วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2556

พระมหาทรมาน ภาค คุกใต้ดิน



พระมหาทรมาน ภาค คุกใต้ดิน

เหตุการณ์เหล่านี้เป็นเพียงการจำลองขึ้นจากคำบอกเล่าของผู้ได้รับนิมิต 4 คนด้วยกัน โดนมีจุดประสงค์ที่ทำขึ้นมานี้เพื่อให้ใช้ระลึกในระหว่างค่ำคืนวันพฤหัสศักดิ์ในสัปดาห์มหาพรต อาจจะมีข้อผิดพลาดบางประการ จึงขออภัยมา ณ ที่นี้


คำชี้แจง
สีดำมาจากคำบอกเล่าของ : ผู้น่าเคารพมารีย์ แห่ง พระเยซูเจ้าแห่งอาเกรดา ภคินีชาวสเปน (ค.ศ.1602- ค.ศ.1665)
สีแดงมาจากคำบอกเล่าของ : บุญราศีแอน แคทเทอรีน อัมเมอริก ภคินีชาวเยรมัน (ค.ศ.1774-ค.ศ.1824)
สีฟ้ามาจากคำบอกเล่าของ : ภคินีมารีย์ มักดาเลน แห่ง นักบุญคลารา ภคินีชาวอิตาลี
สีส้มมาจากคำบอกเล่าของ : ภคินีโจเซฟา เมเนนเดส ภคินีชาวสเปน(ค.ศ.1890-ค.ศ.1923)





เที่ยงคืนได้ผ่านพ้นไปแล้ว สมาชิกสภาทั้งหมดลงมติให้จับพระองค์ขังไว้ในคุกใต้ดินซึ่งเป็นอุโมงค์อยู่ใต้ดินของบ้านของกายฟาสซึ่งยังคงมีซากหลงเหลือให้เห็นในปัจจุบัน แสงสว่างไม่สามารถส่องผ่านเข้าไปในคุกนี้ได้เลยมันจึงมืดมิด ข้างในคุกคละเคล้าไปด้วยกลิ่นเหม็นอันน่ารังเกียจ ถ้าหากมันไม่ได้อยู่ห่างไกลและถูกปิดเอาไว้อย่างมิดชิดแล้วละก็ มันจะต้องส่งผลต่อตัวบ้านโดยรวมอย่างแน่นอน คุกนี้ไม่เคยถูกทำความสะอาดมาเป็นเวลาหลายปี ทั้งนี้เป็นเพราะมันอยู่ลึกมากและมีแต่นักโทษเท่านั้นที่จะถูกนำไปกักขังไว้ ไม่มีใครคิดที่จะลงไปข้างล่างนั่น สถานที่นี้จึงไม่เหมาะสมอย่างสิ้นเชิงต่อมนุษย์ที่จะอยู่อาศัย

พระเป็นเจ้าได้ทรงทำนายไว้ล่วงหน้าโดยผ่านทางประกาศกเยเรมีย์ ว่า พระเยซูเจ้าจะทรงถูกจองจำในคุก ท่านประกาศกเองก็ถูกจับขังคุกเช่นเดียวกัน ในเยเรมีย์ 37:15 “บรรดาเจ้านายเดือดดาลต่อเยเรมีย์ จึงสั่งให้เฆี่ยนตีและขังท่านไว้ในคุกที่อยู่ในบ้านของโยนาทาน เลขานุการ เพราะที่นั่นถูกทำให้เป็นคุก 37:16 ดังนั้นเยเรมีย์จึงอยู่ในคุกมืดเป็นเวลานานหลายวัน


