วันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2556

"แอกเนส" มิตรจากโบฮีเมียผู้ร่วมผลักดันกฏคณะกลาริส


นักบุญแอกเนส แห่ง โบฮีเมีย
St. Agnes of Bohemia
ฉลองในวันที่ : 2 มีนาคม
องค์อุปถัมภ์ : สาธารณรัฐเช็ก

พระราชธิดาแอกเนส ทรงเป็นพระราชธิดาในพระเจ้าออทโทคาร์ที่ 1 แห่ง โบฮีเมีย กับ พระนางคอนสแตนซ แห่ง ฮังการี  ดังนั้นจึงทรงสืบเชื่อสายมาจากนักบุญลุดมิลาและนักบุญวาสลัฟที่ 1  ดยุกแห่งโบฮีเมีย สองมรณสักขีองค์อุปถัมภ์ของโบฮีเมีย  และเป็นพระญาติทางฝั่งพระราชมารดากับนักบุญเอลิซาเบท แห่ง ฮังการี  ทรงมีพระสูติกาลเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ค..1211 ณ เมืองปราก ราชอาณาจักรโบฮีเมียหรือปัจจุบันคือสาธารณรัฐเช็ก

ต่อมาเมื่อท่านมีชันษาได้ 3 ปี ท่านก็ถูกส่งไปอยู่กับพระมาตุจฉาหรือคุณป้าฝั่งมารดาของท่านที่โปแลนด์ นักบุญเจดวิกา แห่ง ไซลีเซีย ที่นำท่านเข้ารับการศึกษาที่อารามซิสเตอร์คณะซิสเตอร์เซียนที่พระนางได้ทรงก่อตั้งไว้และเป็นเวลาเดียวกันกับที่ท่านได้ถูกจับให้เข้าพิธีหมั้นกับเจ้าชายโบเลสลาฟ  บุตรของคุณป้าท่าน แต่อนิจจาเขาเสียชีวิตก่อนที่จะได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับท่าน หลังจากนั้นเมื่อเจริญชันษาได้ 6 ปี ท่านก็ย้ายกลับไปศึกษาต่อที่อารามที่ดุคซานี  และอยู่ที่นั่นอีกสองปีก่อนเดินทางกลับสู่ราชสำนักโบฮีเมีย



กระแสเรียกจากพระเจ้า เริ่มตั้งแต่ท่านยังทรงพระเยาว์ ท่านรู้สึกว่าชีวิตขาดอะไรบางอย่างไป ท่านจึงหันหน้าเข้าหาพระเจ้ายิ่งขึ้นและสัมผัสได้ถึงความปรารถนาที่จะอุทิศตัวต่อพระเจ้า คงรักษาไว้ซึ่งพรหมจรรย์ ท่านจึงอ้อนวอนต่อพระเจ้าเสมอว่าให้ท่านสามารถจะปฏิบัติตาม กระแสเรียก  ได้

เพื่อสร้างความเป็นปึกแผ่น พระราชบิดาท่านก็เลยจับท่านในวัย 8 ชันษาหมั้นกับเฮนรีวัย 10 ชันษา ราชาแห่งชาวโรมัน พระราชโอรสในจักรพรรดิฟรีดริชที่ 2 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์(อาณาจักรโบณาณของประเทศเยอรมัน) ดังนั้นตามจารีตประเพณีท่านควรจะใช้ชีวิตในขณะทรงพระเยาว์อยู่ในราชสำนักของพระราชสวามีในอนาคต เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ และเป็นการเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมของประเทศใหม่ที่จะกลายเป็นบ้านหลังที่สอง



แต่ขณะนั้นจักรพรรดิฟรีดริชที่ 2 ทรงมีพระราชฐานอยู่ที่ปาแลร์โม เพราะทรงเป็นผู้ปกครองซิซิลี ส่วนพระราชโอรสเฮนรี ก็ทรงอยู่ที่พระราชวังพระอัครสังฆราชเองเกลเบิร์ต เมืองโคโลญ ประเทศเยอรมัน จึงมีการตัดสินใจจะส่งท่านไปที่ราชสำนักที่กรุงเวียนนา แต่ปัญหาก็บังเกิดเมื่อดุก เลโอโปลด์ ที่ 4แห่ง บาเบนเบิน์ก (Duke Leopold VI of Babenberg) ต้องการให้มาร์กาเร็ตธิดาของเขาต่างหากละ ที่เข้าพระราชพิธีเสกสมรสกับเฮนรี

ประการฉะนี้หลังจากจากบ้านไปนานหกปีในปี ค..1225 ท่านจึงเดินทางกลับปราก หลังจากนั้นปีถัดมาพระราชบิดาท่านจึงยกทัพไปตีบาเบนเบิน์กจากปัญหาข้อพิพาท พร้อมวางแผนจะจัดท่านให้หมั้นกับพระเฮนรี่ที่ 3 แห่ง อังกฤษ แต่ก็ถูกคัดค้านโดยจักรพรรดิฟรีดริชที่ 2 ที่สนพระทัยในตัวท่าน ที่สุดแล้วการหมั้นระหว่างท่านและเฮนรี่ก็เป็นอันยกเลิกไปตั้งแต่ ปี ค..1229  ด้วยอำนาจทางการเมือง



