วันศุกร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2557

"มาเดร เปาลีนา" ศักดิ์ศรีของบลาซิล


นักบุญเปาลา แห่ง พระหฤทัยอันระทมทุกข์ยิ่งของพระเยซูเจ้า
St. Paulina do Coração Agonizante de Jesus
ฉลองในวันที่ : 9 กรกฎาคม
องค์อุปถัมภ์ : ผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวาน

ภายในอ้อมกอดขุนเขาสีเขียวขจี บนเนินเขาสีเขียวตามบันไดที่มุ่งไป เราก็จะพบอาคารทรงทันสมัยอันสวยงามตั้งตระหง่านอยู่ ที่มีมีรูปปั้นของสตรีท่านหนึ่งแต่งกายด้วยชุดซิสเตอร์สีดำ มีผ้าคาดเอวสีฟ้าสด กำลังกางแขนออกคล้ายต้อนรับผู้คนมากมายที่จารึกมาเยือนสถานที่แห่งนี้ ยืนอยู่บนฐานหินสีเทาพร้อมป้ายที่ติดข้างล่างที่ทำให้เรารับรู้นามของสตรีคนนี้ ซันตา เปาลีนา

16 ธันวาคม ค..1865 วีโกโล วัตตาโร มณฑลทิโรล อาณาจักรออสเตรียฮังการี (ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดเตรน ประเทศอิตาลี) ในครอบครัวที่สืบเชื้อสายมาจากชนชาวเยอรมันที่มีหัวหน้าครอบครัวชื่ออันโตนิโอ เนโปเลโอเน วีซินไทเนร์ ที่สมรสกับอันนา เปียเนซเซอร์ ก็ได้ต้อนรับสมาชิกคนที่สองของครอบครัวผู้เป็นทารกเพศหญิงผู้ได้รับนามว่า อามาบีเร ลูเชีย  วีซินไทเนร



หลังจากนั้นท่านก็ได้เติบโตขึ้นมาในความเชื่อและความยากจนเช่นทุกคนในพื้นที่ จนที่สุดในเดือนกันยายน ค..1875 ครอบครัวท่านพร้อมชาวบ้านอีกหนึ่งร้อยชีวิตคิดเป็นหนึ่งในห้าของประชากรก็ได้ตัดสินใจย้ายไปอยู่ที่รัฐซันตากาตารีนา ในประเทศบลาซิลพร้อมก่อตั้งหมู่บ้านวีโกโลขึ้น(ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของโนวา เตรนโต) ณ ที่นั่น จากนั้นท่านก็เติบโตขึ้นมาโดยมีแบบอย่างความเชื่อและความเมตตารักจากมารดาของท่าน ท่านไม่ได้รับการศึกษาอะไรมากท่านจึงมีความรู้น้อยมากๆ แต่ท่านก็มีความรักที่ยิ่งใหญ่ต่อพระเจ้า ความทุกข์ทรมานและความยากไร้ ซึ่งหลังจากศีลมหาสนิทครั้งแรกของท่านในวัย 12 ปี ท่านก็เริ่มอุทิศชีวิตเพื่องานอภิบาลเขตวัด ทั้งการสอนคำสอนเด็กๆ ไปเยี่ยมคนป่วย หรือทำความสะอาดวัด

เราอาบอกได้เลยว่าเด็กหญิงเปาลา นั้นมีกระแสเรียกมาตั้งแต่เด็กแล้ว ท่านมักพูดถึงการใช้ชีวิตแด่พระเจ้ามาเสมอ ซึ่งจุดเริ่มต้นชีวิตกระแสเรียกของท่านเริมในวันที่  12 กรกฎาคม ค..1890  เมื่อท่านพร้อมเพื่อนนามวีร์จีเนีย โรซา นีโกโลดี ภายใต้คำแนะนำทางวิญญาณจากคุณพ่อลุยจี รอซซี สงฆ์คณะเยซูอิต  ตัดสินใจอุทิศตนภายใต้การอารักข์ของพระมารดามารีย์ผู้ปฏิสนธินิรมล โดยเริ่มจากการดูแลสตรีคนหนึ่งที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ที่บ้านหลังเล็กๆ ที่รับบริจาคสำหรับคณะน้อยๆนี้ ที่ๆพวกท่านเริ่มใช้ชีวิตแห่งการถวายตัว ซึ่งภายหลังการจากไปของสตรีคนนั้นท่านก็ได้ต้อนรับสมาชิกใหม่ของคณะนี้นามเทเรซา อันนา เมาเล



