นักบุญ มักดาเลนา แห่ง นางาซากิ
Santa
Magdalena de Nagasaki
ฉลองในวันที่ : 28 กันยายน
โอะฮาโยโกะไซมัส
(สวัสดีตอนเช้า) /คนนิจิวะ (สวัสดีตอนกลางวัน) /คอมบังวะ (สวัสดีตอนเย็น) ผู้โดยสารทุกท่านที่ไว้วางใจใช้บริการเรา
ขณะนี้เที่ยวบิน JMJ พร้อมแล้วที่จะออกเดินทางไปนำทุกท่านไปสู่เมืองนางาซากิ
ประเทศญี่ปุ่น ในปี ค.ศ.1611 ท่านผู้โดยสารท่านใดที่ยังไม่ได้ปิดเครื่องมือสื่อสารกรุณาปิดด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ
มักดาเลนา
เกิดมาในครอบครัวคริสตชนที่มั่งคลั่ง เมื่อราวๆปี ค.ศ.1611 เด็กสาวเติบโตขึ้นมาเป็นสาวสวยและละเอียดลออ
ที่มีใจศรัทธา
เพราะบิดามารดาของท่านได้หว่างและลดน้ำเมล็ดพันธ์นั้นในวิญญาณท่านตั้งแต่วัยเยาว์เช่นเดียวกันกับพี่น้องของท่าน
แต่ความสุขก็อยู่ได้ไม่นานเมื่อโชกุนโทะกุงะวะ อิเอะยะซุ มีรับสั่งให้ประหัตถ์ประหารคริสตศาสนาที่กำลังหยั่งรากในญี่ปุ่นให้สิ้นซากเสีย
ซึ่งค่อยๆทีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั้งสุดท้ายบิดามารดาพี่น้องของท่านก็ถูกจับและถูกตัดสินประหารชีวิต
ต่อมาในปี
ค.ศ.1624
ท่านก็มีโอกาสได้พบธรรมทูตคณะออกัสติเนี่ยนสองคนที่พึ่งเดินทางมาถึงญี่ปุ่นเมื่อไม่นานมานี้
คุณพ่อฟรานซิสโก แห่ง พระเยซูเจ้า กับ คุณพ่อวินเซนต์ แห่ง นักบุญอันตน เมื่อท่านได้พบทั้งสองท่านก็รู้สึกถูกดึงดูดจิตตรารมณ์ธรรมทูต
ที่สุดท่านก็ตัดสินใจไล่ตามกระแสเรียกของท่าน
ท่านเข้าเป็นสมาชิกขั้นสามคณะออกัสติเนี่ยนและสวมชุดของคณะ สวดภาวนาด้วยความห่วงใยและอ่านหนังสือประวัตินักบุญและหนังสือการแพร่ธรรม
หลังจากนั้นแม้จะยากลำบากท่านเริ่มสอนคำสอนเด็ก
ให้กำลังใจคริสตชนที่ถูกเบียดเบียนด้วยการต่อต้านการเบียดเบียนและเล่าเรื่องราวของบรรดามรณสักขี
บนพื้นฐานของความระมัดระวังและความรัก จนท่านสามารถทำให้ชาวญี่ปุ่นมากมายกลับใจ
ท่านปลอบประโลมคนที่มีทุกข์ เป็นกำลังใจให้พระสงฆ์
หลายต่อหลายคนแวะเวียนมาขอคำแนะนำและแนวทางการปฏิบัติจากท่าน
ท่านขอรับบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้จากนักเดินเรือชาวโปรตุเกส
ต่อมาเมื่อการประหัตรประหารคริสตชนทวีความรุนแรงมากขึ้นในปี
ค.ศ.1629 ท่าน
พร้อมคุณพ่อคณะออกัสติเนี่ยนและคริสตชนนับร้อยคนก็ต้องลี้ภัยไปซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาของนางาซากิ
เดือนพฤศจิกายน ปีนั้นคุณพ่อธรรมทูตสององค์ก็ถูกจับ
แต่ท่านก็มิอาจจะทำอันใดได้คงทำได้แต่เก็บงำความเศร้าไว้ไว้กับความเงียบ แม้ต้องอยู่อย่างอึดอัดในถ้ำ
มีสมุนไพรเป็นอาหาร กระนั้นท่านก็ยังคอยเป็นแรงบัลดาลใจให้คนอื่นๆ
เป็นกำลังใจให้คนที่สิ้นหวัง ไปเยี่ยมเยือนผู้ป่วย
จัดการเรื่องศีลล้างบาปแก่ทารกแรกเกิดและมอบคำให้กำลังใจทุกๆคน
3 กันยายน
ค.ศ.1632
คุณพ่อธรรมทูตที่รักของท่านก็ถูกเผาทั้งเป็นพร้อมคุณพ่ออีกสองรูป
ท่านก็ตัดสินใจเข้าเป็นโดมินิกันขั้นสาม
แต่คุณพ่อโดมินิกันไม่ยอมรับการปฏิญาณตนของท่าน
สองปีถัดมาท่านรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่คริสตชนได้กระทำที่ลงจากภูเขาไปสาปแช่งพวกเขาแล้วละทิ้งพระองค์เมื่อถูกทรมาน
ท่านจึงตัดสินใจที่จะเป็นแบบอย่างแก่พวกเขา
ดังนั้นในช่วงต้นปี
