วันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2556

"เกลาดิโอ กรันซอตโต" ช่างศิลป์ของพระเจ้า


บุญราศี เกลาดิโอ กรันซอตโต
Blessed Claudio Granzotto
ฉลองในวันที่ : 15 สิงหาคม

รีกการ์โด กรันซอตโต เป็นชาวบ้านซานลูเชีย ดี ปีอาเว จังหวัดเทรวิโซ แคว้นเวเนโต ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี เกิดเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ค..1900 ท่านเป็นลูกคนสุดท้องจากเก้าคนของครอบครัว บิดามารดาคือนายอันโตนิโอ กรันซอตโต กับ นางจูวานนา สกอตตา ในวัยเยาว์ท่านได้รับการศึกษาในระดับประถมเพียงนิดหน่อย ก่อนจำต้องออกมาทำงานเป็นช่างปูนกับพี่ชายชื่อจูวานนี เหตุเพราะบิดาท่านมาด่วนจากไปเมื่อท่านมีอายุได้ 9 ปี  แต่กระนั้นเวลาสั้นๆนั้น ก็มากพอให้ท่านได้แสดงพรสวรรค์ด้านศิลปะออกมา เพื่อนของท่านยังจำได้ว่าท่านชอบวาดรูปหน้าเพื่อนๆในห้อง



หลังจากนั้นท่านจึงไปทำงานเป็นช่างทำรองเท้าและกรรมกรต่อเพื่อจุนเจือครอบครัว กระทั้งสมครามโลกครั้งที่ 1 อุบัติขึ้น ท่านในวัย 17 ปี ก็ถูกเกณฑ์ให้ไปรับใช้ชาติในฐานะทหารกองทัพบกของอิตาลีเป็นระยะเวลาถึงสี่ปี และเมื่อปลดประจำการ ท่านจึงเดินทางกลับบ้านและได้ซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหายจากภัยสงครามให้กลับมาดั่งสภาพเดิม

พรสวรรค์ด้านศิลปะของท่าน เป็นที่ได้รับการสนับสนุนจากทั้งเพื่อนๆของท่านและคุณพ่อเจ้าวัดให้ต่อยอดต่อ  ดังนั้นเองท่านจึงได้ตัดสินใจอำลาบ้านเกิด และเดินทางไปศึกษาศิลปะที่โรงเรียนศิลปะในโคเนกลิอาโน ในปี ค.. 1922 ก่อนตามด้วโรงเรียนศิลปะในเมืองเวนิซในอีกปีถัดมา กระทั้งจบการศึกษา ณ ที่นั่นในปี ค..1925 ท่านจึงได้เข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนวิจิตรศิลป์วิทยาลัย เมืองเวนิส และจบออกมาด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับ 1 ในปี ค..1929



หนึ่งในงานชิ้นเอกของช่วงนี้คืออ่างน้ำเสกของวัดซานลูเชีย ดี ปีอาเว ที่คุณพ่อเจ้าวัดเป็นผู้สั่งทำ ลักษณะของอ่างนี้ เป็นรูปซาตานแบกอ่างน้ำเสกที่มีแม่พระทำจากบลอนด์ตั้งอยู่ด้านบน ผลงานชิ้นนี้แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของท่านกับแม่พระ เพราะในขณะที่ทำงานชิ้นนี้ ได้เกิดปัญหาขึ้นในระหว่างทำตัวของซาตาน จนสร้างกังวลใจเป็นอันมากกับท่าน แต่แทนที่ท่านจะละทิ้งงานไป ท่านได้เริ่มสวดบทวันทามารีย์ เพื่อทูลวอนต่อแม่พระเหมือนเด็กๆที่รักและวางใจในแม่อย่างไม่มีเงือนไขใดๆเลยกับมารดา และพลันท่านก็สามารถแก้ปัญหานี้ได้ 