คนรับใช้ของสมณะได้ลากองค์พระผู้เป็นเจ้าไปยังคุกใต้ดินที่มืดและสกปรก โดยที่พระองค์ถูกมัดด้วยเชือกและโซ่ ที่เท้าของพระองค์ก็ถูกเขาเอาเชือกมามัดไว้ด้วยกัน ทหารเหล่านี้ปฏิบัติต่อพระองค์ตามใจชอบด้วยความโหดเหี้ยม พวกเขาลากพระองค์ไปด้วยเชือกทำให้พระองค์ทรงสะดุด ล้มลงกับพื้น แต่พวกเขายังใช้เท้าเตะพระองค์พร้อมทั้งด่าว่าต่างๆนาๆไปในระหว่างบันไดแต่ละขั้น
นอกจากนั้นพวกเขายังฉีกกระชากถอดเสื้อพระองค์ออก แล้วเขาก็ทิ่มแทงร่างกายของพระองค์ด้วยโลหะแหลมคมหลังจากนั้นพวกเขาเอาเชือกมาผูกรอบตัวพระองค์ แล้วเขาก็ลากพระองค์ไปมาบนพื้นถ้ำสกปรกและเย็นยะเยือกนั้น และเขาจึงเอาพระองค์ไปไว้บนขื่อแล้วทิ้งพระองค์ไว้อย่างนั้น จนกระทั่งพระองค์ไถลลื่นตกลงมาบนพื้นถ้ำสร้างความเจ็บปวดแสนสาหัส จนน้ำตาไหลเป็นเลือดอาบใบหน้าของพระองค์ หลังจากนั้นเขาจึงผูกมัดพระองค์ไว้กับขอนไม้ใหญ่ แล้วเขาก็รุมล้อมพระองค์ กดพระองค์ไว้และทำทารุณกรรมต่อเราด้วยอาวุธยุทธภัณฑ์ทุกชนิดที่มี ทิ่มแทงเข้าไปในร่างกายของพระองค์หลังจากนั้น เขาก็ขว้างก้อนหินใส่พระองค์ แล้วเอาคบไฟที่ลุกโชนอยู่มานาบและจี้ตามตัวของพระองค์ นอกจากนั้นเขายังใช้เครื่องมือมีคม และพวกที่แหลมเหมือนเข็ม ฟาดใส่ตัวพระองค์ มันเจาะเนื้อหนังและฉีกกระชากเนื้อหลุดออกมา และตัดเส้นเลือดขาดไปหลายเส้นตามตัวของพระองค์

ขณะเดียวกันเมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเข้าไปในคุก พระองค์ทรงสวดภาวนาด้วยสิ้นสุดจิตใจเพื่อขอให้พระบิดาแห่งสวรรค์ทรงยอมรับความทุกข์ทรมานทั้งหมดนี้ รวมทั้งความทุกข์ทรมานที่พระองค์จะทรงได้รับต่อจากนี้ด้วย เพื่อเป็นยัญบูชาชดเชยบาปสำหรับมนุษย์ทั้งมวล แม้แต่ผู้ที่กล่าวหาพระองค์ และเพื่อผู้ที่จะได้รับความทุกข์ทรมานเช่นเดียวกับพระองค์ในอนาคต


ศัตรูขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ยอมให้พระองค์ได้พักผ่อนเลยแม้ชั่วขณะ แม้แต่ในคุกอันน่าหวาดหวั่นเช่นนี้ ที่มุมหนึ่งของคุกใต้ดินมีก้อนหินที่โผล่ยื่นออกมาจากพื้นดิน พวกเขาจับพระองค์มัดติดไว้ที่ก้อนหินนี้ คนเหล่านี้กระทำทารุณต่อพระองค์โดยมัดพระองค์ให้อยู่ในท่าทางที่เจ็บปวดสาหัส เพื่อทำให้พระองค์ไม่สามารถนั่งหรือยืนตรงเพื่อพักผ่อนพระวรกายได้ พวกเขาไม่ยอมแม้จะให้พระองค์พิงเสา แม้ว่าพระองค์จะทรงเหน็ดเหนื่อยอย่างมากจากทารุณกรรมที่ทรงได้รับ จากน้ำหนักของโซ่ และจากการหกล้มหลายครั้งจนพระองค์พยุงตัวประทับยืนอย่างยากลำบากด้วยพระบาทที่บอบช้ำและเป็นรอยแผล และยังบังคับให้พระองค์วางเท้าของพระองค์บนถาดโลหะที่เผาจนสุดเป็นสีขาว หลังจากนั้นพวกเขาละทิ้งพระองค์ไว้ที่ก้อนหิน ปิดประตูคุกด้วยกุญแจและมอบหมายให้คนหนึ่งซึ่งดุร้ายที่สุดในบรรดาพวกเขาเป็นผู้คุม