ฝ่ายท่านก็ถูกสู่ขออีกครั้งจากจักรพรรดิฟรีดริชที่ 2  ท่านที่ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจก็ต้องจำยอมเข้าพิธีหมั้นกับเขา นับจากวันนั้นท่านก็พยายายพลีกรรมและสวดภาวนามากขึ้น หลายต่อหลายครั้งท่านตื่นนอนก่อนดวงอาทิตย์จะฉายแสง เดินด้วยพระบาทเปล่ากับสหายใจศรัทธาของท่านไปยังวัด แล้วกลับมาพร้อมพระบาที่เต็มไปด้วยเลือดจากการเดินมาก หลังจากนั้นท่านก็จะเพียงล้างพระบาทให้สะอาด ก่อนทรงฉลองพระองค์เจ้าหญิงไปเข้าร่วมปฏิบัติกิจเมตตาการเยี่ยมเยียนผู้ป่วย

จักรพรรดิฟรีดริชที่ 2  ทรงส่งทูตมารับท่านไปเข้าพระราชพิธีเสกสมรส ที่ ประเทศเยอรมัน เมื่อท่านมีชันษา 28 ปี  แต่ท่านิปรารถนาจะเป็นตัวหมากในเกมส์การเมือง แม้สมเด็จพระเจ้าเวนสเลาสที่ 1 แห่ง โบฮีเมีย พระเชษฐาของท่านจะสนับสนุนก็ตามที ใจท่านปรารถนาแค่อย่างเดียวคือการอุทิศตนเพื่อพระเจ้า ดังนั้นท่านจึงตัดสินใจเขียนจดหมาถึงสมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 9 เพื่อขอให้พระองค์ช่วยระงับการแต่งงานของท่าน ซึ่งพระองค์ก็ทรงทำตามคำขอของท่าน ดังนั้นท่านจึงหลุดจากการเป็นหมากในนเกมส์การเมืองได้สำเร็จ



ด้วยทรัพย์สมบัติจากพระราชบิดาของท่าน บนที่ดินที่พระเชษฐานของท่านยกให้ ท่านก็ได้ก่อสร้างโรงพยาบาลนักบุญฟรานซิสขึ้นในปี ค..1232 พร้อมอารามสำหรับคุณพ่อคณะภารดาน้อยที่พึ่งมาถึงโบฮีเมียตามคำเชิญของพระเชษฐาของท่าน และจากพวกเขา ท่านก็ได้รู้จักคุณแม่คลารา แห่ง อัสซีซี และคณะกลาริส  ท่านจึงได้สร้างอารามคณะกลาริสแห่งแรกของประเทศทางตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์ขึ้นอีกหลังในปี ค..1234 และขอคณะซิสเตอร์มาประจำอยู่ ซึ่งคุณแม่คลาราก็ตอบรับคำขอท่าน คุณแม่ส่งซิสเตอร์มา 5 คน

เมื่อทุกอย่างเข้าที่แล้ว ในวันอาทิตย์สมโภชพระจิตเจ้าที่ 11 มิถุนายน ค..1234 ท่านก็ได้เข้าอารามกลาริส ริมฝั่งแม่น้ำโมลดาวา ถัดมาในเดือนสิงหาคม ปีเดียวกันสมเด็จพระสันตะปาปาก็ชีนำว่าท่านควรขึ้นดำรงตำแหน่งคุณแม่อธิการิณีของอาราม แต่ท่านปฏิเสธ พระองค์จึงทรงสั่งท่าน ท่านจึงต้องน้อมรับด้วยศีลบนแห่งความนบนอบ นับจากนั้นท่านก็เริ่มดำเนินงานดูแลผู้ป่วยที่ยากไร้ในโรงพยาบาล ท่านทั้งปรุงอาหาร พยาบาลคนโรคเรื้อนและผู้ยากไร้เป็นการส่วนตัว  ซักผ้า



ท่านและนักบุญคลาราไม่เคยพบหน้ากัน แต่ผ่านทางจดหมายท่านได้พบกับเธอ คุณแม่คลาราเขียนจดหมายถึงท่านด้วยความห้วงใยเช่นมารดามีต่อบุตรสาวของเธอ ที่เธอไม่เคยแม้แต่จะพบหน้า ปัจจุบันค้นพบเพียงสี่ฉบับ แต่ก็มากเพียงพอที่จะทำให้เราเห็นว่าท่านและคุณแม่คลารามีความปรารถนาและการต่อสู้ร่วมกัน ทั้งความปรารถนาที่เจริญชีวิตด้วยความยากจน การภาวนาและการบริการ แต่สมเด็จพระสันตะปาปามิทรงเห็นด้วยกับแนวทางของคุณคลาราเท่าไรนัก  แต่ในสุดท้ายสมเด็จพระสันตะปาปาก็ทรงยอมอนุมัติ สิทธิความยากไร้ที่คุณแม่คลาราปรารถนา เฉพาะที่ซาน ดามิอาโน เท่านั้น กระนั้นท่านก็ไม่ยอมแพ้ ที่จะปฏิบัติตามกฎของบ้านแม่ จนกระทั้งสมเด็จพระสันตะปาปาอิโนเซนต์ ที่ 4 ทรงขึ้นดำรงเป็นพระสังฆราชแห่งกรุงโรม พระองค์ก็ทรงอนุญาตให้อารามของท่านปฏิบัติตามกฎของนักบุญฟรานซิสได้

