บุญราศีมาเรีย
กัวดาลูเป การ์เซีย ซาวาลา
María
Guadalupe García Zavala
ฉลองในวันที : 24 มิถุนายน
เมื่อพูดถึงเม็กซิโกทุกคนย่อมนึกถึงพริกฮาบาเนโร่อันเผ็ดจัดจ้านของชาวเม็กซิโกกับอารยธรรมโบราณของชนเผ่าแอชเทก แต่เมื่อเร็วๆนี้องค์สมเด็จพระสัตตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ได้ทรงลงพระนามอนุมัติการสถาปนาบุญราศีมาเรีย
กัวดาลูเป การ์เซีย ซาวาลาหรือคุณแม่ลูปิต้าเป็นนักบุญพร้อมกับบุญราศีลอรา มอนโตยาและกลุ่มมรณสักขีใหญ่แห่งโอตรานโต
ซึ่งพิธีจะจัดขึ้นอย่างเป็นทางการโดยสมเด็จพระสันตะปาปาองค์ใหม่ในวันที่ 12
พฤษภาคม ค.ศ.2013 และเมื่อผู้แปลลองค้นดีๆแล้ว มันเป็นอะไรที่แปลกมากเลยที่ภคินีทั้งสองคนที่จะได้เป็นนักบุญพร้อมกันนั้น
ในคราวพิธีสถาปนาเป็นบุญราศีก็เป็นพร้อมกันรูปที่ใช้แขวนก็อยู่ชิดกันอีกในตอนสถาปนา
ยังไม่พอทั้งสองยังเป็นภคินีจากแผ่นเปลือกโลกเดียวกันคือแผ่นอเมริกา
อะไรมันจะบังเอิญได้ขนาดนี้
ถ้าถามว่าภคินีมาเรีย กัวดาลูเป การ์เซีย ซาวาลา มีประวัติอย่างไรเราคงต้องถอยหลังไปในวันที่ทารกเพศหญิงคนหนึ่งลืมตามองดูโลกใบนี้เป็นครั้งแรกแล้วส่งเสียงร้องอุแว้ๆในครอบครัวของนายโฟรติโน การ์เซีย(Sr. Fortino García) กับนางเรฟูกิโอ ซาวาลา เด การ์เซีย(Sra. Refugio Zavala de García) ที่เปิดร้ายขายศาสนภัณฑ์(religious goods shop)อยู่บริเวณหน้ามหาวิหารแม่พระแห่งซาโปปาน(the Basilica of Our Lady of Zapopan) ใน ซาโปปาน รัฐฮาลิสโก ซึ่งวันนั้นตรงกับวันที่ 27 เมษายน ค.ศ.1878 และได้รับศีลล้างบาปในเขตวัดนักบุญเปโตรอัครสาวกในซาโปปาและได้รับนามว่า “อานาสตาเซีย กัวดาลูเป” (ANASTASIA GUADALUPE)
ถ้าถามว่าภคินีมาเรีย กัวดาลูเป การ์เซีย ซาวาลา มีประวัติอย่างไรเราคงต้องถอยหลังไปในวันที่ทารกเพศหญิงคนหนึ่งลืมตามองดูโลกใบนี้เป็นครั้งแรกแล้วส่งเสียงร้องอุแว้ๆในครอบครัวของนายโฟรติโน การ์เซีย(Sr. Fortino García) กับนางเรฟูกิโอ ซาวาลา เด การ์เซีย(Sra. Refugio Zavala de García) ที่เปิดร้ายขายศาสนภัณฑ์(religious goods shop)อยู่บริเวณหน้ามหาวิหารแม่พระแห่งซาโปปาน(the Basilica of Our Lady of Zapopan) ใน ซาโปปาน รัฐฮาลิสโก ซึ่งวันนั้นตรงกับวันที่ 27 เมษายน ค.ศ.1878 และได้รับศีลล้างบาปในเขตวัดนักบุญเปโตรอัครสาวกในซาโปปาและได้รับนามว่า “อานาสตาเซีย กัวดาลูเป” (ANASTASIA GUADALUPE)