ถึงตอนนี้มีคนรับใช้บางคนตัดสินใจกลับมาที่คุกนี้อีกเพื่อเล่นสนุกบางอย่างต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า เมื่ออยู่ต่อหน้าพระองค์ พวกเขาถ่มน้ำลายรดพระองค์และกระหน่ำชกต่อยพระองค์ด้วยหมัด พระเยซูเจ้ามิได้ทรงร้องหรือตรัสอะไรโต้ตอบพวกเขาเลย พระองค์มิได้ทรงทอดพระเนตรพวกเขาและทรงถ่อมพระองค์ตลอดเวลาด้วยการอยู่ในความสงบ การกระทำอย่างโหดเหี้ยมของพวกเขามีจุดประสงค์จะทดสอบความอดทนของพระองค์ โดยคาดว่าพระองค์จะตอบโต้ด้วยการกระทำหรือกล่าวถ้อยคำที่หยาบคาย แต่เมื่อพวกเขาได้เห็นเป็นประจักษ์ถึงความสุภาพอันไม่เปลี่ยนแปลงของพระองค์ พวกเขากลับยิ่งทำทารุณกรรมมากขึ้นอีก



พวกเขาปล่อยพระองค์จากก้อนหินและนำพระองค์มาไว้ที่กลางคุก ในเวลาเดียวกันก็มัดพระองค์ไว้ด้วยผ้า นอกจากนั้นเขายังเอาหนามขดเป็นมงกุฎ แล้วกดลงบนศีรษะของพระองค์ แล้วเขาก็ผูกผ้าปิดตาพระองค์ด้วยผ้าขี้ริ้วที่ส่งกลิ่นเหม็นสกปรก แล้วก็เริ่มต้นต่อยพระองค์ด้วยหมัดทีละคนๆหรือไม่ก็เตะถีบพระองค์และสบประมาท แต่ละคนพยายามที่จะทำทารุณให้หนักและมากกว่าคนก่อน พวกเขาพูดว่า ผู้ทำนาย” “ลองทายดูสิว่าใครที่ต่อยแกพระชุมพาผู้ทรงสุภาพที่สุดทรงนิ่งเงียบ ทรงยอมรับการทารุณกรรมและการสบประมาททั้งหมดที่กระหน่ำมายังพระองค์
ดังนั้นพวกเขาจึงด่าทอและสบประมาทเยาะเย้ยพระองค์และชกต่อยพระองค์ต่อไป
ต่อมา คนที่กักขฬะที่สุดตัดสินใจที่จะถอดเสื้อผ้าของพระองค์จนเปล่าเปลือย แต่พระยุติธรรมของพระเป็นเจ้าไม่ทรงอนุญาตต่อการกระทำอันหยาบคายและจาบจ้วงเช่นนี้ ดังนั้นจึงปรากฏว่าไม่มีใครในพวกเขาที่สามารถทำตามที่ตั้งใจได้ มือเท้าของพวกเขาไม่สามารถขยับเขยื้อน จนไม่อาจทำสิ่งที่เขาตั้งใจ พวกเขาจึงละทิ้งความตั้งใจนั้นซึ่งมีผลทำให้มือเท้าขยับเขยื้อนได้อีก พวกเขาคิดว่านี่คงเป็นเวทมนต์ของชายที่ชื่อเยซู นอกจากนั้นเขายังบังคับพระองค์ให้นั่งลงบนเก้าอี้ที่มีตะปูแหลมคม ตะปูเหล่านั้นทิ่มลึกเข้าไปในร่างกายของพระองค์ และราดน้ำมันสนและน้ำตะกั่วหลอมเหลวบนบาดแผลตามร่างกายของพระองค์ แล้วด้วยความโหดร้าย เขาผลักพระองค์พลัดตกจากเก้าอี้ ให้พระองค์ลงไปกองบนพื้นอย่างน่าอดสู ไม่พอเขาเพิ่มการทรมานและการเหยียดหยามพระองค์ ด้วยการทึ้งหนวดเคราหลุดจากใบหน้าของพระองค์ แล้วเขาก็เอาตะปูและเหล็กแหลมจิ้มแทงใบหน้าของพระองค์ ที่ที่เขาทึ้งหนวดเคราของพระองค์หลุดไป จากนั้นเขาก็จับพระองค์โยนกองไปกับพื้น บนไม้กางเขนที่วางนอนอยู่ แล้วเขาก็มัดพระองค์ไว้อย่างแน่นหนากับไม้กางเขน จนพระองค์แทบหายใจไม่ออกและพากันย่ำศีรษะของพระองค์ แล้วคนหนึ่งก็เหยียบหน้าอกของพระองค์ แล้วเอาหนามแหลมอันหนึ่งจากมงกุฎ แล้วเสียบทะลุลิ้นของพระองค์และด้วยจิตใจแข็งกระด้าง และปราศจากความรู้สึกหวาดกลัวต่อบาปกรรมใดๆ พวกเขาเทปฏิกูลและอาจมที่เน่าเหม็นใส่ลงไปในปากของพระองค์และด่าคำหยาบใส่หน้าพระองค์อย่างไม่หยุดปากทั้ง เยาะเย้ยพระองค์ สบประมาทพระองค์ จนเขาเองรู้สึกว่าค่ำคืนนั้นช่างยาวนาน หลังจากนั้นพวกเขาจึงจับพระเยซูเจ้ามัดไว้กับเสาให้อยู่บนพื้นเย็นยะเยือก  แล้วจึงละจากพระองค์ไป ปล่อยให้พระองค์หนาวสั่นเจ็บปวดทั่วสรรพางค์กาย



พระเยซูเจ้ายังคงสวดภาวนาเพื่อศัตรูของพระองค์ต่อไป และพวกเขาได้ละจากพระองค์สักพักหนึ่งเป็นเวลาไม่นาน พระองค์ทรงประทับพิงอยู่กับเสาเพื่อพักผ่อน แสงสว่างเจิดจ้าล้อมรอบพระองค์ แสงยามรุ่งอรุณเริ่มส่องสว่างแล้ว - - เป็นสัญญาณการเริ่มต้นวันแห่งพระมหาทรมานของพระองค์ องค์พระผู้ไถ่ - - แสงสลัวๆส่องผ่านรูแคบๆของคุกกระทบองค์พระชุมพาผู้ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ทรงรับแบกบาปของโลกไว้บนพระองค์ พระเยซูเจ้าทรงผินพระพักตร์ไปยังแสงสว่างนั้น ทรงยกพระหัตถ์ที่ถูกล่ามด้วยโซ่ตรวนขึ้น และด้วยพระอริยบทอันนุ่มนวลทรงขอบพระคุณพระบิดาสวรรค์ของพระองค์สำหรับแสงรุ่งอรุณที่ทรงประทานมาในวันนี้ อันเป็นวันแห่งความปรารถนาอันแสนยาวนานของบรรดาประกาศก และเป็นวันแห่งการรอคอยที่พระองค์เองได้ทรงถอนหายใจด้วยความปรารถนาอันลึกซึ้งในเวลาที่ทรงบังเกิดมาบนโลก และยังเกี่ยวข้องกับพระวาจาที่ทรงตรัสกับสานุศิษย์ว่า เรามีการชำระล้างชนิดหนึ่งซึ่งจะต้องได้รับ และจิตใจของเรารู้สึกหวั่นไหวสักเพียงไรจนกว่าทุกอย่างจะสำเร็จบริบูรณ์?”



