วันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556

นักบุญของนักโทษ "บุญราศีเอนลิกเอตตา"


บุญราศีเอนลิกเอตตา อัลฟีเอริ
Bl. Enrichetta Alfieri
ฉลองในวันที่ : 23 พฤศจิกายน

ท่ามกลางภูเขามากมายของสังฆมณฑลเชียงใหม่ ในนครเขลางค์  ในวิเชตนคร หรือ อ.แจ้ห่มในปัจจุบันเป็นที่ตั้งของพันธกิจของคณะเก่าแก่อีกคณะหนึ่งนาม คณะเมตตาธรรมแห่งนักบุญชานอังติต ตูเร ที่ทำหน้าที่อภิบาลสัตบุรษทั่วไป และเมื่อไม่นานมานี้คณะนี้ก็ได้บุญราศีองค์ใหม่ จากดินแดน อิตาลี เป็นบุญราศีองค์ล่าสุดของคณะ



วันที่ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1891 โบรโก เวรเชลลิ ทารกน้อยนาม มารีอา อังเยลา โดเมนิกา  ได้ถือกำเนิดขึ้นมาในครอบครัวน้อยๆของนายจูวานนี กับ นางโรซา  โคมปาโยนเน ทารกน้อยลูกคนโตของครอบครัวเจริญวัยขึ้นมาท่ามกลางความเชื่อที่ดี และการศึกษาที่ดีในโรงเรียนประถมสลักกับที่บ้าน จึงไม่แปลกอะไรไรที่ท่านจะเป็นสาวแกร่งและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน

ต่อมาเมื่อมีวัยได้ 17 ปี ท่านก็รับรู้ถึงกระแสเรียกจากพระเจ้า แต่เมื่อไปขออนุญาตจากบิดามารดาก็ได้รับคำตอบว่าให้รอไปก่อน ซึ่งในระหว่างปีแห่งการรอนั้นนับวันท่านก็ยิ่งมั่นใจในกระเรียกมากขึ้นและมากขึ้น ท่านรอไปจนกระทั้งอายุได้ 20 ปี ในวันที่  20 ธันวาคม ค.ศ. 1911 ท่านก็ได้สมัครเป็นโปสตุลันต์ขอคณะเมตตาธรรมแห่งนักบุญชานอังติต ตูเร ใน อารามซานตา มาร์เกอริตา ที่ เวรเชลลิ ที่ป้าและญาติของท่านเป็นซิสเตอร์อยู่แล้ว



ท่านชอบการศึกษามาก ดังนั้นวันที่ 12 กรกฎาคม ค..1917 ท่านจึงได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงในการสอนในระดับชั้นประถมศึกษา ก่อนถูกส่งไปเป็นครูอนุบาลใน เวรเชลลิ แต่ก็ทำงานได้ไม่กี่เดือนท่านก็ล้มป่วยลงอย่างกะทันหัน ท่านจึงต้องออกจากงานไปอยู่ที่บ้านคณะ หลังจากนั้นในเดือนเมษายน ค..1920 จึงมีตัดสินใจส่งท่านไปรักษาที่มิลาน และถูกตรวจจนพบว่าเป็นกระดูกสันหลังอักเสบอย่างร้ายแรง หลังจากนั้นจึงมีการส่งท่านกลับมาพำนักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเวรเชลลิ
ถ้ากระแสเรียกของเราก่อตั้งบนกัลวาลิโอ จากโรคที่เราอยู่บนกางเขนกับพระเยซูเจ้า เตียงก็ถือเป็นพระแท่นบูชาของยัญบูชาที่เราต้องสละตัวเองและปล่อยตัวเราให้ถูกสังเวยเช่นเจ้าบ้านที่สงบและยัญบูชาของความรัก ดังนั้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องรับทรมานในลักษณะอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อประโยชน์ของวิญญาณและคุณธรรม หากกความทุกข์ทรมานยังไม่เพียงพอมันก็จำเป็นต้องรับความทรมานมากขึ้นและที่จะทำเช่นนั้นมันจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องรับความทรมานด้วยเกียรติ ด้วยความรัก ความอ่อนโยนและความจริงจัง ท่านเขียนในบันทึกของท่าน