ตั้งแต่เด็กหนูน้อยมาเรียมีความศรัทธาต่อพระมานดาแห่งซาโปปานและมักเข้าไปเยี่ยมชนมหาวิหารของพระนางที่อยู่ใกล้ๆบ้านของท่านอยู่เสมอ
ส่วนความรักที่หนูน้อยมาเรียต่อองค์พระผู้เป็นเจ้านั้นแสดงออกมาผ่านความรักอันยิ่งใหญ่ต่อผู้ยากไร้และกิจการกุศล
ต่อมาเมื่อหนูน้อยอายุถึงเกณฑ์ควรรับศีลมหาสนิทครั้งแรกได้แล้ว ดังนั้นคุณแม่
ลิบราดา โอโรซโค (Mother Librada Orozco:ปัจจุบันได้รับการสถาปนาเป็นผู้น่าเคารพโดยสมเด็จพระสันตะปาปายอห์นปอลที่
2 เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ค.ศ.2000)
ผู้ก่อตั้งคณะภคินีฟรานซิสแห่งพระมานดาแห่งสถานหลบภัย(the
Franciscan Sisters of Our Lady of Refuge) ป้าของท่านจึงเป็นผู้เตรียมจิตใจของท่าน
ก่อนรับศีลมหาสนิทครั้งแรกในวันที่ 8 กันยายน ค.ศ.1887 ณ สักการสถานแม่พระแห่งซาโปปา(มหาวิหารแม่พระแห่งซาโปปานในปัจจุบัน) ต่อมาในปี ค.ศ.1898 ขณะที่ท่านอายุได้ 20 ปีท่านก็ได้เข้าร่วมการประชุมของบุญราศีมากาเร็ตในสังกัดของคณะวินเซนต์เดอปอล การประชุมครั้งนี้มุ่งมั้นทุ่มเทให้กลับกิจการกุศล และเมื่อถามว่าหน้าตาของท่านเป็นอย่างไร ท่านนั้นเติบโตขึ้นมาเป็นสาวที่จัดได้ว่าสวยพร้อมด้วยจริยวัตรและความเป็นมิตร ซึ่งขนานไปกับความเรียบง่ายและจริงใจเป็นนิสัยที่แสดงออกมาด้วยการปฏิบัติต่อทุกคนด้วยความรักและความเคารพต่อทุกคน
ก่อนรับศีลมหาสนิทครั้งแรกในวันที่ 8 กันยายน ค.ศ.1887 ณ สักการสถานแม่พระแห่งซาโปปา(มหาวิหารแม่พระแห่งซาโปปานในปัจจุบัน) ต่อมาในปี ค.ศ.1898 ขณะที่ท่านอายุได้ 20 ปีท่านก็ได้เข้าร่วมการประชุมของบุญราศีมากาเร็ตในสังกัดของคณะวินเซนต์เดอปอล การประชุมครั้งนี้มุ่งมั้นทุ่มเทให้กลับกิจการกุศล และเมื่อถามว่าหน้าตาของท่านเป็นอย่างไร ท่านนั้นเติบโตขึ้นมาเป็นสาวที่จัดได้ว่าสวยพร้อมด้วยจริยวัตรและความเป็นมิตร ซึ่งขนานไปกับความเรียบง่ายและจริงใจเป็นนิสัยที่แสดงออกมาด้วยการปฏิบัติต่อทุกคนด้วยความรักและความเคารพต่อทุกคน
เมื่อเด็กสาวทั่วไปท่านวางแผนที่จะแต่งงานกับคนที่ท่านกำลังคบหาดูใจนามกัสตาโว
อาร์เรโอลา(Gustavo Arreola) แต่เมื่อท่านอายุได้ 23 ปี ความคิดเรื่องการแต่งงานนั้นก็มลายไปสิ้นเพราะท่านรู้สึกถึงกระแสเรียกจากพระเยซูเจ้า