ในตอนี้พระเยซูเจ้ายังทรงสวมเสื้อคลุมเก่าที่สกปรก ซึ่งมีเศษกรังของน้ำลายและสิ่งสกปรกอื่นๆที่ทหารขว้างใส่พระองค์ เพราะพวกทหารไม่ยอมให้พระองค์สวมเสื้อผ้าของพระองค์เองอีก แต่ได้มัดพระหัตถ์ทั้งสองของพระองค์ไว้ด้วยกัน

แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะอธิบายถึงความทุกข์ทรมานทั้งหมดที่องค์พระผู้ศักดิสิทธิ์ยิ่งทรงได้รับจากการกระทำไร้หัวใจเช่นนี้ ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ฉันรู้สึกเศร้าโศกจนสุดบรรยาย และทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายราวกับว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้ เราควรจะละอายใจในความอ่อนแอของเราที่ไม่อาจทนฟังการบรรยายถึงหรือการพูดถึงพระมหาทรมานเหล่านั้นซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงทนรับไว้อย่างสงบและอดทนเพื่อความรอดของพวกเราทั้งหลาย ความน่าสะพรึงกลัวที่เรารู้สึกได้นั้นเปรียบได้กับความรู้สึกของฆาตกรที่ถูกบังคับให้วางมือบนบาดแผลที่เขาเองได้กระทำต่อเหยื่อของเขา พระเยซูเจ้าทรงทนรับความทรมานทุกประการโดยมิได้ทรงเผยพระโอษฐ์บ่นว่า ตำหนิ มนุษย์หรือบาปของมนุษย์ ที่กระทำผิดต่อพระผู้ทรงเป็นพี่ชาย เป็นพระผู้ไถ่และเป็นพระเจ้าของพวกเขา ฉันเองก็เป็นคนบาปหนา และบาปของฉันก็เป็นสาเหตุของความทรมานเหล่านี้ด้วย



ในวันพิพากษา เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกเปิดเผย เราจะได้เห็นบาปของเราที่มีส่วนทำให้องค์พระบุตรของพระเป็นเจ้าต้องรับทนทรมาน เราจะเห็นว่าบาปของเรานั้นทำให้พระองค์ต้องรับความทุกข์ทรมานหนักมากสักเพียงไร บาปชนิดใดที่เป็นสาเหตุหรือมีส่วนร่วมในทารุณกรรมซึ่งกระทำต่อพระเยซูเจ้าโดยศัตรูที่เหี้ยมโหดของพระองค์ อนิจจา ถ้าหากเราจะสามารถรู้สึกได้ถึงสิ่งเหล่านี้อย่างจริงจัง เราคงจะสวดภาวนาซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยพระวาจาที่เราพบบ่อยๆในหนังสือภาวนา : พระเจ้าข้า โปรดอนุญาตให้ลูกตาย ดีกว่าที่จะทำบาปผิดต่อพระองค์ด้วยเถิด


โดยพระมหาทรมานอันน่าเศร้าสลดยิ่งของพระเยซูเจ้า ของทรงโปรดเมตตาลูกทั้งหลายและชาวโลกทั้งมวลเทอญ



'เบร์นาร์โด ฟรานซิสโก' ให้ชีวิตนี้เป็นสะพานนำรักพระองค์ไป ตอนจบ

บุญราศีเบร์นาร์โด ฟรานซิสโก เด โอโยส เด เซญา Bl. Bernardo Francisco de Hoyos de Seña วันฉลอง: 29 พฤษจิกายน [ย้อนกลับไปอ่าน  “‘เบร์นาร์โด ฟรา...