วันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2556

คุณหมอภารดา "ริกการ์โด "


นักบุญริกการ์โด ปัมปูริ
St. Riccardo Pampuri
ฉลองในวันที่ : 1 พฤษภาคม
องค์อุปถัมภ์ : ตริโวลซิโอ

ท่านเป็นลูกคนที่สุดท้องจากสิบเอ็ดคนของครอบครัวนายอินโนเซนโซกับนางอันเจลา ปัมปูริ โดยชื่อที่บิดามารดาตั้งให้ท่านครั้งแรกในวันรับศีลล้างบาปคือ เอรมีนิโอ ฟิลิปโป ปัมปูริ ท่านเกิดเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ค..1897 ณ หมู่บ้านตริโวลซิโอ เมืองปาวีอา แคว้นลอมบาร์ดี ประเทศอิตาลี  ท่านสูญเสียมารดาตั้งแต่อายุได้เพียง 3 ขวบจากวัณโรค พร้อมทั้งปัญหาเศรษฐกิจท่านจึงถูกส่งไปอยู่กับพี่สาวมารดาของท่านที่อาศัยอยู่ที่หมู่บ้านโตรริโนใกล้ๆหมู่บ้านตริโวลซิโอ



ต่อมาใน ปี ค..1907 บิดาท่านก็ประสพอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิตที่มิลาน อันเป็นเวลาขณะที่ท่านมีวัยได้ราว 10 ปีและกำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนที่หมู่บ้านใกล้ๆกัน หลังจากนั้นท่านก็เดินทางเข้ามิลานเพื่อรับการศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น แต่เนื่องจากท่านไม่ถูกกับสภาพแวดล้อมของมิลานนัก ลุงของท่านจึงตัดสินใจย้ายท่านกลับมาปาวีอา เพื่อเข้าโรงเรียนมัธยมอูโก โฟสโกโล อันโดเด่นด้านสาขาวิทยาศาสตร์

 โตขึ้นผมอยากเป็นคุณหมอ ผมต้องการช่วยคนขัดสน เป็นประโยชน์ให้แก่ทุกคนที่ไม่มีแรงจะก้าวเดินต่อไป หลังจากจบการศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษาจากวิทยาลัยของคณะออกัสติเนี่ยน ท่านก็เข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยปาวีอา ในคณะแพทยศาสตร์ ตั้งแต่ปี ค..1915 พร้อมร่วมกลุ่มกิจการคาทอลิก , กลุ่มวินเซนต์ เดอ ปอล และฟรานซิสกันชั้นสาม



แต่เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1ประทุขึ้น ในปี ค..1917 ท่านก็ต้องพักการเรียนเพราะถูกเรียนตัวมารับราชการทหาร หลังจากนั้นท่านจึงไปประจำการอยู่ที่กาโปเรตโต (Caporetto)  ในโรงพยาบาลภาคสนาม และเมื่ออิตาลีต้องถอยทัพเพื่อป้องกันการถูกตีวงล้อม มันจึงบังเกิดความสับสนอลหม่าน แต่ท่ามกลางความสับสนท่านกลับรวบรวมอุปกรณ์แพทย์ที่จำเป็นต่อผู้ป่วยให้มากที่สุด ย้ายคนป่วยขึ้นเกวียนเทียมวัว เป็นเวลากว่า 24 ชั่วโมงกว่าท่านจะตามไปสมทบกับเพื่อนทหารของเขา ที่ไม่คิดว่าท่านคงไม่รอดแล้วแน่ วีรกรรมครั้งนี้ของท่านทำให้ท่านได้รับเหรียญรางวัล แต่หลังจากนั้นท่านก็ล้มป่วยลงด้วยโรคเยื่อหุ้มปอดอักเสบที่ไม่เคยหายขาด และเช่นกันในสงครามที่ท่านสัมผัสได้ถึงกระแสเรียก มากเสียจนท่านไม่มีใจมุ่งรักษา

หลังจากหนึ่งปีในสงคราม แม้ยังไม่ถูกปลดประจำการท่านก็ดำเนินการศึกษาต่อ กระทั้งปี ค..1920  ท่านจึงถูกปลดประจำการด้วยยศร้อยโท หลังจากนั้นอีกหนึ่งปีในวันที่ 6 กรกฎาคม ท่านจึงจบการศึกษาด้วยคะแนนเกียรตินิยม ในวันงานเลี้ยงจบการศึกษา ท่านได้กล่าวว่า ผมกลับบ้านด้วยความคิดที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องอนาคตของผม ผมจะอุทิศชีวิตของผมเพื่อคนอื่น ผมจะสละตัวผมเองเพื่อช่วยชีวิตคนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเวลานี้ผมต้องการจะเปิดใช้สิทธิ์ทางการแพทย์ในพันธกิจของกิจเมตตา