ในการที่ท่านจะอุทิศตัวของท่านเพื่อชีวิตทางศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูแลผู้ป่วยและผู้ยากไร้
ดังนั้นท่านจึงนำเรื่องกระแสเรียกนี้ไปปรึกษากับคุณพ่อวิญญาณรักษ์ของท่านซึ่งก็คือคุณพ่อคิปรีอาโน
อินิกูเอซ มาร์ติน เดล แคมโป(Padre Cipriano Iñiguez Martín del Campo:ปัจจุบันได้รับการสถาปนาเป็นผู้รับใช้พระเจ้าแล้ว) ซึ่งคุณพ่อก็มีความปราถนาเช่นเดียวกับท่านที่จะตั้งคณะที่มีหน้าที่ดูแลผู้ป่วยในโรงพยาบาล
ดังนั้นคุณพ่อคิปรีอาโนจึงเชื่อเชิญให้ท่านเริ่มทำงานนี้และในที่สุดท่านและคุณพ่อคิปรีอาโนก็ก่อตั้งคณะ “คณะสตรีผู้รับใช้แห่งนักบุญมาการิตา มารีย์
ผู้ยากไร้”( Siervas de Santa Margarita María y de los
Pobres)
ขึ้นได้เป็นผลสำเร็จซึ่งวันนั้นตรงกับวันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ.1901
หลังจากที่ตั้งคณะได้แล้วคุณแม่ก็พยายามที่จะฝึกคุกเข่าบนพื้นเพื่อเข้าร่วมกับผู้ป่วยรายแรกๆในโรงพยาบาล
ซึ่งแน่นอนจุดเริ่มต้นขาดแคลนหลายสิ่งหลายอย่าง แต่สิ่งดำรงอยู่เสมอคือความอ่อนโยนและความเห็นอกเห็นใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้ป่วยได้รับการดูแลที่ดีทั้งด้านฝ่ายกายและฝ่ายวิญญาณ
และถึงแม้ท่านจะมาจากครอบครัวที่มีฐานะดีแต่ท่านก็มีความสุขกลับปรับชีวิตของท่านให้สุขุมมากขึ้นและนอกจากนั้นท่านยังคอยสอนบรรดาภคินีของคณะแห่งความรักนี้ด้วยเรื่องของความยากจนภายใน
ต่อมาในบางช่วงโรงพยาบาลของท่านประสพปัญหาด้านการเศรษฐกิจ
ดังนั้นท่านจึงได้ขออนุญาตจากคุณพ่อวิญญาณรักษ์ที่จะขอเรี่ยไรเงินเท่าที่จำเป็นบนท้องถนน
ซึ่งคุณพ่อก็อนุญาตให้ท่านและภคินีของท่านจึงผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปเรื่อยไรจนกว่าปัญหานี้จะได้รับการแก้ไข
เพื่อเป็นค่าสนับสนุนผู้ป่วยไปก่อน ในขณะเดียวกันภคินีบางคนก็ทำงานร่วมกับพระสงฆ์ในเขตวัดและคอยสอนคำสอนขนาบไปด้วย
ท่านเป็นที่รู้จักสำหรับความเรียบง่ายและความอ้อนน้อมถ่อมตนและความเต็มใจที่จะยอรับทุกสิ่งทุกอย่างที่มาจากพระหัตถ์อันทรงฤทธาของพระเจ้า
แต่แล้วในการประหัตถ์ประหารบรรดาคริสตชนก็เปิดฉากขึ้นในช่วงระหว่างปีค.ศ.1911-1936
ด้วยการข่มเหงบรรดาโบสถ์คาทอลิกทั้งหลายและในเวลานั้นการเป็นพระสงฆ์ก็มีอันตรายถึงชีวิต
