วันพุธที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2556

"มักดาเลนา" บุตรีแดนปลาดิบของนักบุญออกัสติน


นักบุญ  มักดาเลนา แห่ง นางาซากิ
Santa Magdalena de Nagasaki
ฉลองในวันที่ : 28 กันยายน

โอะฮาโยโกะไซมัส (สวัสดีตอนเช้า) /คนนิจิวะ (สวัสดีตอนกลางวัน) /คอมบังวะ (สวัสดีตอนเย็น) ผู้โดยสารทุกท่านที่ไว้วางใจใช้บริการเรา ขณะนี้เที่ยวบิน JMJ พร้อมแล้วที่จะออกเดินทางไปนำทุกท่านไปสู่เมืองนางาซากิ ประเทศญี่ปุ่น ในปี ค..1611 ท่านผู้โดยสารท่านใดที่ยังไม่ได้ปิดเครื่องมือสื่อสารกรุณาปิดด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

มักดาเลนา เกิดมาในครอบครัวคริสตชนที่มั่งคลั่ง เมื่อราวๆปี ค..1611 เด็กสาวเติบโตขึ้นมาเป็นสาวสวยและละเอียดลออ ที่มีใจศรัทธา เพราะบิดามารดาของท่านได้หว่างและลดน้ำเมล็ดพันธ์นั้นในวิญญาณท่านตั้งแต่วัยเยาว์เช่นเดียวกันกับพี่น้องของท่าน แต่ความสุขก็อยู่ได้ไม่นานเมื่อโชกุนโทะกุงะวะ อิเอะยะซุ มีรับสั่งให้ประหัตถ์ประหารคริสตศาสนาที่กำลังหยั่งรากในญี่ปุ่นให้สิ้นซากเสีย ซึ่งค่อยๆทีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั้งสุดท้ายบิดามารดาพี่น้องของท่านก็ถูกจับและถูกตัดสินประหารชีวิต



ต่อมาในปี ค..1624 ท่านก็มีโอกาสได้พบธรรมทูตคณะออกัสติเนี่ยนสองคนที่พึ่งเดินทางมาถึงญี่ปุ่นเมื่อไม่นานมานี้ คุณพ่อฟรานซิสโก แห่ง พระเยซูเจ้า กับ คุณพ่อวินเซนต์ แห่ง นักบุญอันตน เมื่อท่านได้พบทั้งสองท่านก็รู้สึกถูกดึงดูดจิตตรารมณ์ธรรมทูต ที่สุดท่านก็ตัดสินใจไล่ตามกระแสเรียกของท่าน ท่านเข้าเป็นสมาชิกขั้นสามคณะออกัสติเนี่ยนและสวมชุดของคณะ สวดภาวนาด้วยความห่วงใยและอ่านหนังสือประวัตินักบุญและหนังสือการแพร่ธรรม  

หลังจากนั้นแม้จะยากลำบากท่านเริ่มสอนคำสอนเด็ก ให้กำลังใจคริสตชนที่ถูกเบียดเบียนด้วยการต่อต้านการเบียดเบียนและเล่าเรื่องราวของบรรดามรณสักขี บนพื้นฐานของความระมัดระวังและความรัก จนท่านสามารถทำให้ชาวญี่ปุ่นมากมายกลับใจ ท่านปลอบประโลมคนที่มีทุกข์ เป็นกำลังใจให้พระสงฆ์ หลายต่อหลายคนแวะเวียนมาขอคำแนะนำและแนวทางการปฏิบัติจากท่าน ท่านขอรับบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้จากนักเดินเรือชาวโปรตุเกส



ต่อมาเมื่อการประหัตรประหารคริสตชนทวีความรุนแรงมากขึ้นในปี ค..1629  ท่าน พร้อมคุณพ่อคณะออกัสติเนี่ยนและคริสตชนนับร้อยคนก็ต้องลี้ภัยไปซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาของนางาซากิ เดือนพฤศจิกายน ปีนั้นคุณพ่อธรรมทูตสององค์ก็ถูกจับ แต่ท่านก็มิอาจจะทำอันใดได้คงทำได้แต่เก็บงำความเศร้าไว้ไว้กับความเงียบ แม้ต้องอยู่อย่างอึดอัดในถ้ำ มีสมุนไพรเป็นอาหาร กระนั้นท่านก็ยังคอยเป็นแรงบัลดาลใจให้คนอื่นๆ เป็นกำลังใจให้คนที่สิ้นหวัง ไปเยี่ยมเยือนผู้ป่วย จัดการเรื่องศีลล้างบาปแก่ทารกแรกเกิดและมอบคำให้กำลังใจทุกๆคน

3 กันยายน ค..1632 คุณพ่อธรรมทูตที่รักของท่านก็ถูกเผาทั้งเป็นพร้อมคุณพ่ออีกสองรูป ท่านก็ตัดสินใจเข้าเป็นโดมินิกันขั้นสาม แต่คุณพ่อโดมินิกันไม่ยอมรับการปฏิญาณตนของท่าน สองปีถัดมาท่านรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่คริสตชนได้กระทำที่ลงจากภูเขาไปสาปแช่งพวกเขาแล้วละทิ้งพระองค์เมื่อถูกทรมาน ท่านจึงตัดสินใจที่จะเป็นแบบอย่างแก่พวกเขา