ด้วยความเชื่อและความหวัง เมื่อทราบว่าตัวเองป่วยด้วยโรคที่รักษาไม่หายในเดือนในพฤษภาคม ค..1922 ท่านก็ได้เดินทางไปแสวงบุญที่ลูร์ดเพื่อวิงวอนขอการรักษาจากแม่พระ แต่ก็ต้องกลับมาพร้อมอาการป่วยเช่นเดิม แต่ภายในท่านก็สัมผัสถึงพระหรรษทานที่จะน้อมรับความทุกข์ทรมานต่อไปในแต่ละวัน แม้จะต้องป่วยหนักจนต้องล้มหมอนนอนเสื่ออยู่นานท่านมิได้บ่นตรงข้ามท่านได้ร่วมพระมหาทรมานไปพร้อมกับพระเยซูเจ้าผ่านกางเขนนี้ ด้วยรอยยิ้มความจริงของนักบวช ยามเผชิญกับกางเขนหรือถูกแทงด้วยดาบ ไม่วายจะตอบด้วยรอยยิ้มท่านเขียน


ท่านนอนป่วยได้ราวสามปี ในเดือนมกราคม ค..1923  แพทย์ที่เข้าตรวจท่านก็ได้ลงความเห็นว่าไม่นานท่านก็จะต้องจากไปแน่นอน กระทั้งในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ในวันที่แม่พระได้บอกให้นักบุญแบร์นาแด๊ต ให้ขุดดินที่พื้นถ้ำจนพบธารน้ำพุดขึ้นมา อันเป็นการประจักษ์ครั้งที่ 9  เวลาราวแปดนาฬิกา ขณะที่ซิสเตอร์ทั้งหลายกำลังร่วมมิสซา ท่านก็ได้พยายามจิบน้ำจากเมืองลูร์ด แล้วอยู่ท่านก็เป็นลมไปซักพัก ในขณะนั้นเองที่ท่านได้ยินเสียงว่า จงลุกขึ้น พลันอาการป่วยที่ทำให้ท่านต้องนอนอยู่แต่บนเตียงก็หายไปสิ้น เป็นอัศจรรย์แก่ผู้อยู่ในเหตุการณ์
“..คุณแม่ในสวรรค์ผู้แสนดีทำให้ดิฉันได้เกิดใหม่อย่างน่าอัศจรรย์ใจจากความตายสู่ชีวิต จนรู้สึกทั้งกตัญญู แปลกใจและผิดหวัง ประตูแห่งสวรรค์ถูกปิดลง ชีวิตถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง

ขณะที่อาการท่านก็ดีขึ้นไปเป็นระดับ เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์จากอัศจรรย์ครั้งนี้คุณแม่อธิการก็ได้ส่งท่านไปทำงานในเรือนจำซาน วิกโตเร ในมิลานที่ซิสเตอร์เอเลนา คุณป้าของท่านเป็นอธิการอยู่ ตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม ค..1923 โลกใหม่ของท่านเป็นสถานที่ที่ขอบฟ้าล้อมไปด้วยกำแพงสูง มีทางเดินยาว ประตูล็อกอย่างแน่นหนาในทุกๆที่ของโลกใหม่แห่งนี้



เมื่อมาถึงท่านก็ได้เริ่มงานแพร่ธรรมใหม่ของท่าน คือ การนำแสงแห่งความเชื่อไปสาดส่องยังดินแดนที่มืดมิดนี้  กิจเมตตาเป็นเปลวไฟซึ่งชอบลุกลามไปในขณะที่มันกำลังลุกไหม้ ดิฉันจะทรมาน ดิฉันจะทำงานและดิฉันจะสวดภาวนาต่อวิญญาณที่ดึงดูดต่อพระเยซูเจ้า ท่านไปตามห้องขังต่างๆเพื่อรับฟัง ปลอบประโลมและกระตุ้นผู้ต้องขังทุกคน ผ่านการหนุนนำโดยชีวิตแห่งการภาวนา ความชิดสนิทสัมพันธ์กับพระเจ้าและความเข้มแข็งในชีวิตคณะ