จากนั้นในปี ค..1895 คุณพ่อรอซซีและท่านก็เห็นพ้องต้องกันว่าคณะควรได้รับการก่อตั้งอย่างเป็นทางการซักทีด้วยเหตุหลายๆประการ ดังนั้น คณะภคินีน้อยแห่งพระแม่ผู้ปฏิสนธินิรมล จึงถือกำเนิดขึ้นและได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการโดยพระคุณเจ้าโฆเซ เด คามาร์โก บาฮูซ พระสังฆราชประจำสังฆมณฑลกูรีตีบา ในวันที่ 25 สิงหาคม ค..1895 ก่อนในเดือนธันวาคมปีเดียวกันนั้นเองท่านและเพื่อนอีกสองคนก็ได้เข้าพิธีปฏิญาณตนพร้อมรับนามใหม่ ซึ่งนามใหม่ของท่านก็คือ ซิสเตอร์เปาลา แห่ง พระหฤทัยอันระทมทุกข์ยิ่งของพระเยซูเจ้า

ในทันทีคณะนี้อันเป็นคณะแรกที่เกิดขึ้นในบลาซิลก็เติบโตอย่างรวดเร็วแม้จะมีความยากลำบากในการเจริญชีวิตก็ตาม โดยคณะมีพันธกิจหลักคือการดูแลเด็กกำพร้าและผู้ป่วย พร้อมทำงานทอผ้าไหมเพื่อเป็นรายได้ ส่งให้ในปี ค..1903 ท่านจึงถูกเลือกให้เป็นคุณแม่มหาธิการิณีของคณะ ซึ่งในปีเดียวกันนั้นท่านก็ตัดสินใจย้ายบ้านคณะจากโนวา เตรนโต ไปที่อีพิรันกา ในเซาเปาโล และเปิดอารามเพื่อดูแลลูกของบรรดาอดีตทาสและทาสที่ชราที่ถูกทอดทิ้งเพราะไม่สามารถจะทำอะไรได้ ณ ที่นั่นบนเนินเขา ใกล้ๆกับซากราดา ฟามีเลีย  



แต่แล้วในเดือนสิงหาคมปี ค..1909 ด้วยข้อพิพาทเกี่ยวกับคณะด้วยความอยุติธรรม พระสังฆราชแห่งเซาเปาโลก็ได้ปลดท่านออกจากตำแหน่งคุณแม่มหาธิการิณีของคณะ พร้อมส่งตัวท่านไปทำงานกับผู้ป่วยที่ซานตา คาซา และผู้สูงอายุที่บ้านพักสำหรับผู้ป่วยระยะสุดท้ายเซนต์วินเซน เดอ ปอล  ที่ บรากันซา เปาลีสตา  ที่ท่านก่อตั้งขึ้น โดยมิสามารถเข้ามามีบทบาทสำคัญใดๆในคณะได้อีกเลย มีบันทึกถึงตอนนั้นว่า ทันทีคุณแม่ก็คุกเข่าลง …. คุณแม่เจียมตัวของคุณแม่ดี ….คุณแม่ตอบว่าคุณแม่พร้อมแล้วพร้อมมากๆ ที่จะส่งมอบคณะ…..คุณแม่เสนอตัวท่านเองอย่างเป็นธรรมชาติเพื่อรับใช้อยู่เบื้องล่างของคณะ ดังนั้นท่านจึงใช้เวลาว่างไปกับการสวดภาวนาเพื่อคณะของท่าน และน้อมรับน้ำพระทัยของพระเจ้าเพื่อคณะและเพื่อองค์พระเจ้าทรงเป็นที่รู้จัก ที่รักและที่รู้จักของวิญญาณทุกดวงบนโลก

ท่านอยู่อย่างนั้นทำงานอันต่ำต้อยทั่วไปอยู่เก้าปี พระอัครสังฆราชผู้นั้นจึงอนุญาตให้คุณแม่มหาธิการิณีคนใหม่ของคณะพาท่านกับมายังบ้านแม่ที่เซาเปาโลได้เช่นเดิม พร้อมคำสั่งกำชับว่า เธอควรจะมีชีวิตและตายในฐานะเบื้องล่าง  เมื่อได้กลับมาท่านก็มิได้ดำรงตำแหน่งเป็นสิ่งใดทั้งสิ้นตรงข้ามท่านกลับเจริญชีวิตที่ซ่อนเร้นผสานกับการสวดภาวนาและความรักในช่วยเหลือซิสเตอร์ที่ไม่แข็งแรง กระทั้งในวันที่ 19 พฤษภาคม ค..1933 สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุส ที่ 11 ก็ได้ทรงรับรองให้ท่านเป็น คุณแม่ผู้ก่อตั้งคณะผู้น่าเคารพ ในพระราชกฤษฎีกายกย่อง ด้วยสันตะสำนักได้อนุมัติคณะท่านอย่างเป็นทางการแล้ว จากนั้นในช่วงสุวรรณสมโภชครบรอบ 50 ปีการก่อตั้งคณะในวันที่ 12 กรกฎาคม ค..1940 ท่านก็ได้เขียนพินัยกรรมฝ่ายจิตขึ้น จงอ่อนน้อมถ่อมตน วางใจเสมอและทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ภายใต้พระญาณสอดส่องขององค์พระผู้เป็นเจ้า จงห้ามและห้ามปล่อยตัวเองให้ท้อแท้แม้จะมีลมพัดมาปะทะเท่าใดก็ตาม ดิฉันขอย้ำอีกครั้ง จงวางใจในพระเจ้าและพระแม่มารีย์ผู้ปฏิสนธินิรมล จงซื่อสัตย์และจงก้าวป้างหน้าอย่างมั่นคง