ต่อมาเมื่อกิจการของท่านประสพความสำเร็จ ท่านจึงได้เปิดสตูดิโอเป็นของตนเอง ซึ่ง ณ ที่แห่งนี้ท่านได้ทำงานที่รักของท่านด้วยความสุข คู่ไปกับการปฏิบัติศาสนกิจ กล่าวคือ ท่านสวดภาวนาในขณะทำงาน ร่วมกิจกรรมวัด กลุ่มกิจการคาทอลิก และการพักผ่อนหย่อนใจบนมอเตอร์ไซด์หรือไม่ก็กีฬานิดๆหน่อยๆ นอกนี้แล้วท่านไม่เคยสนใจเรื่องการเมือง และทำงานด้วยความลึกซึ้ง  ทำให้ผลงานมากมายของท่านที่ผลิตออกมา จึงล้วนมักเปี่ยมด้วยความเชื่อเสมอ จนทำให้ท่านฉายแววถึงอนาคตอันรุ่งโรจน์ในฐานะของศิลปินหินอ่อนชันครู



แต่อย่างไรก็ตามจิตใจของท่านก็หาได้ฝักใฝ่ในทางนั้นไม่ ท่านกลับรู้สึกอยากโอบกอดชีวิตแห่งกระแสเรียกมากกว่า ซึ่งมากขึ้นมากขึ้น ท่านต้องรอคำตอบจากสวรรค์อยู่นานพอสมควร กระทั้งในเทศกาลมหาพรตปี ค..1932 ท่านก็ได้มีโอกาศเตรียมจิตใจกับภารดาอามาดิโอ โอลีเวียโร สงฆ์ฟรานซิสกันที่มาเทศน์ในเขตวัดของท่าน เป็นเวลาสั้นๆนั้นเอง ที่เป็นจุดเริ่มต้นของมิตรภาพที่นำไปสู่การตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของท่านนั่นคือ การเป็นฟรานซิสกัน

ด้วยวัย 33 ปี ท่านได้ตัดสินใจสมัครเข้าอารามซาน ฟรานเชสโก เดล  เดเซรโต ของคณะฟรานซิสกันที่ ในวันที่ 8 ธันวาคม ค..1933 ใกล้ทะเลสาบของเมืองเวนิส อันเป็นวันเดียวกันกับที่หญิงสาวตัวน้อยๆจากลูร์ดได้รับการบันทึกนามไว้ในทำเนียบนักบุญ และอารามที่เคียมโป มีพิธีวางศิลาฤทธิ์ในการก่อสร้างถ้ำแม่พระจำลอง ทำให้ไม่นานท่านจึงถูกขอให้มาทำงานนี้ โดยเริ่มจากการเดินทางไปดูสถานที่ที่แม่พระทรงประจักษ์มาที่เมืองลูร์ด ซึ่งเมื่อไปถึงท่านได้วาดภาพถ้ำอัศจรรย์นี้เพียงไม่กี่รูป เพราะรูปที่เหลือนั้นตราตรึงอยู่ในดวงใจของท่านเรียบร้อยแล้ว



เช่นนั้นเมื่อกลับมาถึงท่านจึงเริ่มลงมือสร้างมันในทันที โดยโครงสร้างทั้งหมดเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ท่านทำมันด้วยความภักดีและความรักต่อแม่พระในทุกๆรายละเอียดตั้งแต่โพลงถ้ำยันหน้าผาของถ้ำเพื่อให้เหมือนถ้ำแห่งนั้นมากที่สุด แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไปค่าใช้จ่ายก็เพิ่มสูงขึ้น จนจำต้องเลิกจ้างคนงานไป จนแทบจะเหลือเพียงท่านคนเดียวที่ยังคงทำงานกับถ้ำนี้ด้วยความอดทนและซื่อสัตย์ บนเส้นด้ายบางๆที่คั้นระหว่างคำว่า ดำเนินงานต่อ กับ ยกเลิก ดังนั้นจึงไม่แปลกอะไรเลยที่ท่านจะกลายเป็นตัวตลกของอาราม แต่ท่านก็หาสนไม่ เพราะ ในดวงใจน้อยๆนั้นเชื่อว่านี่คือพระประสงค์ของแม่พระจริงๆ