ด้วยท่าทีที่อ่อนหวาน ตรงไปตรงมา หนักแน่น ใบหน้าสงบ วาจาสงบและน่าเชื่อถือ จนทำให้ท่านได้รับความวางใจจากหลายคนที่ได้พบท่าน จนทำให้ท่ามกลางความตึงเครียดที่มักเกิดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้หยุดลงผ่านการปรากฏตัวและคำพูดของท่าน จนแทบไม่ต้องไปตามหาความช่วยเหลือจากทหารเลย



ต่อมาในปลายปี ค..1939 ท่านก็ได้รับเลือกเป็นคุณแม่อธิการของอารามที่นั่น เป็นหัวเรือที่นำลูกๆเก้าคนไปทำงานรับใช้อย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย ที่ท้ายของเรือนจำจะมีถ้ำแม่พระเล็กๆ ที่ท่านชอบรวมกลุ่มสตรีเล็กๆไปสวดภาวนาทุกๆเย็นด้วยความรัก ซึ่งบ่อยครั้งกิจกรรมนี้จะเป็นการเปิดใจของหลายๆคน

หลายๆคนอาจคิดว่ากิจการของท่านจะหยุดแค่สุดกำแพงเรือนจำ แต่ไม่เมื่อผู้ต้องขังถูกโอนหรือได้รับอิสระ พวกเขาก็ยังคงสามารถพึ่งพา คุณแม่แห่งซาน วิกโตเร ของพวกเขาได้เสมอ ผ่านจดหมายท่านส่งไป เพื่อสนับสนุน เพื่อกำลังใจ หรือเพื่อความรักต่อแขกของท่าน



กระทั้งเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มขึ้น ซาน วิกโตเร  ก็ตกอยู่ภายใต้ปีกของนาซี กฎหมายถูกเปลี่ยนคนคุกกลายเป็นพวกนักโทษการเมือง พระสงฆ์ ชาวยิวและนักบวชทำงานร่วมกับฝ่ายศัตรู เปลี่ยนบ้านแห่งความรักของท่านไปเป็นสถานที่ของตำรวจสืบสวน การทารุณกรรมทั้งร่างกายและศีลธรรม การลงโทษ แต่กระนั้นหรือจะหยุดท่านได้ ในสถานการณ์เช่นนี้ท่านกับซิสเตอร์ในอารามต่างช่วยกันปกป้องเหยื่อ ช่วยและพยาบาลพวกเขาด้วยการลอบเข้าไปตามห้องขังต่างๆตามทางเดินที่มืดมิด และให้กำลังใจในการพบปะ ท่านพยายามจัดหาสิ่งของให้บรรดานักโทษและส่งจดหมายเตือนบุคคลที่อยู่ในอันตรายให้รีบหนีไปหรือทำลายหลักฐานที่มีเสีย จากการตามล่าของตำรวจลับ แต่มันก็ถูกพบในที่สุด

ท่านร่วมมือกับบุญราศีพระคุณเจ้าพระคาร์ดินัลชูสเตอร์ เพื่อปกป้องชีวิตของมนุษย์ผ่านคนกลางของคุณพ่อจูเซปเป บิกเคียไร แม้คณะจะคงดำเนินงานเช่นทั่วไป แต่ท่านก็ยังคงทำงานที่เสี่ยงต่อชีวิตขนาบไป กระทั้งเมื่ออยู่ๆท่านก็ถูกตำรวจรวบตัวในข้อหาเป็นหน่วยสืบราชการลับ ในวันที่ 23 กันยายน ค..1944  และถูกขังด้วยทะเบียน 3209 ในห้องขังที่แยกต่างหาก



