังจากนั้นในปี
ค.ศ.1929 คุณพ่อก็ได้เข้าบ้านเณรของมอนซา ของคณะปีเม แต่ก็อยู่ได้ปีเดียวท่านก็ต้องกลับไปโปซิลลิโป
จากสุขภาพ หลังจากกลับมาคุณพ่อก็กลายเป็นหัวหน้าธรรมทูตในหมู่นักเรียนเทววิทยาด้วยกัน
ก่อนจะได้รับศีลโกนจากพระสังฆราชแห่งอาเวร์ซาในปี ค.ศ.1932
ณ
ย่างก้าวแรกบนดินแดนแห่งใหม่คุณพ่อก็ได้รับการต้อนรับจากพระสังฆราชซากราดา
และเริ่มชีวิตธรรมทูตอย่างเต็มตัวที่เมืองตองอู ในทันทีท่านเริ่มร่วมงานธรรมทูตอย่างแข็งขัน
ควบคู่ไปกับการเรียนภาษาและประเพณีของชนชาติกระเหรี่ยงเพื่อใช้ในการประกาศพระวรสารแห่งข่าวดีแก่พี่น้องในดินแดนแห่งนี้
กระทั้งต่อมาเมื่อสงครามโลกครั้งที่สองเกิดขึ้น
ในวันที่ 10 มิถุนายน ค.ศ.1940 เมื่ออิตาลีประกาศสงครามกับอังกฤษอันคือชาติที่พม่าเป็นอาณานิคม
ทำให้พระสงฆ์ชาวอิตาลีถูกสั่งให้หยุดดำเนินงาน ก่อนในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ.1941 บรรดามิชชันารีทั้งหลายรวมถึงท่านจะถูกจับไปเป็นเชลยอยู่ที่ค่ายที่อินเดีย
ท่านถูกคุมขังอยู่ที่นั่นราวสามปีจนปลายปี ค.ศ.1944 ท่านจึงได้รับการปล่อยตัว
และพร้อมที่จะกลับไปดำเนินพันธกิจต่อ
แม้สุขภาพจะไม่ค่อยดีนักจากสภาพการกินอยู่และการผ่าตัดไตไปข้างหนึ่ง
งานชิ้นต่อไปของคุณพ่อก็คือการไปทำงานที่ทางชายแดนตะวันออกของสังฆมณฑลตองอูตามคำสั่งของพระสังฆราชแห่งตองอู
ที่ตำบลชาดาว ตั้งแต่ปี ค.ศ.1947
เป็นต้นมา ที่นั่นเช่นกัน ท่านก็ได้สอนคำสอนและเปิดสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเฉกเช่นที่เคยทำที่ชีตาเชาะ ซึ่งมันก็ได้ผลที่ดีเยี่ยม
ขอเล่าย้อนกลับไปถึงเด็กชายงึย
ภายหลังจากเกิดมาได้ไม่นาน บิดามารดาคือ โบ สันต์ตินต์และมุกะสี ที่เป็นชาวบ้านธรรมดาๆ
ก็ได้พาเขาไปรับศีลล้างบาปกับคุณพ่อดอมินิก เปดร๊อตตี ในวันที่ 7 กันยายนปีเดียวกันด้วยชื่อ ‘อิสิโดโร’ หลังจากนั้นมาชีวิตของเด็กชายงงึยก็คงไม่ต่างอะไรจากเด็กชาวพม่าทั่วไปที่นับถือศาสนคริสต์คนอื่นๆ
เพียงแต่เมื่อโตขึ้นมาหน่อยและมีน้องชาย บิดามารดาของเขาก็มาจากไป
เขาและน้องชายที่กลายเป็นเด็กกำพร้าจึงได้ไปอยู่กับคุณลุงและคุณป้าแทน
ซึ่งภายใต้การดูแลนี้เขาก็มีโอกาสได้เข้าเรียนในโรงประถมประจำหมู่บ้าน
และได้พบกระแสเรียกในชีวิต
กระแสเรียกนั้นก็คือการอุทิศตนรับใช้พระเจ้า
ดังนั้นเอง เด็กชายงึยจึงได้เข้าบ้านเณรเล็กนักบุญเทเรซา เมืองตองอู ซึ่งในฐานะนักเรียน
เขาก็เป็นเด็กศรัทธาและขยันเรียน เขาสามารถเรียนทั้งภาษาละตินและภาษาอังกฤษได้อย่างเป็นอย่างดี
แต่ก็น่าเนศร้า เพราะเรียนได้เพียงหกปี
ก็พอดีกับสงครามโลกครั้งที่สองเริ่มขึ้น และด้วยโรคหอบหือเรื้อรัง
เขาจึงจำต้องกลับไปยังหมู่บ้าน
เมื่อกลับมาที่บ้าน
เขาได้ตั้งโรงเรียนสอนเด็กๆในหมู่บ้านขึ้นฟรีๆ โดยสอนเป็นภาษาอังกฤษ
เวลาเดียวกันเขาก็ไม่ได้ละเลยงานสอนคำสอน
กล่าวคือเขาได้สอดแทรกคำสอนต่างๆผ่านไปทางบทเพลงศักดิ์สิทธิ์ นอกนี้เข้ายังสัตย์ซื่อในกระแสเรียก
เขาจึงครองตนเป็นโสด จนเมื่อได้พบกับคุณพ่อมารีโอซึ่งกำลังวางแผนจะไปแพร่ธรรมทางตะวันออกของเมืองลอยแก้ว
ในปี ค.ศ.1948 ที่เหล่ยโขท เขาก็ตัดสินใจรับคำเสนอของคุณพ่อ ในการร่วมเดินทางไปเป็นครูคำสอนกับคุณพ่ออย่างร้อนรน
แม้ปัจจุบันร่างกายของท่านทั้งสองจะยังหาไม่พบ
แต่พระศาสนจักรพม่าก็ไม่เคยลืมวีรกรรมของทั้งสอง หลังจากมรณกรรมไปเป็นเวลา 58 ปี ก็ได้มีการเสนอขอแต่งตั้งทั้งสองเป็นบุญราศีและล่าสุดในวันที่
9 ธันวาคม ค.ศ.2013 สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส
ก็ได้ทรงลงพระนางอนุมัติให้บันทึกนามทั้งสองลงในสารบบุญราศีมรณสักขี ส่งให้คุณครูงึยกลายเป็นชาวพม่าคนแรกที่ได้เป็นบุญราศีตอนนี้คงต้องรอวันจัดงานต่อไป
“ข้าแต่ท่านบุญราศีมาริโอ เวรการา และ
บุญราศีอิสิโดโร เอ็นจึย โก ลัต ช่วยวิงวอนเทอญ”
ข้อมูลอ้างอิง
Pope Report