จนเมื่อตัวถ้ำเสร็จดีแล้ว สิ่งต่อไปก็คือรูปแม่พระ แต่จะเอาแบบที่ลูร์ดหรือ คำตอบของท่าน คือ  มันไม่ใช่ ทำให้ท่านจึงต้องเริ่มค้นหาแรงบันดาลใจผ่านคำภาวนาต่อแม่พระ เพื่อที่จะได้เห็นภาพของพระรูปที่วาดฝันนี้ในความคิด จนที่สุดท่านก็ได้เห็นภาพนั้นและได้ร่างแบบขึ้น พร้อมแกะลงบนหินอ่อนสีขาว ซึ่งเมื่อเสร็จแล้วทุกคนก็ต่างลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่างดงามยิ่งนัก เว้นแต่ท่านที่ยังรู้สึกไม่พอใจในผลงานอยู่ดี ในความคิดของท่านในตอนนั้นท่านอยากเป็นเศรษฐีเพื่อให้มีเงินพอซื้อหินอ่อนอีกซักอันมาทำอีกครั้งและอีกครั้ง จนกว่างานจะสมบูรณ์แบบตามความงามแท้จริงของแม่พระ



ที่สุดหลังความเพียรราวสองปี พระรูปจึงถูกวางในตำแหน่งที่เหมาะสมและตัวถ้ำทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์ช ทางอารามจึงได้มีการเสกและเปิดถ้ำอย่างเป็นทางการในวันที่ 29 กันยายน ..1935 ที่นี่จะมีผู้คนมากมายมาสวดภาวนา ท่านกล่าว

หลังจากนั้นอีกหนึ่งปีถัดมาท่านจึงได้เข้าพิธีปฏิญาณตนในวันที่ 8 ธันวาคม ในฐานะภารดาสงเคราะห์ เพราะท่านมิปรารถนาเป็นพระสงฆ์ หลังจากนั้นท่านจึงถูกส่งไปอารามซาน ฟรานเชสโก ใน วิตตอริโอ เวเนโต เมืองเตรวิโซ่ ที่อารามแห่งนั้นท่านได้ดำเนินชีวิตที่เป็นแบบอย่างของการเป็นพี่น้อง ท่านช่วยเหลือผู้ป่วย ผู้ยากไร้ ช่วยมิสซาคุณพ่อ ซ่อมผนังอารามที่เสียหายหรือทรุดโทรม ปรุงอาหาร ล้างจานหรือทำความสะอาดแทนภารโรงด้วยหัวใจที่ร้อนรน



ท่านเชื่อว่าศิลปะศักดิ์มิได้เพียงสื่อสารระหว่างคนกับคน แต่มันยังคือสิ่งเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพระเป็นเจ้า แม้จะเป็นภารดาที่รับใช้ด้วยหัวใจ ระหว่างประจำที่อารามที่เตรวิโซ่ ท่านก็ได้สร้างผลงานอีกสามชิ้นไว้ คือ 
1.รูปแกะสลักมรณกรรมของนักบุญอันตน ผลงานชิ้นนี้สร้างไว้ในคราวที่มีการบูรณะพระแท่นซึ่งสร้างเป็นเกียรติแก่นักบุญอันตนในอารามในปี ค.. 1938 เพื่อตั้งไว้ที่ใต้พระแท่นนั้น 
2. พระรูปพระเยซูคริสตเจ้าทรงสิ้นพระชนม์ ที่สร้างตามภาพที่ปรากฏในผืนผ้าห่อพระศพที่ตูรินที่ท่านได้ไปสักการะก่อนเข้าอาราม รูปนี้ถูกแกะในราวในฤดูใบไม้ร่วง ปี ..1939 และถูกตั้งไว้ที่ใต้พระแท่น ผลงานนี้ในความคิดของท่านผลงานชิ้นนี้ถือเป็นผลงานชิ้นเอกของท่าน
3.พระรูปพระพักตร์ของพระเยซูเจ้าที่มีสามชิ้น อันตัวแทนของ พระยุติธรรม พระเมตตาและความรัก ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากผ้าห่อพระศพแห่งตูรินเช่นกัน ทำมาจากปูนปาสเตอร์



