วันพุธที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2557

"มารีอา เดล การ์เมน" นักบุญน้อยหัวใจคับโลก


คารวียะมารีอา เดล การ์เมน กอนซาเลซ บาเลรีโอ
Venerable Maria del Carmen González-Valerio

                                   จะเอื้อนเอ่ยเจื้อยแจ้วถึงเรื่องราว       ของเด็กสาวธรรมดาไร้ราศี
                            ผู้ยิ่งใหญ่ด้วยใจที่แสนดี                        เปี่ยมฤทธีความรักเกินเยาว์วัย
                                   มารีอา นามเธอช่างดีนัก                 เปี่ยมด้วยศักดิ์มารีย์อันผ่องใส
                            แม้ชีพจากโลกนี้ไปแสนไกล                    ในดวงใจเธอนั้นคือนักบุญเอย
ตำนานบทนี้เริ่มขึ้นในวันที่ 14 มีนาคม ค..1930 ท่ามกลางความวุ่นวายของแผ่นดินสเปนในครอบครัวของนายฆูลีโอ กอนซาเลซ บาเลรีโอ กับนางการ์เมน ไซเอนซ์ เด เอเรดีอา หลังจากมีลูกด้วยกันแล้วหนึ่งคนทั้งสองก็ได้ให้กำเนิดทารกเพศหญิงตัวน้อยๆ (หลังจากนั้นพวกเขาก็มีลูกด้วยกันอีกสามคน) แต่ความยินก็อยู่ได้ไม่นานเพราะเด็กน้อยมีสภาพที่อยู่ระหว่างเส้นกั้นบางๆระหว่างความตาย ดังนั้นทารกน้อยจึงได้รับศีลล้างบาปในทันที แต่พระเจ้าก็มิได้ทรงโปรดให้ทารกน้อยต้องตายไปพร้อมบาปเดิม พระองค์ทรงเตรียมทารกคนนี้ไว้เพื่อแสดงพระเกียรติคุณของพระองค์ให้โลกเห็น

และเพื่อเตรียมตัวเด็กหญิงตัวน้อยผู้นี้ให้พร้อมเพื่องานนี้ พระองค์ก็ทรงโปรดให้ ฯพณฯท่าน เตเดซกินี ผู้แทนสมเด็จพระสันตะปาปาในประเทศสเปนสหายของครอบครัว ให้มีความคิดให้ท่านรับศีลกำลัง ในวันที่ 6 เมษายน ค..1932 ขณะท่านมีอายุเพียงสองปีเท่านั้น



ตั้งแต่เยาว์มารีอาก็ได้แสดงออกถึงความรักต่อคนยากไร้ มีครั้งหนึ่งมีขอทานคนหนึ่งได้มาสั่นกระดิ่งที่หน้าบ้านของท่าน ท่านจึงเดินมาเปิดพร้อมมอบเงินออมเล็กๆน้อยๆทั้งหมดของท่านแก่เขา พร้อมพูดกับเขาว่า ตอนนี้ สั่นอีกครั้งนะคะ เพื่อคุณแม่จะได้ให้อะไรกับคุณบ้าง  นอกจากนั้นท่านยังเป็นคนรู้จักพอประมาณมากๆ มารดาของท่านเล่าว่า วันหนึ่งมารีอา การ์เมน กำลังจะไปงานวันเกิดกับเพื่อนๆ ดิฉันเลยจัดให้เธอใส่ชุดไม่มีแขนคอต่ำตัวน้อย และบอกเธอว่าไม่ต้องไปพับมัน แต่ดิฉันก็รู้ว่าเธอใส่เสื้อแจ็คเก็ตทับมันไว้ ทำให้ดิฉันโกธรเธอและดุเธอ เธอบอกดิฉันพลางร้องไห้ว่า เธอจะไม่ออกไปพร้อมกับชุดนี้ พอดีกันมารดาดิฉันก็ผ่านมาเห็นเหตุการณ์ ท่านจึงเข้ามาบอกดิฉันว่าดิฉันไม่มีสิทธิ์หยุดความรู้พอประมาณจากพระเจ้าของเธอได้ และดิฉันต้องรับผิดชอบต่อระเจ้าเพื่อการศึกษาที่ดิฉันมอบให้กับเธอ ดังนั้นมารีอา การ์เมนจึงจะไปงานเลี้ยงพร้อมแจ็คเก็ต และเช่นเด็กทั่วไปท่านมีงานอดิเรกตามประสาเด็กคือการสอนตุ๊กตาตัวน้อยของท่านทำสำคัญมหากางเขนและสวดภาวนากับสะสมภาพศักดิ์สิทธิ์ที่ได้มา