สามปีจากนั้นท่านก็ได้ทดลองงานอยู่กับคุณลุงที่เห็นหมอ และเป็นระยะเวลาสั้นๆที่ท่านได้เป็นผู้ช่วยชั่วคราวในภาคปฏิบัติของนักศึกษาแพทย์ที่เวรนาเต ใน ค..1922 ท่านก็ผ่านการฝึกงานด้วนคะแนนเกียรตินิยมที่สถาบันสูติศาสตร์และนรีเวชศาสตร์ หลังจากนั้นในปี ค.ศ.1923 ท่านจึงได้จดทะเบียนเป็นอายุรแพทย์และศัลยแพทย์ที่มหาวิทยาลัยปาวีอา ก่อนถูกส่งมาประจำอยู่ที่โมริมอนโด มิลาน ในปีเดียวกัน ชุมชนฟาร์มใกล้ๆบ้านเก่าท่าน ที่นั่นท่านเป็นที่รักของทุกคน บางครั้งท่านรักษาแล้วไม่เก็บเงิน นอกจากนี้ท่านยังนำยาและเงินที่จำเป็นไปมอบแด่ผู้ขาดแคลนเพื่อมิให้พวกเขาอดอยาก ท่านเห็นอกเห็นใจผู้ยากไร้และผู้เจ็บป่วยทุกคน และแม้จะยุ่งกับการไปเยี่ยมผู้ป่วยมาทั้งวัน ท่านก็ไม่ลืมที่จะภาวนาที่ท่านรัก สวดสายประคำ ร่วมมิสซาและมอบวิญญาณผู้ป่วยไว้กับพระเจ้า

เมื่อ ค..1924 แพทย์ทุกคนต้องยอมรับสหภาพฟาสซิสต์แห่งชาติของแพทย์ ท่านรู้ในทันทีว่าระบบฟาสซิสต์เป็นระบบที่กดขี่ข่มเหง จึงส่งจดหมายลาออก  นอกจากนั้นท่ายังช่วยงานคุณพ่อเจ้าวัดด้วยการช่วยตั้งวงดนตรี กลุ่มกิจการคาทอลิดสำหรับเยาวชนซึ่งท่านดำรงตำแหน่งเป็นประธานคนแรก ภายใต้การอุปถัมภ์ของนักบุญพระสันตะปาปาปิอุสที่ 10 และยังเป็นเลขานุการของธรรมทูตเขตวัดที่มีหน้าที่ช่วยเหลือสังคม ท่านจัดการเข้าเงียบเป็นประจำสำหรับกลุ่มเยาวชน คนงานในฟาร์มและแรงงานในท้องถิ่น ที่วิลลา เดล ซาโกร กัวเร (Villa del Sacro Cuore) ของคุณพ่อคณะเยซูอิต ด้วยเงินส่วนตัวของท่านเอง ซึ่งบางครั้งท่านก็เชิญเพื่อนๆมาร่วมด้วย


ตั้งแต่วัยเยาว์ท่านก็มีความปรารถนาจะเป็นนักบวช แต่ก็ถูกชะงักด้วยร่างกายี่ไม่ค่อยแข็งแรงของท่าน จนถึงตอนนี้ในวัย 30 ปี ก็ได้ตัดสินใจไล่ตามกระแสเรียกที่ชัดเจนมากขึ้นในระหว่างการทำงาน ท่านตัดสินใจจะเข้าคณะภารดาพยาบาลแห่งนักบุญยอห์นแห่งพระเจ้าหรือที่รู้จักกันในนามคณะฟาเตเบเนฟราเตลลิ(Fatebenefratelli) เรื่องนี้ยังความเศร้าโศกไปทั่วโมริมอนโด ที่ต้องสูญเสียคุณหมอผู้ไปเยี่ยมคนป่วยไข้รอบๆโมริมอนโดและที่ใกล้เคียง คุณหมอผู้ศักดิ์สิทธิ์