ความภักดีต่อศีลมหาสนิท อาจจะกล่าวได้ว่าท่านมีความรักต่อสิ่งๆนี้มาก ไม่มีความสุขใดจะเท่ากลับการได้อยู่ชิดใกล้พระองค์ที่ตู้ศีล ยิ่งขึ้นไปอีกบนพระแท่น ความรักต่อศีลมหาสนิทคือความมั่งคั่งแท้จริงของท่านและคือภาพสะท้อนของพระเยซูเจ้าของท่าน แม้อากาศจะหนาวเพียงไหน ก็มิอาจพรากท่านจากการเฝ้าศีล ความหนาวเย็นมิได้เข้ายึดกายท่าน เพราะความรักของท่านต่อศีลมหาสนิทนั้นได้อยู่อณูของร่างกายท่าน เวลาทุกคืนท่านใช้มันไปด้วยการสวดภาวนาเสมอ

ครั้งหนึ่งบราเดอร์เอพีฟานิโอ อูร์บานี ถามท่านว่า เคยเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าบ้างไหม ด้วยความตรงไปตรงมาท่านตอบว่า เคยครับ ครั้งหนึ่งผมเห็นพระเยซูเจ้าผู้สง่างาม ทรงฉลองพระองค์สีขาวยาวจรดพระบาท ดวงพระเนตร …. โอ้ ดวงพระเนตรไม่สามารถจะอธิบายได้เลย มันช่างงดงามเหลือเกิน ผมมองไปที่พระองค์ ส่วนพระองค์ทอดพระเนตรมาที่ผม พระองค์ทรงเชิญให้ผมปฏิบัติตามพระองค์ ….. ผมไปกับพระองค์ อีกครั้งบราเดอร์เอพีฟานิโอ ได้ถามท่านอีกว่า ท่านอ่านหนังสือกี่เล่ม ท่านถึงค้นพบความลับแห่งการภาวนากัน ฝั่งท่านก็ตอบทันทีว่า หนังสือเล่มนี้เท่านั้น การถูกตรึงไม้กางเขน และชี้ไปที่ตู้ศีลพลางกล่าวต่อว่า ศีลมหาสนิทเป็นแหล่งที่มาของสันติอันแท้จริง ความสุขเท่าใดกันหนอที่พระองค์ประทานมาให้บรรดาพระสงฆ์ นักบวช ผู้ศรัทธา เหตุด้วพวกเขาเหล่านั้น ได้มาเฝ้าพระองค์เบื้องหน้าตู้ศีล เป็นความสุขเสียจริง ผู้ใดกันมีอำนาจของพระเจ้า จงรักพระเจ้าเถิด



ท่านเจริญชีวิตด้วยความเรียบง่ายมาเรื่อยกระทั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้น ท่านก็ได้เริ่มแสดงความปรารถนาที่จะเผยแพร่บทภาวนาของท่านที่แสดงออกผ่านงานประติมากรรม อันเป็นสากล ท่านฝันที่จะได้เผยแพร่นิมิตของท่านไปทั่วโลก ท่านอยากจะกระโดดข้ามกำแพงของอารามและเดินทางไปทุกทิศ เพื่อไปป่าวประกาศถึงเรื่องราวของพระเยซูคริสตเจ้ากับทุกๆคน แต่น่าเศร้าที่ท่านไม่รู้เลยว่าโรคร้ายกำลังเริ่มเข้าใกล้ท่านเรื่อยๆ เริ่มจากการเจ็บหัวบ่อยครั้งและการสูญเสียการควบคุมแขนจนทำให้ท่านมิอาจจะสร้างสรรค์ประติมากรรมรูปพระพักตร์พระคริสตเจ้าทรงรับทรมานได้ ดังนั้นรูปนี้จึงยังเป็นเพียงแค่ดินน้ำมัน