นอกจจากนั้นท่านรักการสวดสายประคำมากตั้งแต่มีอายุได้ห้าปีพร้อมกับครอบครัว และการสวดบทร่ำวิงวอนแม่พระจากดวงใจเล็กๆด้วยความภาคภูมิใจ ท่านมีบันทึกกิจการที่ทำให้ท่านรู้คุณธรรมและหน้าที่ในแต่วันของการดำเนินชีวิต อาทิ การเชื่อฟัง ทรมานร่างกาย  การศึกษา สวดสายประคำ รับศีล ร่วมมิสซา สวดภาวนาเป็นต้น นอกเหนือจากนี้ท่านยังชอบถวายการเสียสละน้อยๆของท่านแด่พระหฤทัยของพระเยซูเจ้า ครูคำสอนที่เตรียมท่านให้พร้อมรับศีลอภัยบาปเล่าว่า เมื่อดิฉันได้เตรียมเด็กๆสำหรับรับศีลอภัยบาป ดิฉันจะเห็นใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกลัวของบาป และความพยายามที่จะปฏิบัติกิจใช้โทษบาปของเธอให้ดีที่สุด



หลังจากนั้นเมื่ออายุได้หกปีท่านก็ได้รับศีลมหาสนิทครั้งแรก ด้วยแรงผลักดันจากมารดาของท่าน โดยภายหลังเธอจึงให้เหตุผลว่า ดิฉันเชื่อมั่นว่านับจากนั้นสเปน โดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวของเรา จะต้องผ่านเวลาที่ยากลำบาก หนึ่งจะมีการเบียดเบียนก่อตัวขึ้น และดิฉันต้องการให้มารีอา การ์เมน รับศีลมหาสนิทครั้งแรกก่อน

 เอาจริงๆแล้วเธอเติบโตในด้านความศักดิ์สิทธิ์หลังจากการรับศีลมหาสนิทครั้งแรกของเธอ มารดาท่านกล่าว นอกจากนั้นแล้วในโอกาสนี้ท่านยังได้ถวายตัวทั้งครบแด่พระเยซูเจ้า ที่สุดความวิโยคครั้งยิ่งใหญ่ก็ซาซัดเข้ามายังครอบครัวคาทอลิกที่ดีและชาตินิยมนี้ ในวันที่ 15 สิงหาคม ค..1936 เมื่อบรรดาทหารคอมมิวนิสต์เขาล้อมจับบิดาท่าน ลูกๆของเรายังเล็ก เกินกว่าจะเข้าใจ จงบอกพวกเขาว่าคุณพ่อของเขามอบชีวิตของเขาเพื่อพระเจ้าและเพื่อสเปน เพื่อให้ลูกหลานของเราโตขึ้นมาท่ามกลางคาทอลิกสเปน ที่ซึ่งกางเขนครองโรงเรียน คือคำสั่งเสียสุดท้ายก่อนบิดาท่านจะถูกฆ่าในอีกวันถัดมา



หลังจากการจากไปของเสาหลักของครอบครัว มารดาท่านก็ต้องไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่สถานกงสุลเบลเยียม เพราะความเชื่อมั่นในพระคริสตเจ้า ส่วนท่านและพี่น้องก็ถูกพาไปปอยู่กับคุณป้า ที่นั่นทุกๆวันท่านก็มักสวดภาวนาต่อรอยแผลศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้คนที่ฆ่าบิดาท่านให้กลับใจ บางวันท่านก็เชื้อเชิญคุณป้าว่า ป้าฟีฟาคะ เรามาสวดให้คุณพ่อและคนที่ฆ่าท่านกันดีกว่าคะ และเมื่อท่านเห็นพี่จูลีโอหรือคุณป้าโซเฟียเศร้าท่านก็เดินเข้าไปพูดว่า มาสวดสายประคำกับถวายตัวแด่รอยแผลศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้ากันดีกว่าคะ