ในตอนนี้สุขภาพท่านก็ไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากตั้งแต่ปี ค..1938 โรคเบาหวานก็เริ่มคุกคามท่าน จนต้องเข้ารับการผ่าตัดถึงสองครั้งคือที่ท้องและที่แขนขวาจนต้องตัดแขนนั้นออก จากนั้นท่านหนึ่งเดือนสุดท้ายท่านก็กลายเป็นคนตาบอดและด้วยความสงบในวันที่  9 กรกฎาคม ค..1942  ด้วยอายุรวม 76 ปี ท่านก็ได้ถูกพระยกไปตลอดนิรันดร์ พร้อมด้วยคำพูดสุดท้ายคือ พระเจ้าจะทรงทำมันให้สำเร็จแล้ว

นับจากนั้นเรื่องราวของซิสเตอร์ผู้ก้าวไปด้วยศูนย์กลางของชีวิตคือพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท ที่หล่อเลี้ยงด้วยการอุทิศตนแม่พระ และนักบุญยอแซฟ ก็ได้รับการดำเนินเรื่องจนในระหว่างการเสด็จเยือนบลาซิลของสมเด็จพระสันตะปาปายห์น ปอล ที่ 2 ก็ได้ทรงแต่งตั้งคุณแม่เป็นบุญราศี เมื่อวันที่ 18 ตุลาคมปี ค..1991 ไม่นานจากนั้นความยินดีก็มาเยือนชาวบลาซิลอีกครั้งเมื่อพวกเขาได้มีนักบุญองค์แรกมาจากประเทศของเขาในวันที่ 19 พฤษภาคม ค..2002 เมื่อสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ทรงแต่งตั้งมาเดร เปาลีนา เป็นนักบุญที่ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร



ข้าพเจ้ามุ่งมันรอคอยอย่างกระตือรือร้นเเละหวังว่า ข้าพเจ้าจะไม่อับอายเเต่จะพูดอย่างกล้าหาญว่า พระคริสตเจ้าจะทรงได้รับเกียรติในร่างกายของข้าพเจ้า ณ บัดนี้ เหมือนกับในอดีต ไม่ว่าข้าพเจ้าจะเป็นหรือตายก็ตาม(ฟป 1:20)  ท่านหวังเพียงรับใช้พระคริสตเจ้า ดังนั้นแม้จะเจอพายุจากการแทรกแซงจนทำให้ท่านต้องถูกปลดจากการดำรงตำแหน่งเป็นคุณแม่มหาธิการิณี ท่านก็ไม่รู้สึกเศร้าที่จะน้อมรับไปทำงานที่ต่ำต้อยยาวนานถึงเก้าปี เพราะท่านปล่อยให้ทุกสิ่งเป็นไปตามน้ำพระทัยเพือให้นามพระองค์ดังเกริกก้องไป ด้วยผ่านการรับกางเขน เช่นกันเราต้องกล้ารับกางเขนตลอดเพื่อพระองค์ เพราะด้วยกางเขนนี้แหละพระเยซูเจ้าก็จะเป็นที่รู้จัก



ข้าแต่ท่านนักบุญเปาลา แห่ง พระหฤทัยอันระทมทุกข์ยิ่งของพระเยซูเจ้า ช่วยวิงวอนเทอญ

ข้อมูลอ้างอิง

'เบร์นาร์โด ฟรานซิสโก' ให้ชีวิตนี้เป็นสะพานนำรักพระองค์ไป ตอนจบ

บุญราศีเบร์นาร์โด ฟรานซิสโก เด โอโยส เด เซญา Bl. Bernardo Francisco de Hoyos de Seña วันฉลอง: 29 พฤษจิกายน [ย้อนกลับไปอ่าน  “‘เบร์นาร์โด ฟรา...