ที่นั่นท่านได้ใช้เวลาไปกับการสวดภาวนาอย่างไม่หยุดหย่อน ด้วยดวงใจที่เอ่อล้นไปด้วยความสุขที่ได้ร่วมแบ่งปันโชคชะตาของพี่น้องจำนวนมากมายที่เธอได้รู้ในการปฏิบัติพันธกิจแห่งภคินีอิตาลีแห่งเมตตาธรรม นับแต่เวลานี้เป็นต้นไป การสวดภาวนาและการรำพึงกลายเป็นงานของดิฉันเพียงอย่างเดียว และกำลังของดิฉันภายในคุก ไม่ได้นะ ดิฉันพูดหลายต่อหลายครั้งต่อผู้ต้องขังผู้น่าสงสาร ถ้าดิฉันอยู่ในสถานที่ของคุณดิฉันจะใช้เวลาทั้งหมดของดิฉันไปกับการสวดภาวนา บัดนี้เวลานั้นมาถึงแล้ว…. อะไรกันคือพระหรรษทานที่แกร่งกล้าผ่านการสวดภาวนากัน….”

เพื่อความอยุติธรรมทั้งหลาย การบีบบังคับและความทุกข์ทรมาน องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทรงพระเมตตาโลกที่น่าสงสารของพวกเรา แผ่นดินแม่ที่รักของเราซึ่งวันนี้มาถูกทำลาย และโปรดยอมให้ซากปรักหักพังนี้(อิตาลี) ที่ถูกรินลดไปด้วยหยาดน้ำตาและหยาดโลหิต ทันทีจะลุกขึ้นอีกครั้ง โปรดชำละล้าง โปรดประทานความงดงาม ความเพียร ความแข็งแกร่ง ความภาคเพียร โดยเฉพาะอย่างยิ่งคริสตชนและคุณธรรมให้มากขึ้น คำภาวนาจากอันงดงามจากดวงใจของท่าน



ท่านถูกขังอยู่สิบเอ็ดวัน ท่านจึงถูกปล่อยตัวด้วยความช่วยเหลือของพระคุณเจ้าพระคาร์ดินัลชูสเตอร์ ท่านไม่ต้องถูกเนรเทศไปเยอรมันแล้ว แต่กระนั้นท่านก็ถูกตัดสินให้ถูกส่งตัวไปอยู่ภายใต้ความดูแลของ กรูเมลโล เดล มอนเต เมืองแบร์กาโม อันเป็นโรงพยาบาลของผู้ป่วยโรคจิต ท่านอยู่ที่นั่นราวสองเดือน ด้วยสันตุสุขภายในและความสมถะและได้เขียนบันึกขึ้น กระทั้งในเวลาที่ท่านคิดถึงว่ายังมีคนที่ยังอยู่ในคุกอยู่ ดิฉันเคยได้ยินเสียงร่ำไห้และเสียงวิงวอนด้วยความกังวลของพวกเขา ดิฉันเคยเห็นใบหน้าอันซีดเซียว ดวงตาที่ร่ำไห้โดยไม่ต้องแสดงออกมาของพวกเขา มันช่างดูเหมือนดิฉันยังคงรู้สึกถึงมือของพวกเขาในชีวิตของดิฉันการจากกันครั้งล่าสุด ทั้งหมดนี้ฉีกกระชากหัวใจของดิฉันออก ดิฉันไม่สามารถจะหลับตาลง ดิฉันทรมานและสวดภาวนาเพื่อพวกเขา เป็นการขอโทษที่ดิฉันไม่สามารถให้กำลังใจพวกเขาได้อีกต่อไป
ความคิดของผู้ที่อยู่ในคุกทรมานดิฉัน แต่การเนรเทศฉีกดิฉันออกจากกัน….มันยังคงอยู่ภายในดิฉันอย่างสม่ำเสมอและทำให้ดิฉันเป็นทุกข์ภายในดิฉันจะทำตัวเช่นไร เช่นโมเสทเพื่อคนที่ดิฉันทิ้งให้ดิ้นรน เพื่อบรรดาผู้กำลังทุกข์ทรมานทั้งหลาย ดิฉันจะสืบสานงานแพร่ของชาวอิตาลีและภคินีเมตตาธรรมของดิฉัน ผ่านการภาวนาและการถูกบังคับให้สละการงงานของดิฉัน ในทุ่งที่รักของพันธกิจของดิฉัน