ท่านอยู่กับคุณป้ากระทั้งเมื่อทราบว่ามีแผนการลักพาตัวเด็กตระกูลกอนซาเลซ บาเลรีโอ ส่งไปเลี้ยงในลัทธิมากซ์ ที่ประเทศรัสเซีย เพื่อปลูกฝังความเชื่อตามแบบอย่างคอมมิวนิสต์ ดังนั้นที่สุดทั้งครอบครัวจึงกลับมาอยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้งที่กงสุลเบลเยียมแม้จะมีพื้นที่ไม่มากนัก ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค..1937 หลังจากนั้นในวันที่ 31 มีนาคม ปีเดียวกันครอบครัวท่านก็ได้ลี้ภัยไปที่ซาน เซบัสเตียน ของแคว้นบาสก์  



สวรรค์คือบ้านของแม่ วันหนึ่งที่ซาน เซบัสเตียน หลังจากกลับมาในช่วงวันหยุดของโรงเรียนกินนอนของคณะไอริชแห่งพระแม่มารีย์ ที่ ซัลลา ที่ท่านถูกส่งไปในเดือนตุลาคม ค..1938 หลังจากหนึ่งปีที่โรงเรียนพระหฤทัย ท่านก็พบมารดากำลังทำหน้ากังวลใจเรื่องบ้าน ท่านจึงเข้าไปคุยกับมารดาท่านว่า คุณแม่คะ  คุณแม่สนสิ่งที่เป็นของฝ่ายโลกมากเกินไปแล้วนะ สวดมากๆซิคะ ทันทีมารดาท่านก็ตอบไปว่า ลูก แม่จำเป็นต้องมีบ้าน ท่านจึงยืนยันอีกครั้ง แม่คะ สวรรค์คือบ้านของแม่นะคะ….”

ท่านมีบันทึกกิจการที่ท่านเขียนถึงสามครั้งว่าส่วนตัว เป็นเหมือนบันทึกวิญญาณของท่าน ท่านมักถามหากระเป๋านักเรียนที่มีบันทึกเล่มนี้ที่ท่านเข้าใจได้คนเดียวเสมอๆ อาทิ พวกเขาฆ่าคุณพ่อผู้น่าสงสารของหนู , สเปน จงเจริญ พระคริสตราชา จงเจริญ ในหน้าสุดท้ายเช่นเดียวกับบรรดามรณสักขีทั้งหลายในระหว่างสงครามกลางเมืองสเปน ,เพื่อคุณพ่อ 7 พฤษภาคม ..1939 ส่วนตัว  และวลีที่สำคัญที่สุดคือ หนูได้ถวายตัวเองทั้งครบแด่พระเจ้าในเขตของนายชุมพาบาลที่แสนดี 6 เมษายน ค..1939” ซึ่งไม่มีใครเข้าใจได้เลยกระทั้งท่านจากไป ว่าหมายความว่าอย่างไร



หนูได้ถวายตัวเองทั้งครบแด่พระเจ้าแน่นอนไม่นานพระเยซูเจ้าก็ทรงตอบรับของถวายชิ้นนี้ เพราะหลังจากกลับมาจากโรงเรียนในวันที่ 8 เมษายน ค..1939 ท่านก็ล้มป่วยลงด้วยโรคไข้อีดำอีแดง จนนำไปสู่การติดเชื้อที่หูก่อนกลายเป็นอาการโลหิตเป็นพิษ ซึ่งจากบันทึกของเพื่อนท่านทำให้เราทราบว่านับจากวันที่ท่านเข้ารับการรักษา ท่านเริ่มพูดถึงความตายของท่านอยู่ทุกวัน ท่านรู้ดีว่าท่านจะไม่มีวันหายแน่นอน ดังนั้นท่านจึงกล้ากล่าวกับมารดาท่านที่แนะนำให้ท่านวอนขอพระกุมารให้ทรงรักษาท่านว่า ไม่คะ คุณแม่ หนูจะไม่ขอเช่นนั้นคะ หนูอยากให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์คะ