ดังนั้นท่านจึงช่วยพวกเขาด้วยการให้ที่หลบภัยในโรงพยาบาลของพวกท่าน ด้วยเหตุนี้เองชีวิตของคุณแม่จึงตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน
ในระหว่างการประหัตถ์ประหารครั้งนี้ท่านไม่ได้ดูแลผู้ป่วยแต่เพียงในโรงพยาบาลแต่กลับกัน
ท่านกลับดูแลและมอบอาหารให้ทุกคนที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ ต่อมาในวันที่ 13 ตุลาคม
ค.ศ.1961 ก็มีการรวมตัวภคินีในคณะจากทุกที่เพื่อร่วมกันฉลอง 60 ปีคุณแม่ลูปีต้า
ชีวิตของผู้ก่อตั้งซึ้งในขณะท่านอายุได้ 83 ซึ่งในช่วงนั้นเป็นช่วง 2
ปีสุดท้ายก่อนที่ท่านจะสิ้นใจนั้นท่านต้องอาศัยอยู่กับทุกข์ทรมานจากอากาศเจ็บป่วยร้ายแรงจนกระทั้งทำให้ท่านสิ้นใจลงในวันที่ 24
มิถุนายน ค.ศ.1963 ด้วยอายุ 85 ปี คงทิ้งไว้แต่เพียงคณะที่ปัจจุบันกระจายอยู่ในเม็กซิโก
เปรู ไอซ์แลนด์ กรีซและอิตาลี
แต่ก่อนที่ท่านจะสิ้นใจคุณหมออันโตนิโอ กอนซาเลส เปเรส เลเต (Dr. Antonio Gonzáles Pérez Lete) ได้เรียกคุณแม่ขึ้นว่า “วิธีการของคุณแม่ลูเปคืออะไรครับ”("¿Cómo sigue Madre Lupe?".) คุณแม่ตอบไปว่า “เดินขึ้นไปบนฟ้า”("Caminando al cielo") เมื่อได้ยินคุณหมดถึงกลับหลั่งน้ำตาออกมาพลางจับมือของท่านขึ้นมาจูบด้วยความเคารพ ก่อนที่ท่านกลับพูดกลับเขาต่อพร้อมด้วยสายตาอันอ่อนหวานว่า “ฉันคาดหวังถึงองค์พระเยซูเจ้า ฉันไม่ต้องการฉีดเซลุ่ม ไม่ ฉันอยากไป ฉันอยากไป ใช่ มาเร็วๆนี้ ... แต่ถ้าหากเห็นว่าฉันต้องการส่ง( -"Toño, ya me espera Jesús, ya no me ponga suero. No, ya me quiero ir, quiero irme, sí, llegar pronto... pero si ve que lo necesito, usted manda Toño".) ไม่นาหลังจากการฉีดท่านก็ได้ถอนมือเข้าออกแล้วกลุ่มประสานไว้พลางพูดว่า “เร็วๆนี้ฉันจะไป พระเยซูเจ้าและพระแม่มารีย์กำลังรอคอยสำหรับฉัน ..... ช่วยเหลือฉันให้ได้รับเร็วๆนี้ ...... พระเยซูผุ้ทรงเมตตาของฉัน ...... ขอโทษ....พระเมตตา ....ดวงหฤทัยอันอ่อนหวานของพระนางมารีย์ช่วยฉัน ....... พวกเราภาวนา ฉันจะไปสวรรค์”( -"¡Pronto me iré!, Jesús y María me están esperando"... "Ayúdenme a llegar pronto"... "Récenme... póngame mi Hábito"... "Jesús mío, misericordia"... "Perdón... Misericordia"... "Dulce Corazón de María, ayúdame"... "Vamos rezando, ya me voy al cielo".)