ค.ศ.1639
ในสภาพผอมแห้งท่านจึงลงมาด้านล่าง
แต่เมื่อผู้คุมเห็นสภาพท่านที่ผอมแห้งเขาก็ไล่ท่านกลับขึ้นไปเสีย
แต่ในวันรุ้งขึ้นท่านก็ได้แต่งกายด้วยชุดสมาชิกขั้นสามคณะออกัสติเนียนแล้วลงไปที่เมืองพร้อมถุงที่อัดแน่นด้วยหนังสือศาสนาอีกครั้ง
ครั้งนี้เมื่อทหารได้เห็นเขาก็หมดความอดทน เขาจึงจับท่านขังไว้ในคุกรอการไต่สวนต่อไป
ระหว่างนั้นท่านก็ใช้เวลาไปกลับการอ่านหนังสือที่เตรียมมา
ที่ต่อหน้าศาล
ท่านปฏิเสธที่จะละทิ้งพระเจ้า แม้พวกเขายินดีจะคืนสมบัติที่ริบไปจากตระกูลท่านคืนก็ตามที
ดังนั้นเมื่อไม้อ่อนไม่ได้ผล พวกเขาก็เริ่มใช้ไม้แข็งกับท่าน
พวกเขาคิดว่าไม่นานท่านต้องยอมแน่ๆ พวกเขาจึงส่งท่านไปให้เพชฌฆาตจับกรอกน้ำเพื่อให้ท่านอาเจียนอย่างหนัก
แทงท่านด้วยด้วยเสี้ยนไม้ไผ่ที่เล็บมือหรือเท้าของท่าน กดท่านลงในสิ่งโสมม สลับกับการไต่สวนไปมา
จนที่สุดเพรฌฆาตก็ลงความเห็นว่ามันไร้ประโยชน์ที่จะทรมานทานต่อไป
ต้นเดือนตุลาคม
ปีเดียวกัน ท่านและสิบสหายมรณสักขีก็ถูกตัดสินประหารชีวิต ณ ที่ประหารท่านถูกจับมัดมือมัดเท้าคล่ำลงในหลุมมี่เตรียมไว้แล้วปล่อยไว้อย่างนั้นยาวนานราว
13 วัน
วิธีนี้ทำให้การหายใจเป็นเรื่องยากมากๆ แต่กระนั้นตลอดสิบสามวันท่านก็เพียงแต่ร้องนามพระเยซูเจ้า
แม่พระและเพลงสรรเสริญพระเจ้า ในวันแรกท่านเหมือนมีอาการกระหายน้ำ
ผู้คุมจึงเอาน้ำให้ท่าน แต่ท่านปฏิเสธพร้อมบอกว่า “ดิฉันไม่ต้องการค่ะ แต่พระคริสตเจ้ากำลังจะมอบมัน”
วันที่สิบสี่ของการทรมาน
เนื่องจากคืนที่แล้วมีฝนตกหนักทำให้หลุมมีระดับน้ำที่สูงขึ้น
จนส่งให้ท่านจมน้ำตายในที่สุด ร่างวัย 23 ปี ของท่านถูกนำออกจากตะแลงแกง
แล้วนำไปเผาก่อนโปรยเถ้าถ่านลงไปในทะเล เพื่อมิให้แน่ใจว่าจะไม่เหลือสิ่งใดเป็นพระธาตุของท่าน
ในวันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ.1634
รายชื่อของท่านถูกบันทึกนามไว้ในกลุ่มสิบหกมรณสักขีโดมินิกันชาวต่างชาติแห่งญี่ปุ่น
นำโดยโลเรนโซ รุยซ์ ชาวฟิลิปปินส์ และถูกเสนอเป็นชื่อเป็นบุญราศีมรณสักขี
ไปยังกรุงโรม ที่สุดสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ก็ได้ทรงบันทึกนามของท่านพร้อมกลุ่มในสารบบบุญราศีตั้งแต่วันที่
18 กุมภาพันธ์
ค.ศ.1981 ใน กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์
และที่กรุงโรมสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ก็ได้ทรงประกอบพิธีมิสซาสถาปนาท่านและกลุ่มมรณสักขีขึ้นเป็นนักบุญมรณสักขีแห่งพระศาสนจักร
เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ค.ศ.1987
ท้ายที่สุดการเดินทางของเราก็สินสุดลง
ด้วยพระวาจาที่ว่า “เมื่อสอนผู้อื่น ท่านก็สอนตนเอง”(รม 2:21) ใช่ท่านไม่เพียงแค่สอนแต่ปาก แต่ท่านปฏิบัติให้ทุกคนเห็นเป็นตัวอย่างถึงความเชื่อที่จะติดตามพระเยซูเจ้าไปย่างไม่ลดละ
แม้จะถูกทรมานท่านก็ยินดีที่จะเป็นแบบอย่างในการไม่ละทิ้งความเชื่อ
แก่บรรดาคริสตชนที่กำลังถูกข่มเหง
ท่านจึงนับเป็นแบบอย่างอีกอันในการติดตามพระคริสตเจ้าและพระวาจานี้ สุดท้ายนี้ขอบคุณที่วางใจใช้สายการบินของเรา
อาริงาโตะ โกไซมัส (ขอบคุณมาก)
“ข้าแต่ท่านนักบุญ มักดาเลนา แห่ง
นางาซากิ ช่วยวิงวอนเทอญ”
ข้อมูลอ้างอิง