แม้จะต้องนอนซมอยู่แต่บนเตียงท่านก็ไม่ได้ละทิ้งรายละเอียดน้อยที่สุดเช่นครั้งหนึ่งซิสเตอร์คนหนึ่งเห็นว่าแดดคงรบกวนท่านจึงเดินมาปิดม่านให้ท่าน ท่านจึงกล่าวขอบคุณ แต่ซิสเตอร์อีกคนเห็นท่านควรได้รับแสงแดดซักหน่อยจึงเดินมาเปิดม่านให้ท่านให้ท่านในเวลาไม่ช้า ท่านก็มิได้โกธรหรือปล่อยมันไปตรงข้ามท่านกลับปฏิบัติเช่นเดียวกันกับครั้งแรกคือกล่าวขอบคุณซิสเตอร์ ท่านพักอยู่ที่นั่นจนถึงวันที่ 27 พฤษภาคม จึงมีการย้ายท่านไปยังกรุงมาดริด ที่นั่นท่านต้องฉีดยาหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งทุกครั้งท่านก็จะสวดภาวนาด้วยบทข้าแต่พระบิดา ข้าพเจ้าเชื่อ



นับจากนั้นท่านก็ต้องทนทุกข์มากขึ้นเรื่อยๆอย่างหนักหน่วงเพื่อคนที่ท่านไม่รู้จัก ท่านกลายเป็นป่วยด้วยโรคท้องร่วง ไม่พอบาดแผลที่ขาท่านยังเกิดเน่า บางครั้งท่านถึงกลับนอนไม่หลับเพราะเจ็บปวดมีเพียงพระนามของพระเยซูเจ้าเท่านั้นที่คอยเป็นยาบรรเทาให้ท่านเสมอ ท่านเคยกล่าวกับคุณยายตอนเด็กๆว่า  คุณยายรู้ไหมคะว่ามันคืออะไร การจะเป็นนักบุญน่ะเราต้องสละตัวเองนะคะ เมื่อคุณยายถามท่านกับพี่ว่าอยากจะเป็นนักบุญไหม

นับวันเวลาแห่งสวรรค์ยิ่งใกล้ท่านเข้ามาเรื่อยและท่านก็รู้ดีท่านจึงบอกเสมอว่าท่านจะจากไปในวันฉลองแม่พระแห่งภูเขาคาร์แมลองค์อุปถัมภ์ของท่าน แต่เมื่อทราบว่าคุณป้าโซเฟียของท่านกำลังจะแต่งงานท่านก็ประกาศในวันนั้นว่าท่านจะจากไปในวันถัดไป  ดังนั้นในวันที่ 17 กรกฎาคม ค..1939 อาการท่านก็ยิ่งทรุดจนท่านไม่อาจลุกไปไหนจากเตียงได้ ท่านประกาศย้ำอีกครั้งว่า วันนี้ หนูจะตายและหนูจะไปสวรรค์คะ กระทั้งเวลาประมาณช่วงบ่าย หลังจากหยุดสวดไปท่านก็เริ่มสวดภาวนาอีกครั้ง ทันทีท่านก็เริ่มได้ยินเสียงเพลงของบรรดาทูตสวรรค์ดังขึ้น หนูจะตายเช่นมรณสักขี คุณหมอคะได้โปรดเถอะคะ ให้หนูได้ไปตอนนี้เถอะคะ หมอไม่เห็นหรอคะว่าแม่พระทรงมาพร้อมกับบรรดาทูตสวรรค์เพื่อรับหนูแล้ว ทำให้ทุกคนที่รายล้อมเตียงท่านเพื่อดูใจท่านต่างพากันประหลาดใจกันเป็นแถว เยซู มารีย์ ยอแซฟ โปรดช่วยหนูจากความเจ็บปวดที่ผ่านมา โปรดให้หนูได้จากไปพร้อมกับท่านด้วย ท่านกล่าวก่อนล้มตัวนอนบนหมอนและหายใจครั้งสุดท้ายโดยปราศจากความทุกข์ทรมาน