แต่ก่อนที่ท่านจะสิ้นใจคุณหมออันโตนิโอ กอนซาเลส เปเรส เลเต (Dr. Antonio Gonzáles Pérez Lete) ได้เรียกคุณแม่ขึ้นว่า “วิธีการของคุณแม่ลูเปคืออะไรครับ”("¿Cómo sigue Madre Lupe?".) คุณแม่ตอบไปว่า “เดินขึ้นไปบนฟ้า”("Caminando al cielo") เมื่อได้ยินคุณหมดถึงกลับหลั่งน้ำตาออกมาพลางจับมือของท่านขึ้นมาจูบด้วยความเคารพ ก่อนที่ท่านกลับพูดกลับเขาต่อพร้อมด้วยสายตาอันอ่อนหวานว่า “ฉันคาดหวังถึงองค์พระเยซูเจ้า ฉันไม่ต้องการฉีดเซลุ่ม ไม่ ฉันอยากไป ฉันอยากไป ใช่ มาเร็วๆนี้ ... แต่ถ้าหากเห็นว่าฉันต้องการส่ง( -"Toño, ya me espera Jesús, ya no me ponga suero. No, ya me quiero ir, quiero irme, sí, llegar pronto... pero si ve que lo necesito, usted manda Toño".) ไม่นาหลังจากการฉีดท่านก็ได้ถอนมือเข้าออกแล้วกลุ่มประสานไว้พลางพูดว่า “เร็วๆนี้ฉันจะไป พระเยซูเจ้าและพระแม่มารีย์กำลังรอคอยสำหรับฉัน ..... ช่วยเหลือฉันให้ได้รับเร็วๆนี้ ...... พระเยซูผุ้ทรงเมตตาของฉัน ...... ขอโทษ....พระเมตตา ....ดวงหฤทัยอันอ่อนหวานของพระนางมารีย์ช่วยฉัน ....... พวกเราภาวนา ฉันจะไปสวรรค์”( -"¡Pronto me iré!, Jesús y María me están esperando"... "Ayúdenme a llegar pronto"... "Récenme... póngame mi Hábito"... "Jesús mío, misericordia"... "Perdón... Misericordia"... "Dulce Corazón de María, ayúdame"... "Vamos rezando, ya me voy al cielo".)
ในบทเทศน์ขององค์พระสันตะปาปายอห์นปอลที่
2 ในโอกาศสถาปนาท่านเป็นบุญราศีพร้อมกับผู้รับใช้พระเจ้าอีก 5 องค์ มีความว่า “บุญราศีกัวดาลูเป การ์เซีย ซาวาลา
ผู้ยอมละทิ้งการแต่งงาน
เพื่อทุ่มเทตัวเองที่จะให้บริการผู้ยากไร้ที่เจ็บป่วยและยากจน
เพื่อการนี้ท่านก่อตั้งคณะสตรีผู้รับใช้แห่งนักบุญมาการิตา มารีย์ ผู้ยากไร้”(
Blessed
Guadalupe García Zavala , who, by giving up matrimony, dedicated herself to
serving the poorest, the sick and the needy; she founded for this the
Congregation of the Handmaids of St Margaret Mary and the Poor .) ดำรัสไว้ในวันที่ 25 เมษายน ค.ศ.2004 ณ จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ ในวันอาทิตย์ที่สามของเทศกาลมหาพรต
จากชีวิตของคุณแม่ลูปิต้าเราสามรถมองเห็นถึงความใส่ใจของคุณแม่ต่อผู้ยากไร้และผู้ป่วยและคนอื่น
โดยที่ไม่เคยคำนึงถึงตัวคุณแม่
คุณแม่คอยดูแลพวกเขาทั้งฝ่ายกายและฝ่ายจิตอย่างดีเยี่ยม
คุณแม่ดูแลพวกเขาจากดวงใจของคุณแม่ คุณแม่มอบความรักมากมายให้แก่พวกเขาเสมอ ในการประหัตถ์ประหารบรรดาคริสตชนคุณแม่ก็แสดงออกมาถึงความกล้าที่จะให้ที่หลบซ่อนแก่บรรดาพระสงฆ์
ซึ่งมันเป็นอันตรายต่อชีวิตของคุณแม่ แต่คุณแม่ก็ทำมันด้วยความกล้าหาญ คุณแม่ยังได้แสดงออกถึงคุณธรรมความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้อื่นอย่างสุดประมาณเพราะคุณแม่ออกไปหาและเยี่ยมและมอบอาหารให้กับพวกเขาในสถานที่ที่พวกเขาอาศัยอยู่ใกล้โรงพยาบาลของท่าน
ข้าแต่ท่านบุญราศีมาเรีย กัวดาลูเป การ์เซีย ซาวาลา พยาบาลผู้ใจดีของคนเม็กซิโกและผู้ก่อตั้งคณะสตรีผู้รับใช้แห่งนักบุญมาการิตา มารีย์ ผู้ากไร้ ช่วงวิงวอนเทอญ
ข้อมูลอ้างอิง