แม้จะต้องขัดแย้งกับคุณลุง แต่ในที่สุดในวันที่ 22 มิถุนายน ค..1927 เริ่มชีวิตนวกะที่เบรชชา และเข้าพิธีปฏิญาณตนในวันที่ 24 ตุลาคม ค..1928 พร้อมนามใหม่ว่า ภารดาริกการ์โด หลังจากการฝึก ท่านก็ได้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ดูแลคลินิกทันตกรรมของโรงพยบาลของคณะที่เบรชชา ผมภาวนาเพื่อว่าความภาคภูมิใจและความเห็นแก่ตัวจะมิหยุดผมจากการได้เห็นพระเยซูเจ้าในผู้ป่วยของผม ท่านกล่าว



ในหน้าที่ใหม่ท่านบริการพวกเขาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยอย่างเต็มใจ แม้ส่วนมากพวกเขาจะเป็นคนยากไร้หรือแรงงานก็ตาม แต่แล้วในปี ค..1929 ระบบทางเดินหายใจของท่านก็ยิ่งแย่ลงจากทั้งอาการป่วยเดิมและวัณโรค  ส่งให้ตั้งแต่เดือนมกราคม ค..1930 อาการของท่านก็ยิงแย่ลงจนต้องพักงานในคลินิกไว้ ดังนั้นในวันที่ 27 เมษายน จึงมีการลงมติย้ายท่านไปบ้านคณะที่มิลาน ท่านพำนักอยู่ที่นั่นกระทั้งเช้าวันที่ 1 พฤษภาคม พร้อมกางเขนในมือท่านก็ได้ลาโลกนี้ไปอย่างสงบในวัย 32 ปี ฉันดีใจที่จะได้ออกไป ความคิดเรื่องสวรรค์ตราตรึงดวงใจของฉันและฉันเตรียมตัวเองให้พร้อมเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์

หลังจากนั้นความศักดิ์ของท่านก็แพร่ไปทั่วยุโรป หรรษทานมากมายเกิดผ่านคำเสนอวิงวอนของท่าน ผ่านการอนุมัติอัศจรรย์ สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ก็ได้ทรงบันทึกนามท่านไว้ในสารบบุญราศีในวันที่ 4 ตุลาคม ค..1981 และถัดจากนั้นอีกแปดปีจากอัศจรรย์ที่สเปน กับการรักษาตาของเด็กชายมานูเอล ท่านก็ถูกสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ยกท่านขึ้นไว้ท่ามกลางนักบุญทั้งหลาย เคียงคู่นักบุญยอห์น แห่ง พระเจ้า ในวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย ค..1989  ปัจจุบันร่างของท่านอันไม่เน่าเปื่อยถูกรักษาไว้ในโรงแก้ว ของวัดตริโวลซิโอ บ้านเกิดท่าน

แม้ว่าข้าพเจ้าเป็นอิสระ ข้าพเจ้าก็ยอมเป็นทาสรับใช้ทุกคน เพื่อเอาชนะใจผู้อื่นให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ (1 โครินธ์ 9:19)  ชีวิตอันศักดิ์ของท่าน คือ การให้บริการ ทำให้เราเข้าใจพระวาจาบทนี้มากขึ้น การเป็นอิสระเปรียบได้กับการที่ท่านมีอิสระในการทำงานเหมือนเรา  ส่วนการเป็นทาสเปรียบได้กับการบริการพี่น้องของท่าน ทำไมท่านถึงบริการเพื่อนมนุษย์ด้วยใจละ คำตอบง่ายๆคือท่านเห็นพระเยซูเจ้าในตัวของทุกๆคน ไม่ว่าเขาจะจนจะดำจะรวยจะขาวก็ตาม ประการฉะนี้เองที่ทำให้ท่านอบอวลไปด้วยกลิ่นของความศักดิ์ เช่นกันมันไม่ยากหรอกที่เราจะเป็นนักบุญ ขอเพียงแค่เราชนะใจตัวเองให้ได้ก็พอ ใจที่ทระนง



ข้าแต่ท่านนักบุญริกการ์โด ปัมปูริ ช่วยวิงวอนเทอญ


ข้อมูลอ้างอิง

'เบร์นาร์โด ฟรานซิสโก' ให้ชีวิตนี้เป็นสะพานนำรักพระองค์ไป ตอนจบ

บุญราศีเบร์นาร์โด ฟรานซิสโก เด โอโยส เด เซญา Bl. Bernardo Francisco de Hoyos de Seña วันฉลอง: 29 พฤษจิกายน ผู้ใหญ่ในคณะคนแรก ๆ ที่ท่านแสวงหา...