วันจันทร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2556

คุณแม่ลูปิต้า พยาบาลผู้ใจดีของคนเม็กซิโก


บุญราศีมาเรีย กัวดาลูเป การ์เซีย ซาวาลา
María Guadalupe García Zavala
ฉลองในวันที : 24 มิถุนายน

เมื่อพูดถึงเม็กซิโกทุกคนย่อมนึกถึงพริกฮาบาเนโร่อันเผ็ดจัดจ้านของชาวเม็กซิโกกับอารยธรรมโบราณของชนเผ่าแอชเทก แต่เมื่อเร็วๆนี้องค์สมเด็จพระสัตตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ได้ทรงลงพระนามอนุมัติการสถาปนาบุญราศีมาเรีย กัวดาลูเป การ์เซีย ซาวาลาหรือคุณแม่ลูปิต้าเป็นนักบุญพร้อมกับบุญราศีลอรา มอนโตยาและกลุ่มมรณสักขีใหญ่แห่งโอตรานโต ซึ่งพิธีจะจัดขึ้นอย่างเป็นทางการโดยสมเด็จพระสันตะปาปาองค์ใหม่ในวันที่ 12 พฤษภาคม ค.ศ.2013 และเมื่อผู้แปลลองค้นดีๆแล้ว มันเป็นอะไรที่แปลกมากเลยที่ภคินีทั้งสองคนที่จะได้เป็นนักบุญพร้อมกันนั้น ในคราวพิธีสถาปนาเป็นบุญราศีก็เป็นพร้อมกันรูปที่ใช้แขวนก็อยู่ชิดกันอีกในตอนสถาปนา ยังไม่พอทั้งสองยังเป็นภคินีจากแผ่นเปลือกโลกเดียวกันคือแผ่นอเมริกา อะไรมันจะบังเอิญได้ขนาดนี้




ถ้าถามว่าภคินีมาเรีย กัวดาลูเป การ์เซีย ซาวาลา มีประวัติอย่างไรเราคงต้องถอยหลังไปในวันที่ทารกเพศหญิงคนหนึ่งลืมตามองดูโลกใบนี้เป็นครั้งแรกแล้วส่งเสียงร้องอุแว้ๆในครอบครัวของนายโฟรติโน การ์เซีย(Sr. Fortino García) กับนางเรฟูกิโอ ซาวาลา เด การ์เซีย(Sra. Refugio Zavala de García) ที่เปิดร้ายขายศาสนภัณฑ์(religious goods shop)อยู่บริเวณหน้ามหาวิหารแม่พระแห่งซาโปปาน(the Basilica of Our Lady of Zapopan) ใน ซาโปปาน รัฐฮาลิสโก ซึ่งวันนั้นตรงกับวันที่ 27 เมษายน ค.ศ.1878 และได้รับศีลล้างบาปในเขตวัดนักบุญเปโตรอัครสาวกในซาโปปาและได้รับนามว่าอานาสตาเซีย กัวดาลูเป (ANASTASIA GUADALUPE)




ตั้งแต่เด็กหนูน้อยมาเรียมีความศรัทธาต่อพระมานดาแห่งซาโปปานและมักเข้าไปเยี่ยมชนมหาวิหารของพระนางที่อยู่ใกล้ๆบ้านของท่านอยู่เสมอ ส่วนความรักที่หนูน้อยมาเรียต่อองค์พระผู้เป็นเจ้านั้นแสดงออกมาผ่านความรักอันยิ่งใหญ่ต่อผู้ยากไร้และกิจการกุศล ต่อมาเมื่อหนูน้อยอายุถึงเกณฑ์ควรรับศีลมหาสนิทครั้งแรกได้แล้ว ดังนั้นคุณแม่ ลิบราดา โอโรซโค (Mother Librada Orozco:ปัจจุบันได้รับการสถาปนาเป็นผู้น่าเคารพโดยสมเด็จพระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ค.ศ.2000) ผู้ก่อตั้งคณะภคินีฟรานซิสแห่งพระมานดาแห่งสถานหลบภัย(the Franciscan Sisters of Our Lady of Refuge) ป้าของท่านจึงเป็นผู้เตรียมจิตใจของท่าน