..1238 ท่านก็ได้ตั้งกลุ่มฆราวาสที่ทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วยในโรงพยาบาลขึ้นมา ในชื่อว่า อัศวินแห่งกางเขนและดาวแดง ตามกฎของนักบุญออกัสติน พร้อมส่งมอบหน้าที่ดูแลงานในโรงพยาบาลแก่พวกเขา นอกจากนั้นเมื่อเกิดปัญหาพิพาทภายในราชวงศ์ท่านก็ช่วยไกล่เกลี่ยอีกด้วย ท่านมีความรักร้อนรนต่อศีลมหาสนิท ไม้กางเขนและแม่พระผ่านการรำพึงถึงรหัสธรรมแห่งการแจ้งสาส์น เปลวไฟแห่งความรักของพระเจ้ารุกโชนอยู่เสมอบนแท่นบูชาแห่งดวงใจของแอกเนส ผ่านการผลักดันให้สูงขึ้นด้วยความเชื่ออันไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อทำให้ทุกคนแสวงหาความรักของพระองค์อย่างต่อเนื่อง


ท่านเจริญชีวิตตามแนวทางของนักบุญฟรานซิสมาเรื่อยๆ ท่านสร้างสันติในประเทศของท่าน ประเทศที่ท่านรัก กระทั้งฤดูหนาว ปี ค..1281 ความโกลาหล ความขัดแย้งและความอดอยากที่แผ่ไปจากหิมะที่ตกหนัก ท่านจึงเสียสละตนด้วยการอดอาหารเพื่อให้มีอาหารพอสำหรับผู้อื่น ทำให้ไม่ช้าสุขภาพของท่านก็อ่อนแอลงจงกระทั้งล้มป่วยหนัก กระทั้งในวันอาทิตย์ที่สามของสัปดาห์มหาพรต  หลังจากได้รับศีลเสบียงไปแล้วราวเก้าชั่วโมง ท่านก็ได้ถึงแก่มรณกรรมด้วยชันษารวม 77 ปี ในวันที่  2 มีนาคม ค..1282 

ตลอดชีวิตในอารามท่านยังมีส่วนในการสนับสนุนการอนุมัติกฎของคณะ ตั้งแต่ปี  ..1235 ..1245 มีการค้นพบจดหมายของท่านถึงสมเด็จพระสันตะปาปาถึงยี่สิบฉบับ และหลังจากการดำเนินเรื่องที่ยาวนานนับร้อยปี ท่านก็ได้รับการบันทึกนามในสารบบบุญราศี ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน ..1874 โดยสมเด็จพระสันตะปาปาปิอุส ที่ 9  ถัดจากนั้นอีกหลายสิบปีแห่งความพยายาม สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ก็ได้ทรงมิสซาสถาปนาบุญราศีแอกแนสขึ้นเป็นนักบุญพร้อมภารดาน้อยชาวโปแลนด์ เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ค..1989

จงให้ความรักปราศจากมารยา(โรม 12:9)  นักบุญแอกแนสมอบความรักกับทุกคนโดยเฉพาะผู้ยากไร้ ท่านมอบความรักแก่พวกเขาโดยปราศจากสิ่งเสแสร้ง ดูได้จากการที่ท่านปฏิบัติต่อพวกเขา แม้ท่านจะมีศักดิ์เป็นถึงเจ้าหญิงหรือคุณแม่อธิการิณี ท่านก็ทำงานที่ต่ำต้อย ดูแลคนโรคเรื้อนที่ใครก็พากันรังเกียจแบบส่วนตัว ตามแบบฉบับของบิดาฟรานซิส บางทีการที่เราจะไปสวรรค์อีกทางก็คือการมอบความรักที่ใสดั่งเพชรแด่ทุกคนบนโลก ไม่ว่าจะแบบใดเพื่อน แฟน พ่อแม่ ญาติ ตามแบบฉบับของท่านก็ได้ ฉบับของพระเยซูเจ้า  

          โปรดให้ข้าพระองค์เป็นเครื่องมือแห่งสันติของพระองค์



ข้าแต่ท่านนักบุญแอกเนส แห่ง โบฮีเมีย ช่วยวิงวอนเทอญ

ข้อมูลอ้างอิง

'เบร์นาร์โด ฟรานซิสโก' ให้ชีวิตนี้เป็นสะพานนำรักพระองค์ไป ตอนจบ

บุญราศีเบร์นาร์โด ฟรานซิสโก เด โอโยส เด เซญา Bl. Bernardo Francisco de Hoyos de Seña วันฉลอง: 29 พฤษจิกายน [ย้อนกลับไปอ่าน  “‘เบร์นาร์โด ฟรา...