ดังนั้นในช่วงต้นปี ค..1639 ในสภาพผอมแห้งท่านจึงลงมาด้านล่าง แต่เมื่อผู้คุมเห็นสภาพท่านที่ผอมแห้งเขาก็ไล่ท่านกลับขึ้นไปเสีย แต่ในวันรุ้งขึ้นท่านก็ได้แต่งกายด้วยชุดสมาชิกขั้นสามคณะออกัสติเนียนแล้วลงไปที่เมืองพร้อมถุงที่อัดแน่นด้วยหนังสือศาสนาอีกครั้ง ครั้งนี้เมื่อทหารได้เห็นเขาก็หมดความอดทน เขาจึงจับท่านขังไว้ในคุกรอการไต่สวนต่อไป ระหว่างนั้นท่านก็ใช้เวลาไปกลับการอ่านหนังสือที่เตรียมมา

ที่ต่อหน้าศาล ท่านปฏิเสธที่จะละทิ้งพระเจ้า แม้พวกเขายินดีจะคืนสมบัติที่ริบไปจากตระกูลท่านคืนก็ตามที ดังนั้นเมื่อไม้อ่อนไม่ได้ผล พวกเขาก็เริ่มใช้ไม้แข็งกับท่าน พวกเขาคิดว่าไม่นานท่านต้องยอมแน่ๆ พวกเขาจึงส่งท่านไปให้เพชฌฆาตจับกรอกน้ำเพื่อให้ท่านอาเจียนอย่างหนัก แทงท่านด้วยด้วยเสี้ยนไม้ไผ่ที่เล็บมือหรือเท้าของท่าน กดท่านลงในสิ่งโสมม  สลับกับการไต่สวนไปมา จนที่สุดเพรฌฆาตก็ลงความเห็นว่ามันไร้ประโยชน์ที่จะทรมานทานต่อไป



ต้นเดือนตุลาคม ปีเดียวกัน ท่านและสิบสหายมรณสักขีก็ถูกตัดสินประหารชีวิต ณ ที่ประหารท่านถูกจับมัดมือมัดเท้าคล่ำลงในหลุมมี่เตรียมไว้แล้วปล่อยไว้อย่างนั้นยาวนานราว 13 วัน วิธีนี้ทำให้การหายใจเป็นเรื่องยากมากๆ แต่กระนั้นตลอดสิบสามวันท่านก็เพียงแต่ร้องนามพระเยซูเจ้า แม่พระและเพลงสรรเสริญพระเจ้า ในวันแรกท่านเหมือนมีอาการกระหายน้ำ ผู้คุมจึงเอาน้ำให้ท่าน แต่ท่านปฏิเสธพร้อมบอกว่า ดิฉันไม่ต้องการค่ะ แต่พระคริสตเจ้ากำลังจะมอบมัน

วันที่สิบสี่ของการทรมาน เนื่องจากคืนที่แล้วมีฝนตกหนักทำให้หลุมมีระดับน้ำที่สูงขึ้น จนส่งให้ท่านจมน้ำตายในที่สุด ร่างวัย 23 ปี ของท่านถูกนำออกจากตะแลงแกง แล้วนำไปเผาก่อนโปรยเถ้าถ่านลงไปในทะเล เพื่อมิให้แน่ใจว่าจะไม่เหลือสิ่งใดเป็นพระธาตุของท่าน  ในวันที่ 16 ตุลาคม ค..1634   รายชื่อของท่านถูกบันทึกนามไว้ในกลุ่มสิบหกมรณสักขีโดมินิกันชาวต่างชาติแห่งญี่ปุ่น นำโดยโลเรนโซ รุยซ์ ชาวฟิลิปปินส์ และถูกเสนอเป็นชื่อเป็นบุญราศีมรณสักขี ไปยังกรุงโรม ที่สุดสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ก็ได้ทรงบันทึกนามของท่านพร้อมกลุ่มในสารบบบุญราศีตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ ค..1981 ใน กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ และที่กรุงโรมสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ก็ได้ทรงประกอบพิธีมิสซาสถาปนาท่านและกลุ่มมรณสักขีขึ้นเป็นนักบุญมรณสักขีแห่งพระศาสนจักร เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ค..1987



ท้ายที่สุดการเดินทางของเราก็สินสุดลง ด้วยพระวาจาที่ว่า เมื่อสอนผู้อื่น ท่านก็สอนตนเอง(รม 2:21) ใช่ท่านไม่เพียงแค่สอนแต่ปาก แต่ท่านปฏิบัติให้ทุกคนเห็นเป็นตัวอย่างถึงความเชื่อที่จะติดตามพระเยซูเจ้าไปย่างไม่ลดละ แม้จะถูกทรมานท่านก็ยินดีที่จะเป็นแบบอย่างในการไม่ละทิ้งความเชื่อ แก่บรรดาคริสตชนที่กำลังถูกข่มเหง ท่านจึงนับเป็นแบบอย่างอีกอันในการติดตามพระคริสตเจ้าและพระวาจานี้ สุดท้ายนี้ขอบคุณที่วางใจใช้สายการบินของเรา อาริงาโตะ โกไซมัส (ขอบคุณมาก)


ข้าแต่ท่านนักบุญ มักดาเลนา แห่ง นางาซากิ ช่วยวิงวอนเทอญ


ข้อมูลอ้างอิง

'เบร์นาร์โด ฟรานซิสโก' ให้ชีวิตนี้เป็นสะพานนำรักพระองค์ไป ตอนจบ

บุญราศีเบร์นาร์โด ฟรานซิสโก เด โอโยส เด เซญา Bl. Bernardo Francisco de Hoyos de Seña วันฉลอง: 29 พฤษจิกายน [ย้อนกลับไปอ่าน  “‘เบร์นาร์โด ฟรา...