ก่อนรับศีลมหาสนิทครั้งแรกในวันที่ 8 กันยายน ค.ศ.1887 ณ สักการสถานแม่พระแห่งซาโปปา(มหาวิหารแม่พระแห่งซาโปปานในปัจจุบัน) ต่อมาในปี ค.ศ.1898 ขณะที่ท่านอายุได้ 20 ปีท่านก็ได้เข้าร่วมการประชุมของบุญราศีมากาเร็ตในสังกัดของคณะวินเซนต์เดอปอล การประชุมครั้งนี้มุ่งมั้นทุ่มเทให้กลับกิจการกุศล และเมื่อถามว่าหน้าตาของท่านเป็นอย่างไร ท่านนั้นเติบโตขึ้นมาเป็นสาวที่จัดได้ว่าสวยพร้อมด้วยจริยวัตรและความเป็นมิตร ซึ่งขนานไปกับความเรียบง่ายและจริงใจเป็นนิสัยที่แสดงออกมาด้วยการปฏิบัติต่อทุกคนด้วยความรักและความเคารพต่อทุกคน


เมื่อเด็กสาวทั่วไปท่านวางแผนที่จะแต่งงานกับคนที่ท่านกำลังคบหาดูใจนามกัสตาโว อาร์เรโอลา(Gustavo Arreola) แต่เมื่อท่านอายุได้ 23 ปี ความคิดเรื่องการแต่งงานนั้นก็มลายไปสิ้นเพราะท่านรู้สึกถึงกระแสเรียกจากพระเยซูเจ้า ในการที่ท่านจะอุทิศตัวของท่านเพื่อชีวิตทางศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูแลผู้ป่วยและผู้ยากไร้ ดังนั้นท่านจึงนำเรื่องกระแสเรียกนี้ไปปรึกษากับคุณพ่อวิญญาณรักษ์ของท่านซึ่งก็คือคุณพ่อคิปรีอาโน อินิกูเอซ มาร์ติน เดล แคมโป(Padre Cipriano Iñiguez Martín del Campo:ปัจจุบันได้รับการสถาปนาเป็นผู้รับใช้พระเจ้าแล้ว) ซึ่งคุณพ่อก็มีความปราถนาเช่นเดียวกับท่านที่จะตั้งคณะที่มีหน้าที่ดูแลผู้ป่วยในโรงพยาบาล ดังนั้นคุณพ่อคิปรีอาโนจึงเชื่อเชิญให้ท่านเริ่มทำงานนี้และในที่สุดท่านและคุณพ่อคิปรีอาโนก็ก่อตั้งคณะคณะสตรีผู้รับใช้แห่งนักบุญมาการิตา มารีย์ ผู้ยากไร้”( Siervas de Santa Margarita María y de los Pobres) ขึ้นได้เป็นผลสำเร็จซึ่งวันนั้นตรงกับวันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ.1901


หลังจากที่ตั้งคณะได้แล้วคุณแม่ก็พยายามที่จะฝึกคุกเข่าบนพื้นเพื่อเข้าร่วมกับผู้ป่วยรายแรกๆในโรงพยาบาล ซึ่งแน่นอนจุดเริ่มต้นขาดแคลนหลายสิ่งหลายอย่าง แต่สิ่งดำรงอยู่เสมอคือความอ่อนโยนและความเห็นอกเห็นใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้ป่วยได้รับการดูแลที่ดีทั้งด้านฝ่ายกายและฝ่ายวิญญาณ และถึงแม้ท่านจะมาจากครอบครัวที่มีฐานะดีแต่ท่านก็มีความสุขกลับปรับชีวิตของท่านให้สุขุมมากขึ้นและนอกจากนั้นท่านยังคอยสอนบรรดาภคินีของคณะแห่งความรักนี้ด้วยเรื่องของความยากจนภายใน ต่อมาในบางช่วงโรงพยาบาลของท่านประสพปัญหาด้านการเศรษฐกิจ ดังนั้นท่านจึงได้ขออนุญาตจากคุณพ่อวิญญาณรักษ์ที่จะขอเรี่ยไรเงินเท่าที่จำเป็นบนท้องถนน ซึ่งคุณพ่อก็อนุญาตให้ท่านและภคินีของท่านจึงผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปเรื่อยไรจนกว่าปัญหานี้จะได้รับการแก้ไข เพื่อเป็นค่าสนับสนุนผู้ป่วยไปก่อน ในขณะเดียวกันภคินีบางคนก็ทำงานร่วมกับพระสงฆ์ในเขตวัดและคอยสอนคำสอนขนาบไปด้วย