ที่สุดแล้วพายุร้ายก็ได้ผ่านพ้นไป ท่านได้รับอนุญาตให้กลับมาซาน วิกโตเร ตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม ค..1945 และเริ่มงามกลับผู้ต้องขังที่ท่านรัก ผู้ต้องขังใหม่ศัตรูเมื่อวานนี้ เพราะในขณะนี้เรือนจำเต็มไปด้วยพวกลัทธิฟาสซิสต์และหญิงสาวที่เข้าร่วมกับแนวคิดของมุซโซลินีที่ติดคุกกันไปตามๆกัน ท่านก็ปฏิบัติเช่นเดิมเหมือนที่ทำทำด้วยรอยยิ้ม รู้ไหมว่าท่านเป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับอนุญาตให้เข้าห้องของนักโทษที่เป็นเรื่องที่จัดว่ายากได้ อาทิต รีนา ฟอร์ต ผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรม

ท่านดำเนินชีวิตด้วยความรักมาเรื่อยๆกระทั้งในเดือนกันยายน ค..1950 อยู่ๆท่านก็ล้มที่จตุรัสของอาสนวิหาร จนขาอ่อนร้าว แต่ไม่นานท่าก็ได้รับการรักษาจนหายดี แต่ไม่นานท่านก็ต้องล้มป่วยลงจากสภาพตับที่ไม่ค่อยดีนักละหัวใจที่อ่อนล้าเต็มที และหลังจากป่วยอยู่สิบสามวันได้ หลังจากได้รับศีลเจิมในเวลาประมาณบ่ายสามโมง ในวันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน ค..1951 แม่ไม่เคยเชื่อเลยว่ามันเป็นสิ่งที่ดีมากที่จะตาย  ท่านจากไปอย่างสงบในวัย 60 ปี



การจากไปของท่านถูกป่าวประกาศไปตามสถานีวิทยุและปากต่อปาก ผู้ต้องขังมากมายต่างอยากเห็นท่านเป็นครั้งสุดท้าย เทพธิดาแห่งซาน วิกโตเร  กระบวนการของเทพธิดาเริ่มขึ้นในปีค.ศ. 1995 โดยพระคาร์ดินัลมาร์ตินี่ ได้ดำเนินการเสนอชื่อเป็นบุญราศี กระทั้งในวันที่ 26 มิถุนายน ค.ศ. 2011 ที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ท่านก็ได้รับการบันทึกนามในสารบบบุญราศี โดยพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16

จงเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือพี่น้องในยามขัดสน จงต้อนรับด้วยอัธยาศัยไมตรี(โรม 12:13) ถ้ามองดูจากประวัติท่านแล้ว เราก็จะพบว่าท่านไม่เคยรังเกียรตินักโทษเลยไม่ว่าจะเลวแค่ไหน ท่านรักพวกเขาด้วยความอ่อนโยนเช่นมารดา ในระหว่างสงครามท่านก็มิได้ละเลยต่อหน้าที่ เพราะ ท่านตระหนักถึงจิตตารมณ์ที่นักบุญชานอังติต ตูเท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ที่ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเราถามว่าพี่น้องเราคือใคร คำตอบที่คนรู้ดีก็คือเพื่อนมนุษย์ทุกคนที่อยู่รอบๆตัวเรา ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ เราอาจช่วยเขาผ่านคำภาวนานิดหน่อย การกระทำอีกนิดหนึ่งเท่าที่เราทำได้ อาจไม่วิเศษเลอเลิศในสายตามนุษย์ แตในสายพระเนตรของพระเจ้าหากทำด้วยใจแห่งรักมันก็ยิ่งใหญ่ดุจหอคอยบาเบลเสียอีก


ข้าแต่ท่านบุญราศีเอนลิกเอตตา อัลฟีเอริ ช่วยวิงวอนเทอญ


ข้อมูลอ้างอิง

'เบร์นาร์โด ฟรานซิสโก' ให้ชีวิตนี้เป็นสะพานนำรักพระองค์ไป ตอนจบ

บุญราศีเบร์นาร์โด ฟรานซิสโก เด โอโยส เด เซญา Bl. Bernardo Francisco de Hoyos de Seña วันฉลอง: 29 พฤษจิกายน [ย้อนกลับไปอ่าน  “‘เบร์นาร์โด ฟรา...