ด้วยวัยเพียงเก้าปี ท่านจากไป ทันทีร่างน้อยๆของท่านกลายเป็นงดงามขึ้นและอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมที่ไม่ใช่ของดอกไม้ จนแพทย์ครั้งแรกปฏิเสธจะบอกว่าท่านตายแล้ว หลังจากนั้นร่างของท่านก็ถูกฝังในชุดสีขาวสวยที่ใช้ในการรับศีลมหาสนิทครั้งแรกของท่าน ท่ามกลางดอกไม้จากงานแต่งของคุณป้าท่านที่ท่านขอไว้ตั้งแต่เมื่อวาน หนูขอดอกไม้ก็พอแล้วคะ

อาซาญา(ประธานาธิบดีที่นำไปสู่การเบียดเบียนคริสตชนในสเปน)จะได้ไปสวรรค์ไหมค่ะ มารดาท่านก็ตอบว่า ถ้าลูกหมั่นทำพลีกรรรมและสวดภาวนาให้เขา ถูกแล้วลูกเขาก็จะได้รับความรอดซึ่งด้วยการเสียสละนี้วิญญาณดวงหนึ่งก็ได้รับความรอด อาซาญา กลับใจในช่วงวาระสุดท้ายของเขากลับมาสู่หนทางกางเขนที่ถูกสร้างขึ้นจากเด็กสาวตัวน้อยๆอย่างไม่ต้องสงสัย คุณพ่อหนูจากไปเช่นมรณสักขี คุณแม่ผู้น่าสงสาร และหนูกำลังจะจากไปเช่นยัญบูชา



เรื่องราวของท่านถูกดำเนินเรื่องเพื่อขอสถาปนาเป็นบุญราศี กระทั้งในวันที่  16 มกราคม ค..1996 สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปลอ ที่ 2 ก็ได้ทรงรับรองความศักดิ์สิทธิ์ของท่านในฐานะ คารวียะ

ข้าพเจ้าคิดว่าการมีชีวิตอยู่ก็คือพระคริสตเจ้า และการตายเป็นกำไร หากการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้เป็นโอกาสให้ข้าพเจ้าทำงานได้ผลเเล้ว ข้าพเจ้าก็ไม่รู้ว่าจะเลือกสิ่งใดดี (ฟป 1:21-22 ) เรามีชีวิตอยู่เพื่อเลียนแบบพระคริสตเจ้าด้วยการรักพระและรักทุกคนๆ พร้อมแบกกางเขนตามพระองค์ไปสวรรค์ไปรับกำไรในโลกหน้าอันคือชีวิตนิรันดร เหมือนท่านที่เลียนแบบความรักของพระเยซูเจ้าด้วยการยอมตายเพื่อให้คนที่ฆ่าบิดา คนที่หลายๆคนเกียจได้กลับใจ ดังนั้นเราต้องมีชีวิตแบบพระคริสตเจ้าเท่าที่เราทำได้ เพื่อกำไรในอาณาจักรสวรรค์ด้วยการกระทำทุกสิ่งด้วย ความรัก



ข้าแต่ท่านคารวียะมารีอา การ์เมน กอนซาเลซ บาเลรีโอ ช่วยวิงวอนเทอญ

ข้อมูลอ้างอิง

'เบร์นาร์โด ฟรานซิสโก' ให้ชีวิตนี้เป็นสะพานนำรักพระองค์ไป ตอนจบ

บุญราศีเบร์นาร์โด ฟรานซิสโก เด โอโยส เด เซญา Bl. Bernardo Francisco de Hoyos de Seña วันฉลอง: 29 พฤษจิกายน [ย้อนกลับไปอ่าน  “‘เบร์นาร์โด ฟรา...