ท่านเป็นที่รู้จักสำหรับความเรียบง่ายและความอ้อนน้อมถ่อมตนและความเต็มใจที่จะยอรับทุกสิ่งทุกอย่างที่มาจากพระหัตถ์อันทรงฤทธาของพระเจ้า แต่แล้วในการประหัตถ์ประหารบรรดาคริสตชนก็เปิดฉากขึ้นในช่วงระหว่างปีค.ศ.1911-1936  ด้วยการข่มเหงบรรดาโบสถ์คาทอลิกทั้งหลายและในเวลานั้นการเป็นพระสงฆ์ก็มีอันตรายถึงชีวิต ดังนั้นท่านจึงช่วยพวกเขาด้วยการให้ที่หลบภัยในโรงพยาบาลของพวกท่าน ด้วยเหตุนี้เองชีวิตของคุณแม่จึงตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน


ในระหว่างการประหัตถ์ประหารครั้งนี้ท่านไม่ได้ดูแลผู้ป่วยแต่เพียงในโรงพยาบาลแต่กลับกัน ท่านกลับดูแลและมอบอาหารให้ทุกคนที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ ต่อมาในวันที่ 13 ตุลาคม ค.ศ.1961 ก็มีการรวมตัวภคินีในคณะจากทุกที่เพื่อร่วมกันฉลอง 60 ปีคุณแม่ลูปีต้า ชีวิตของผู้ก่อตั้งซึ้งในขณะท่านอายุได้ 83 ซึ่งในช่วงนั้นเป็นช่วง 2 ปีสุดท้ายก่อนที่ท่านจะสิ้นใจนั้นท่านต้องอาศัยอยู่กับทุกข์ทรมานจากอากาศเจ็บป่วยร้ายแรงจนกระทั้งทำให้ท่านสิ้นใจลงในวันที่ 24 มิถุนายน ค.ศ.1963  ด้วยอายุ 85 ปี คงทิ้งไว้แต่เพียงคณะที่ปัจจุบันกระจายอยู่ในเม็กซิโก เปรู ไอซ์แลนด์ กรีซและอิตาลี  



แต่ก่อนที่ท่านจะสิ้นใจคุณหมออันโตนิโอ กอนซาเลส เปเรส เลเต (Dr. Antonio Gonzáles Pérez Lete) ได้เรียกคุณแม่ขึ้นว่า วิธีการของคุณแม่ลูเปคืออะไรครับ”("¿Cómo sigue Madre Lupe?".)  คุณแม่ตอบไปว่า เดินขึ้นไปบนฟ้า”("Caminando al cielo")  เมื่อได้ยินคุณหมดถึงกลับหลั่งน้ำตาออกมาพลางจับมือของท่านขึ้นมาจูบด้วยความเคารพ ก่อนที่ท่านกลับพูดกลับเขาต่อพร้อมด้วยสายตาอันอ่อนหวานว่า ฉันคาดหวังถึงองค์พระเยซูเจ้า ฉันไม่ต้องการฉีดเซลุ่ม ไม่ ฉันอยากไป ฉันอยากไป ใช่ มาเร็วๆนี้ ... แต่ถ้าหากเห็นว่าฉันต้องการส่ง( -"Toño, ya me espera Jesús, ya no me ponga suero. No, ya me quiero ir, quiero irme, sí, llegar pronto... pero si ve que lo necesito, usted manda Toño".) ไม่นาหลังจากการฉีดท่านก็ได้ถอนมือเข้าออกแล้วกลุ่มประสานไว้พลางพูดว่า เร็วๆนี้ฉันจะไป พระเยซูเจ้าและพระแม่มารีย์กำลังรอคอยสำหรับฉัน ..... ช่วยเหลือฉันให้ได้รับเร็วๆนี้ ...... พระเยซูผุ้ทรงเมตตาของฉัน ...... ขอโทษ....พระเมตตา ....ดวงหฤทัยอันอ่อนหวานของพระนางมารีย์ช่วยฉัน ....... พวกเราภาวนา ฉันจะไปสวรรค์”( -"¡Pronto me iré!, Jesús y María me están esperando"... "Ayúdenme a llegar pronto"... "Récenme... póngame mi Hábito"... "Jesús mío, misericordia"... "Perdón... Misericordia"... "Dulce Corazón de María, ayúdame"... "Vamos rezando, ya me voy al cielo".)