ผลวินิจฉัยของแพทย์แสดงให้ทราบว่าท่านมีเนื้องอกในสมอง ดังนั้นจึงมีการส่งท่านไปรักษาตัวที่ปาดัวเสีย เมื่อท่านทราบดังนี้แล้ว สันติภายในใจของท่านก็ได้หาสูญสลายไปไม่เหมือนใครหลายๆคน พระองค์เจ้าข้า ยามพระองค์ทรงมอบของขวัญมงกุฎหนามแก่ลูก ลูกเชื่อว่ายัญบูชาจากชีวิตของลูกจะได้รับการรับจากพระองค์   ท่านน้อมรับน้ำพระทัยของพระด้วยใจยินดี เลียนแบบพระคริสตเจ้าในระหว่างทรงรับพระทรมาน



แม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ ผมจะไป ที่สุดแล้วในวันสมโภชแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ ค..1947 หลังจากอยู่ที่โรงพยาบาลที่ปาดัวมาได้ราวสัปดาห์และทนทรมานมาสิบวัน ในวัย 46 ปี ท่านก็ได้คืนชีวิตของท่านแด่พระเจ้าอย่างสงบ พร้อมสัญญาที่ว่า ผมจะช่วยและปลอบประโลมทุกคน แม้ลมหายใจจะหยุดลง แต่กลิ่นหอมแห่งความศักดิ์สิทธิ์ของท่านก็มิได้หยุดลงไปตามลมหายใจ แต่ตรงข้ามมันกลับฟุ้งไปทั่ว เพียง 47 ปีหลังจากการจากไปของท่าน ในวันที่ 20 พฤศจิกายน ค..1994  สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ก็ได้ทรงบันทึกนามท่านไว้ในสารบบบุญราศี
เมื่อผมไม่สามารถทำงานต่อได้ ผมจะคุกเข่าลงแล้วสวดภาวนาและรำพึงในห้องทำงานไปจนกว่าผมจะพบแรงบันดาลใจในตัวผม



ผู้กระทำความดีไม่ต้องเกรงกลัวผู้มีอำนาจปกครอง (โรม 13:3)  จากการสร้างถ้ำแม่พระของท่าน แม้ใครหลายๆคนจะมองว่าบ้าที่ยังทำอยู่ได้ๆทั้งที่โครงการอาจถูกยกเลิก แต่ท่านก็ไม่ได้คิดเช่นนั้นเพราะท่านรู้ดีว่ามันคือน้ำพระทัย ดังนั้นมันจะไม่ถูกขัดขวางโดยคำว่ายกเลิกของทางผู้ใหญ่ในอารามดอก เช่นกันเหมือนหลายๆครั้งที่ทุกคนเคยได้ยิน กิจการใดก็ตามที่เป็นน้ำพระทัยของพระจะไม่ถูกขัดขวาง ดังนั้นหากกำลังทำงานของพระอยู่ก็อย่าได้กลัวสิ่งใดเลย และงานของพระสำหรับเราก็คือ การรัก



ข้าแต่ท่านบุญราศี เกลาดิโอ กรันซอตโต ช่วยวิงวอนเทอญ


ข้อมูลอ้างอิง

'เบร์นาร์โด ฟรานซิสโก' ให้ชีวิตนี้เป็นสะพานนำรักพระองค์ไป ตอนจบ

บุญราศีเบร์นาร์โด ฟรานซิสโก เด โอโยส เด เซญา Bl. Bernardo Francisco de Hoyos de Seña วันฉลอง: 29 พฤษจิกายน [ย้อนกลับไปอ่าน  “‘เบร์นาร์โด ฟรา...