ในบทเทศน์ขององค์พระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 ในโอกาศสถาปนาท่านเป็นบุญราศีพร้อมกับผู้รับใช้พระเจ้าอีก 5  องค์ มีความว่า บุญราศีกัวดาลูเป การ์เซีย ซาวาลา ผู้ยอมละทิ้งการแต่งงาน เพื่อทุ่มเทตัวเองที่จะให้บริการผู้ยากไร้ที่เจ็บป่วยและยากจน เพื่อการนี้ท่านก่อตั้งคณะสตรีผู้รับใช้แห่งนักบุญมาการิตา มารีย์ ผู้ยากไร้”( Blessed Guadalupe García Zavala , who, by giving up matrimony, dedicated herself to serving the poorest, the sick and the needy; she founded for this the Congregation of the Handmaids of St Margaret Mary and the Poor .) ดำรัสไว้ในวันที่  25 เมษายน ค.ศ.2004 ณ จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ ในวันอาทิตย์ที่สามของเทศกาลมหาพรต



จากชีวิตของคุณแม่ลูปิต้าเราสามรถมองเห็นถึงความใส่ใจของคุณแม่ต่อผู้ยากไร้และผู้ป่วยและคนอื่น โดยที่ไม่เคยคำนึงถึงตัวคุณแม่ คุณแม่คอยดูแลพวกเขาทั้งฝ่ายกายและฝ่ายจิตอย่างดีเยี่ยม คุณแม่ดูแลพวกเขาจากดวงใจของคุณแม่ คุณแม่มอบความรักมากมายให้แก่พวกเขาเสมอ ในการประหัตถ์ประหารบรรดาคริสตชนคุณแม่ก็แสดงออกมาถึงความกล้าที่จะให้ที่หลบซ่อนแก่บรรดาพระสงฆ์ ซึ่งมันเป็นอันตรายต่อชีวิตของคุณแม่ แต่คุณแม่ก็ทำมันด้วยความกล้าหาญ คุณแม่ยังได้แสดงออกถึงคุณธรรมความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้อื่นอย่างสุดประมาณเพราะคุณแม่ออกไปหาและเยี่ยมและมอบอาหารให้กับพวกเขาในสถานที่ที่พวกเขาอาศัยอยู่ใกล้โรงพยาบาลของท่าน


ข้าแต่ท่านบุญราศีมาเรีย กัวดาลูเป การ์เซีย ซาวาลา พยาบาลผู้ใจดีของคนเม็กซิโกและผู้ก่อตั้งคณะสตรีผู้รับใช้แห่งนักบุญมาการิตา มารีย์ ผู้ากไร้ ช่วงวิงวอนเทอญ


ข้อมูลอ้างอิง

'เบร์นาร์โด ฟรานซิสโก' ให้ชีวิตนี้เป็นสะพานนำรักพระองค์ไป ตอนจบ

บุญราศีเบร์นาร์โด ฟรานซิสโก เด โอโยส เด เซญา Bl. Bernardo Francisco de Hoyos de Seña วันฉลอง: 29 พฤษจิกายน [ย้อนกลับไปอ่าน  “‘เบร์นาร์โด ฟรา...